หลิวเยี่ยนฟางรถคว่ำตายแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของเสิ่นเยี่ยนฟาง เด็กสาวที่ตายเพราะพิษไข้ นางถูกสั่งให้แต่งงานกับบัณฑิตป่วยออดแอดคนนึง ด้วยสินสอดข้าวสาลีหนึ่งถุงกับเงินหนึ่งตำลึง "เอ้อ ได้เกิดใหม่ทั้งทีก็โคตรจน ฉันควรดีใจไหมวะคือนี่บ้านเหรอเนี่ย แล้วยังมีญาติผัวประสาทเห็นแก่ตัวชอบเอาเปรียบ อีกเวรของกรรมจริงๆ" หลิวเยี่ยนฟางที่ตอนนี้อยู่ในร่างของเสิ่นเยี่ยนฟางสาวน้อยวัยสิบเจ็ดกำลังด่าทอชะตาชีวิตที่ได้เกิดใหม่ ก่อนจะเข้าไปดูสามีหมาดๆที่เพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อวาน อืมหล่อมาก เสียดายขี้โรคไปหน่อย ก่อนจะเรียกคนที่หลับอยู่ "นี่เมิ่งหย่งชวน มาคุยกันหน่อยข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่าน" เมิ่งหย่งชวนตื่นนานแล้วตั้งแต่เห็นนางยืนเท้าเอวเป่าปอยผมตนเองทำท่าเหมือนลูกแมวน้อยขู่ฟ่อๆ ชี้ท้องฟ้าด่าสายลมอยู่หน้าบ้านก็อมยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าจริงจัง "อืมภรรยาเจ้ามีเรื่องอันใดหรือ" "น้องสาวเจ้าอยากเก็บไว้ไหม ปิ่นปักผมนั่นของมารดาข้า นางหน้าด้านยื้อแย่งเจ้าตอบมาคำเดียวยังต้องการนางไหม" เมิ่งหย่งชวนไม่เข้าใจที่นางพูดจึงส่ายหน้า แต่คนตัวเล็กเข้าใจผิดว่าเขาบอกว่าไม่ต้องการจึงพยักหน้าให้เขา "อืมดีมาก เมิ่งลู่เจินเจ้ามาดูพี่ชายเจ้าหน่อยเข้าจะไปทวงของๆข้าคืน"
Lihat lebih banyakRrrr. Rrrr.Rrrr
เสียงเรียกเข้าจากมือถือราคาแพงดังไม่หยุด หลิวเยี่ยนฟางกำลังขับรถอยู่ไม่อยากกดรับจึงปล่อยให้สายตัดไป
Rrrrr.Rrrrr.Rrrrr.
"อะไรนักหนา ก็ไม่รับสายตอนขับรถไงไม่รู้หรือ นี่มันเฮ้อเบอร์ผู้การนี่ ตาแก่หวังนี่มันช่วงพักร้อนฉันนะ" ก่อนจะเอื้อมมือกดรับสาย
" ฮัลโหลคะผู้การ ฉันขับรถอยู่เดี๋ยวหาที่จอดก่อนจะโทรกลับนะคะ"
หลิวเยี่ยนฟางกดวางสายทันที ไม่รอให้อีกฝั่งตอบกลับมา เธออยู่ในช่วงลาพักร้อนกำลังรอไฟท์บินไปมัลดีฟในอีกสามวัน อยากหาบรรยากาศชิวๆผ่อนคลายบ้าง
หลิวเยี่ยนฟางเป็นครูฝึกหน่วยรบพิเศษมาเกือบสิบปีแล้ว ปีนี้อายุ35 ตั้งแต่คนรักนอกใจเมื่อ7ปีก่อนก็ไม่คบหาใครอีกเลย
เสียงมือถือดังติดๆกันหลายรอบ สุดท้ายก็ตัดสินใจหาที่จอดเพื่อรับสาย ตอนนี้5ทุ่มแล้วต้องหาที่ปลอดภัยก่อนจะจอด จากนั้นก็ตบไฟเลี้ยว ขณะที่เธอกำลังจะเลี้ยวก็มีรถตู้ขับมาอย่างไว ประสานงากับรถของเธออย่างจัง หลิวเยี่ยนฟางรู้สึกว่ารถของเธอหมุนหลายตลบ จากนั้นสติที่มีอยู่ก็ค่อยๆดับไป
