แฟนๆ บ้านเราเทใจให้เพลงธีมของ 'Phineas and Ferb' เป็นอันดับหนึ่งเสมอ เพราะมันจับความรู้สึกของวัยเด็กได้แบบตรงจุด เสียงร้องเปิดใน 'Today Is Gonna Be a Great Day' กลายเป็นเพลงประจำบ้านที่หลายคนร้องตามได้ตั้งแต่ท่อนแรก รู้สึกเหมือนถูกพาเข้าสู่โลกที่ทำอะไรได้ไม่มีขีดจำกัด ความจังหวะและเมโลดี้ที่สดใสทำให้มันถูกหยิบมาใช้ในวิดีโอสั้น โพสต์ตลก และการคัฟเวอร์ในคาราโอเกะไทยบ่อยๆ จนกลายเป็นเพลงที่คนทุกวัยในกลุ่มแฟนคิดถึงและแชร์กันอยู่เสมอ
การติดหูอันดับรองที่ผมสังเกตเห็นคือเพลงจังหวะป๊อปคิกๆ อย่าง 'Gitchee Gitchee Goo' เพลงนี้มีคอรัสที่ยากจะไม่ร้องตาม พลังความบ้าระห่ำแบบการ์ตูนทำให้มันกลายเป็นมุกติดปากในชุมชนแฟน ทั้งการทำเอ็มแปะ การร้องแบบสลับเสียง และการทำมิวสิกคอมเมดี้สั้นๆ เพลงในสไตล์นี้ดึงดูดคนที่ชอบความสนุกเร็วๆ และเป็นตัวอย่างที่ดีว่าทำไมเพลงจากการ์ตูนบางชิ้นถึงข้ามจากหน้าจอเข้าสู่วัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตได้ง่าย
ส่วนเพลงที่มีมิติอารมณ์มากกว่า เช่น เบาลงเป็นบัลลาดหรือพาร์ตที่มีพล็อตซับซ้อน ผมเห็นว่าแฟนไทยมักจะ
ชื่นชอบเพลงที่สร้างความประทับใจเฉพาะตอน เช่น เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวความผูกพันระหว่างตัวละคร หรือมู้ดที่ทำให้ยิ้มเศร้า ซึ่งเพลงพวกนี้มักโดนคัฟเวอร์แบบอะคูสติกในกลุ่มเล็กๆ และถูกยกมาเป็นตัวอย่างเวลาพูดถึงความสามารถทางดนตรีของซีรีส์ การที่แต่ละเพลงมีคาแรคเตอร์ชัดเจนทำให้คนเลือกเพลงโปรดตามความชอบส่วนตัวมากกว่าแค่ความเป็นฮิต
อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจคือเพลงจากซีรีส์มักถูกนำมาแปลหรือทำเป็นเวอร์ชันภาษาไทยโดยแฟนคลับ ด้วยเหตุนี้บางท่อนที่ติดหูเลยกลายเป็นคำพูดแบบสั้นๆ ที่ใช้กันในชีวิตประจำวันของกลุ่มเพื่อน ตั้งแต่การอ้างอิงมุกจนถึงใช้เป็นแบ็กกราวด์เวลาจัดปาร์ตี้ในธีมการ์ตูน ผลลัพธ์คือเพลงเหล่านี้ไม่ใช่แค่ซาวด์แทร็ก แต่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำร่วมกัน ในฐานะแฟน ผมก็ยังชอบฟังพวกนี้แล้วนึกถึงมุขในตอนต่างๆ อยู่เสมอ