แคว้นซ่ง
ร่างบางในชุดสีซีดนอนอยู่บนเตียงที่ทำจากการเอากระดานไม้มาวางต่อๆกัน ห้องข้างๆมีเสียงทุ้มมีเสน่ห์บุรุษคนหนึ่งเอ่ยเรียกหาน้องชาย
"อาเจิน ไปไปดูพี่สะใภ้เจ้าสักหน่อยเถอะไม่รู้ว่านางเป็นอย่างไรบ้าง แค่กๆ" เมิ่งหย่งชวนที่นอนอยู่อีกห้องเรียกหาน้องชายให้ไปดูภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาเมื่อวาน
"ขอรับพี่ใหญ่"
เมิ่งหย่งชวนไอออกมาจนตัวโยน เขาถูกบ้านใหญ่ไล่มาเพราะว่าอาการป่วยของเขาทำให้ไปสอบไม่ได้ เขาสอบได้ซิ่วไฉทางบ้านใหญ่จึงได้ละเว้นภาษีที่นา
แต่พวกเขาไม่พอใจยังเหลืออีกสองสิทธิ์จึงอยากขายสิทธิ์นั้นให้แก่เศรษฐีที่ดินในหมู่บ้านอีกคน เมิ่งหย่งชวนไม่ยอม เขาเป็นบัณฑิตเรื่องเสื่อมเกียรติเช่นนั้นเขาไม่ทำ
หลังจากนั้นไม่นานตอนกำลังจะสอบจี่เหรินสามวันก่อนสอบอยู่ๆเขาก็ป่วย อีกสองวันต่อมาเขาก็ได้ข่าวว่าเศรษฐีจูได้รับสิทธิ์ละเว้นภาษีที่นาเกือบสี่สิบหมู่ พร้อมกับที่บ้านใหญ่ส่งหนังสือแยกบ้านและหนังสือตัดสัมพันธ์มาให้เขา
เด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงคือเสิ่นเยี่ยนฟาง เมิ่งหลงผู้นำหมู่บ้านเห็นว่าการที่บ้านใหญ่ของเมิ่งหย่งชวนทำเช่นนี้เหมือนกับปล่อยให้เขากับน้องชายต้องตาย
อย่างไรก็เป็นซิ่วไฉของหมู่บ้าน จึงปรึกษากับผู้อาวุโสทั้งหลายว่าจะแต่งงานให้เขา เพื่อแก้ชงและหาคนมาดูแลสองพี่น้อง แน่นอนไม่มีใครอยากยกบุตรสาวตนเองให้กับบัณฑิตยากจนที่ป่วยขี้โรคอย่างเขาสักคน
แม้ว่าเขาจะหล่อเหล่าแต่อย่างไรเล่ามันไม่ได้ทำให้อิ่มท้องสักนิด อีกทั้งยังมีน้องชายที่เป็นภาระอีกหนึ่งคนพ่วงมาด้วย แต่ในที่สุดก็เจอคนที่ดวงสมพงษกันจนได้ คือเสิ่นเยี่ยนฟางจากหมู่บ้านห้าสิบลี้ ซินแสบอกว่าสตรีที่เหมาะสมที่สุดก็คือเด็กกำพร้าจากสกุลเสิ่นคนนี้
"เป็นอย่างไรบ้างอาเจิน นางดีขึ้นหรือไม่ นางเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เจ้าไปขอยืมเงินบ้านท่านปู่ผู้นำสักหน่อย แล้วไปเชิญท่านหมอมาดูนางเถอะ นางแต่งมาเมื่อวานจะมาตายที่นี่หรือไร นางแต่งงานมาแก้ชงให้ข้าหรือมาเพิ่มความอัปมงคลให้ข้ากันแน่ แค่กๆ"
เมิ่งหย่งชวนเอ่ยถามน้องชายที่เขาสั่งให้เข้าไปดูคนป่วย วาจานั้นทำเอาคนที่เพิ่งฟื้นถึงกับสะดุ้ง ไอ้เด็กปากเสียนี่มันน่าจับทุ่มสักทีเหอะ
"ตรรกะอะไรวะเนี่ย นังหนูนี่เวรกรรมอะไรต้องมาแต่งงานแก้ชงให้ไอ้เด็กบ้านนั่นคนเขาอุตส่าห์แต่งมา ดันมาหาว่านางมาทำให้อัปมงคลอีก ปากน่าตบสักที ขอไปดูหน้าหน่อยเถอะ"
หลิวเยี่ยนฟางที่นอนอยู่ในบ้านตื่นมาสักพักแล้ว กำลังรวบรวมความทรงจำของร่างนี้อยู่ ได้ยินคำพูดสามีของร่างเดิมที่เพิ่งจะเป็นสามีแค่ข้ามคืนก็ยากจะลุกไปโบกสักที ป่วยใกล้จะตายยังปากดี
แต่ทันทีที่ลืมตาก็แทบจะสำลักตาย ทั้งหยากไย่ทั้งฝุ่นหนาเตอะ เมื่อได้รับความทรงจำของร่างนี้มาแแล้วก็ทบทวนความทรงจำของตนเอง เธอขับรถกลับบ้านหลังจากไปฟิทเนตมา หวังเจี่ยผู้การภาคเจ้านายของหน่วยงานที่เธอสังกัดอยู่โทรหา เนื่องจากเขาโทรมามากกว่ายี่สิบสาย ในที่สุดหลิวเยี่ยนฟางจึงตัดสินใจหาที่จอดรถเพื่อจะรับสาย
กำลังจะเลี้ยวก็มีรถตู้ที่ไม่รู้ว่าพุ่งมาจากไหน ประสานงากับรถเก๋งของเธออย่างจัง รู้สึกว่ารถกลิ้งหลายตลบมาก หน้าอกกระแทกกับถุงลมนิรภัย แต่ดูเหมือนจะชนแรงมากจึงทำให้เธอกระแทกแรงเกินไป
จากการเป็นนาวิกโยธิมาหลายปีก่อนจะมาเป็นครูฝึก สันนิษฐานได้ว่ากระดูกซี่โครงเธอหักและน่าจะทิ่มปอด เพราะก่อนที่เธอจะหมดสิติเธอรู้สักเหมือนมีลมออก และหายใจไม่ทั่งท้องติดขัดๆ จนในที่สุดสติก็ดับไปเธอตายแล้วจริงๆ ตอนนี้อยู่ในร่างของเสิ่นเยี่ยนฟางเด็กสาวกำพร้าที่ถูกอาสาวขายมาด้วยเงินหนึงตำลึงกับข้าวหนึ่งถุง
"ฉันตายแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ในร่างเด็กอายุสิบเจ็ดหรือ ชื่อเสิ่นเยี่ยนฟางแต่งงานแก้ชงเมื่อวานอะไรกันเนี่ย ฉันไม่ชอบอ่านนิยายนะไอ้ทะลุมิติเนี่ย ทำไม่ไปโผล่โลกอนาคตย่ะ แล้วจะใช้ชีวิตต่อไปแบบไหนอ่ะมีผัวแล้วคลอดลูกเลี้ยงลูก นั่งเย็บผ้ารอผัวกลับบ้าน ผัวมีสามภรรยาสี่อนุเหรอ ยี้ แต่ยากจนขนาดนี้คงไม่มีปัญญาหาเมียเพิ่มหรอกแถมขี้โรคอีกด้วย ดูแล้วน่าจะปากดีอีกต่างหาก"
เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าของร่างเดิมนั้นเนื่องจากบิดาแต่งงานใหม่ แล้วไปทำการค้าต่างถิ่นเป็นพ่อค้าเร่เขาจึงทิ้งนางไว้กับอาสาว หลังจากอาสาวแต่งงานก็พาเธอมาอยู่ด้วยเพราะพี่ชายมักจะส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้เดือนละสองตำลึง รายได้ส่วนนี้เป็นสิ่งเดียวที่เสิ่นอ้ายยอมเลี้ยงหลานสาวกำพร้ามาสี่ปีจนกระทั่งเสิ่นเยี่ยนฟางอายุสิบเจ็ด
แต่เมื่อสามเดือนก่อนอาเขยพยายามลวนลามนางแต่ร่างเดิมสู้กลับนางไม่ยอม จากนั้นก็ไปฟ้องอาเล็กของนางแต่ใครจะรู้กลายเป็นว่าอาเล็กเข้าข้างสามี ด่าทอทุบตีเสิ่นเยี่ยนฟาง หาว่านางไปยั่วยวนบุรุษของตน
จากนั้นเมิ่งหลงผู้นำหมู่บ้านสี่ลิบลี้เป็นคนไปจัดการหมั้นหมายและขอนางมาเป็นภรรยาเมิ่งงงหย่งชวน ด้วยสินสอดหนึ่งตำลึง ข้าวสารหนึ่งถุง นางจึงได้มาอยู่ที่นี่เป็นภรรยาเมิ่งหย่งชวน ดูท่านเจ้าของร่างเดิมต่างหากที่เจอดาวอัปมงคลแต่งวันแรกก็ตาย เมิ่งหย่งชวนคนนี้เป็นหายนะที่แท้จริง
"อยากรู้นักว่าซินแสคนไหนผูกดวง เจ๊จะไปเผาสำนักเสียเลย แก้ชงดวงสมพงษ์บ้านป้าแกสิ แต่งมาวันแรกก็ตาย เจ้าบ่าวแบบนี้ดวงอัปมงคลชัดๆ"
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร
หนุ่มสาวออกเดินทางไปหลังเขา ซึ่งไม่ได้ไกลจากจวนมากนัก เดินเท้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถาไปด้านหนึ่ง จ้าวไห่เฉิงก็จูงมือเมิ่งเสี่ยวเฟิงไปอีกด้าน ส่วนซูหยางรวบเอวบางของเมิ่งหานเซียงไปนั่งเล่นบนโขดหินริมลำธาร องครักษ์ที่ตามมามีมากกว่าสิบคนต่างก็ดูแลรอบนอกเผื่อมีคนนอกหลงเข้ามาเมิ่งเสี่ยวเย่ากับเมิ่งซีฮวนไปหาไก่ป่า ส่วนหวงมู่เหวินไปเก็บฟืนกับหานมู่เฉิน ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน มารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งคู่ สาวๆที่เหลือต่างก็กวดจับกระต่ายป่า โจวจื่อหรานไม่อยากทำร้ายมันจึงปล่อยไป บรรดาบิดามารดาของเด็กๆเหล่านี้ปวดหัวมากนัก เมื่ออยู่กันครบทีไรสร้างเรื่องใหญ่โตทุกที โจวหยวนปวดหัวแต่ต้องยอมตามใจ เจียงเสี่ยวฮวาเองก็ไม่อยากดุแต่จำต้องเข้มงวดเมื่อได้ไก่ป่ามาแล้วบุรุษก็จัดการ ให้บรรดาสตรีนั่งรอ จางจื่อเหยียนสายตาซุกซนนางมองเห็นดอกไม้สีแดงอยู่ลิบๆ แน่นอนว่าใช่ดอกโสมนางต้องไปเอามันกลับให้ได้ เอาไปขายให้ท่านพ่อคงได้หลายร้อยตำลึง ดรุณีน้อยมีหัวการค้ายิ่งนัก แต่ลูกค้าของนางกลับเป็นบิดาอย่างจางลี่ แล
ปลายยามอิ๋นเมิ่งหานเซียงขยับตัว นางนึกขึ้นได้ว่าข้างๆมีคนนอนด้วยก่อนจะขยับร่างบางเข้าหาซุกใบหน้าหวานเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นกายซูหยางทำเอาสาวน้อยหวั่นไหว นางกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจนางเลย แต่กับคุณหนูคนอื่นๆเขากลับดูแลอย่างดี บางคนถึงกับยอมสอนพวกนางให้ส่วนตัว เมิ่งหานเซียงกลัวเขาจะตื่น แต่ก็รวบรวมความกล้าจุมพิตลูกกระเดือกคนตัวโตเบาๆ ไล่จุมพิตไปจนถึงปลายคาง ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนนอนหลับซูหยางตื่นนานแล้ว เขาไม่ขยับอยากรู้ว่านางจะทำอะไร คนตัวโตยิ้มในความมืดมือหนาลูบหลังนางเบาๆเป็นสัญญาว่าเขาตื่นแล้ว เมิ่งหานเซียงเขินอาย เขาตื่นตอนไหนนะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้"ท่านอา..เช้าแล้วมิกลับห้องหรอกหรือเจ้าคะ""อยากนอนกอดเจ้าอีกหน่อยเด็กดีของอา เซียงเอ๋อร์คนงาม อารักเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าล่ะรักอาบ้างไหม"ดรุณีน้อยมิตอบคำถาม แต่แขนเรียวโอบกอดเอวหนาของคนตัวโตแทนคำตอบทั้งหมด ซูหยางยิ้มในความมืดก่อนจะพลิกร่างบางลงใต้ร่างแกร่ง เขาพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม"อยากเข้าหอกับเจ้าจัง ได้ไหมหื้ม""ท่านอา..อย่ารุ่มร่ามเข้าหออะไรของท่าน อยากถูกเส
จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถามาทางสวนท้อด้านหลังจวน เจ้าตัวยุ่งของเขาชอบดอกท้อที่สุด เขาแปลกใจเหมือนกันนางร่ายรำใต้ต้นท้อยามใด ดอกท้อพร้อมใจกันบานเต็มไปหมด ดูเหมือนบุตรสาวจวิ้นอ๋องแต่ละคนคงเป็นเทพธิดามากำเนิดเสียกระมัง เมิ่งเสี่ยวฮวาเดินไปทางใดก็มีแต่ดอกไม้เบ่งบาน เมิ่งเสี่ยวเฟิงเพียงแค่โบกมือเบาๆก็ราวกับควบคุมสายลมได้ ดินแดนตะวันออกไม่เคยแห้งแล้ง เมิ่งเสี่ยวเหอเด็กคนนั้นว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกระไร ทะเลสาบกว้างใหญ่ ราวกับนั่นคือบ้านอีกหลังของนาง ชาวประมงที่หากินกับแม่น้ำยังไม่สามารถว่ายไปกลางทะเลสาบได้เมิ่งเสี่ยวเถาที่เดินตามร่างสูงมาก็หน้างอง้ำ นางไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจรจากับเขา กระทั่งมาหยุดลงที่ม้านั่งหินใต้ต้นท้อที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด จ้าวตงหยางจับให้เมิ่งเสียวเถานั่งลง ส่วนตัวเขานั้นนั่งลงเรียบร้อยก็นอนหนุนตักนางหน้าตาเฉย จนดรุณีน้อยต้องดุเขาเบาๆ"ไท่จื่อ เป็นถึงรัชทายาทเหตุใดไม่สำรวมสักนิดเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันหนัก"มือหนาคว้ามือบางเอามากุมไว้แนบอก ก่อนจะหลับตาลงเอ่ยกับนาง"เสี่ยวเถา เหตุใดไม่เรียกพี่ตงหยางเช่นเมื่อก่อน เจ้าห่างเหินหมางเมิ
Komen