-ไนท์-
“เราเลิกกัน! แล้วอย่ามาให้พี่เห็นหน้าอีก” “ลัลไม่เลิก พี่กำลังเข้าใจลัลผิด ลัลกับเขาไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ นะ” “เหอะ ไม่มีอะไร คิดว่าพี่โง่มากเหรอ ฮะ ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอ้ะ” “ลัลรักพี่นะ” ร่างเล็กคว้าแขนเขา “รักเหี้ยอะไร! ปล่อย!!” ร่างสูงกระแทกเสียง พร้อมกับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเธอ แล้วเดินออกไปทันที “พี่ไนท์” เสียงเล็กตะโกนเรียกตามหลัง “คัต!! ไนท์ ในบทไม่มีคำว่าเหี้ยนะ” “อ่อ ขะ..ขอโทษแทนไนท์ด้วยนะคะ” ผู้จัดการสาวของผมออกตัวขอโทษแทนอย่างไว “พี่เข้าใจว่าไนท์อินกับบท แต่ฉากนี้ช่วยพูดตามบทหน่อยนะ” “..ครับ” “มาๆ เอาใหม่อีกรอบ กล้องสปีด แอนด์.. แอ็กชัน!!” “ดูสิพูดอะไรก็ไม่รู้เนาะ ไม่มืออาชีพเลยว่ามั้ย” “จะมืออาชีพอาร๊าย ก็เห็นว่าเพิ่งมาแสดงได้ไม่นานหนิ” เสียงซุบซิบนินทาของเด็กในกอง “อะแฮ่ม เงียบๆ หน่อยนะคะ เขากำลังถ่ายกันอยู่” ผู้จัดการเอ็ดเจ้าของเสียงนินทา _________ ผมเกิดมาในครอบครัวที่พ่อเป็นหมอ ส่วนแม่ มีร้านเป็นห้องเสื้อเล็กๆ ตอนเด็กผมเป็นคนที่ติดแม่มาก เพราะเขาเป็นคนที่ใจดี แต่แล้วเขาก็มาจากผมไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานี้ บ้านเรามีโรงพยาบาล ชื่อ‘คีรีกันตรักษ์’ตระกูลของพ่อ พ่ออยากให้ผมเป็นหมอแบบเขา แต่ผมไม่ได้อยากเป็นหมอ ผมชอบการออกแบบเสื้อผ้าเหมือนแม่ อยากมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง พ่อให้เลือกเรียนระหว่างหมอกับบริหาร ผมจึงเลือกเรียนบริหาร และตอนนี้ผมก็กำลังทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองอยู่ ชื่อว่า ‘Nightstyle’ ที่มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า หมวก และกระเป๋า เรียกได้ว่าสามารถคอมพลีทลุคได้ในแบรนด์เดียวเลยก็ว่าได้ มีทั้งของผู้ชายและผู้หญิง แน่นอนมันมีความหลากหลายในตัวค่อนข้างมาก ในหลายอย่างที่เราทำ ซึ่งมันก็ทำให้ทำงานยาก แต่มันก็สนุก จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมสนใจในเรื่องเสื้อผ้า อย่างที่บอกไปแม่ผมเปิดร้านห้องเสื้อ มีกลุ่มลูกค้าส่วนมากที่มาใช้บริการเป็นคนที่มีฐานะซะส่วนใหญ่ มาให้ซ่อมผ้าบ้าง ให้ออกแบบชุดให้บ้าง แม่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกผ้า ตัดเย็บ ออกแบบดีไซน์มัน นั่นคืองานฝีมือ เอกลักษณ์งานของแม่ที่ออกมาถ้าไม่มีการบรีฟ ค่อนข้างร่วมสมัยแต่ก็มีกลิ่นอายของความเป็นสมัยก่อน ผมเห็นของพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก เลิกโรงเรียนมาผมก็ชอบช่วยแม่ทำงานออกแบบชุดบ้างล่ะ ผมเห็นอะไรมาก็มาแชร์ความคิดเห็นกันกับแม่ เป็นการใช้เวลาร่วมกันกับคนที่เรารัก กับสิ่งที่เขาและเราก็ชอบเหมือนกัน ว่าแล้วก็คิดถึงแม่ ยกยิ้ม แล้วก็มีหลายครั้งที่ได้รับคำชมมาว่าผมทำได้ดี มันทำให้ผมรู้สึกรัก สบายใจและชอบที่จะทำมัน ถ้าถามว่าผมมาเป็นนักแสดงได้ยังไง ปีที่แล้วมีวันหนึ่ง ผมไปเดินห้างดูเสื้อผ้า แพลนจะเปิดแบรนด์ปีนี้ แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวๆ ยี่สิบเก้าปี แต่งตัวดี ด้วยเสื้อยืดสีขาวทับด้วยสูทสีดำ แมทช์กับกางเกงยีนและรองเท้าผ้าใบสีขาว มองดูภูมิฐานพอตัว แต่เมื่อพูดกับดูอ่อนหวานนุ่มนวล ใจเย็นผิดกับลุคที่ดูเป็นคนเก่งเหมือนจะเอาแต่ใจ ซึ่งก็คือ ‘พี่โดนัท’ ผู้จัดการผมในตอนนี้ เดินเข้ามาหา ทาบทามโดยบอกว่าผมหน้าตาดี อยากให้มาแสดง เพราะคาแรกเตอร์ลุคตรงกับบทที่ทางเขากำลังหาอยู่ อย่างไม่อ้อมค้อม และประโยคที่น่าสนใจหนึ่งก็คือ‘มันได้เงินดีนะ สนใจมั้ย’ ผมตอบกลับพี่เขาไปว่าขอคิดดูก่อน เขายื่นนามบัตรให้ผม แล้วก็ไม่ได้เร้าหรืออะไรต่อ กลับมาถึงบ้านร่างถึงเตียง ผมก็เปิดทีวีดู เพราะจำได้ว่าวันนี้มีซีรีส์วายที่ ‘ณะ’เพื่อนร่วมรุ่นผม สมัยเรียนมหา’ลัยด้วยกัน แสดงเป็นนายเอกออกอากาศเป็นวันแรก ณะเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการแสดง เราเจอกันครั้งแรกอยู่ที่โรงอาหารมหา’ลัย เขาเป็นคนที่มีออร่ามาก แม้ตัวจะไม่สูงมากมายอะไร อยู่ประมาณร้อยเจ็ดสิบห้า ผิวขาวๆ คิ้วเข้มพอดี จัดฟัน เวลายิ้มมีแก้มหน่อยๆ น่ารัก เวลาเขาพูดจากับเพื่อนหรือกับใครก็ดูมีเสน่ห์ไปหมด ใช่ครับผมชอบเขา ไม่รู้ว่ามีใครสงสัยรึเปล่าว่า ทำไมผมถึงชอบผู้ชาย แล้วไม่ชอบผู้หญิงเหรอ จริงจะว่าได้หมดก็ได้ ส่วนมีความเป็นมายังไง เดี๋ยวไว้ผมขอเล่าทีหลังละกันขอทดไว้ก่อน มาต่อกันที่ ภายหลังผมก็มารู้ว่าณะเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของมิวเพื่อนสนิทผม มันเล่าให้ฟังว่าณะเป็นคนที่น่ารักตั้งใจเรียน เป็นที่รักของเพื่อนๆ แล้วที่สำคัญเขาชอบดาราที่ทรงคล้ายๆ กันกับผมด้วย และนั่นทำให้ผมสนใจเขามากขึ้นเข้าไปอีก เพราะคิดว่าตัวเองมีหวัง อยากทำความรู้จักกับเขาเพิ่มมากขึ้น แต่แล้วผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน ปี 3 เทอม 2 แม้ว่าตอนนั้นผมจะทำทุกอย่างดูแลเทคแคร์เขาเท่าที่จะทำได้ช่วยได้ แต่ผมไม่ได้บอกออกไปตรงๆ ว่าจีบ แต่เขาก็น่าจะรู้แหละ ถึงปีที่ 4 แล้ววันหนึ่งเขาก็มีพี่ผู้ชายที่ชื่อ ‘ธรณ์’อายุประมาณ 24 ตอนนั้น เข้ามาจีบ ได้ยินว่าทางบ้านพี่มันทำจิวเวลรี่ น่าจะเป็นบ้านที่มีฐานะดีเลย ครอบครัวของทั้งสองเห็นดีเห็นงามกันตามลูกชาย และเหมือนว่าเจ้าตัวทั้งสองคนก็ดูจะไปด้วยกันได้ดีซะด้วย เวลาที่เหลือ 1 เทอม ของนักศึกษาปี 4 เขาก็มารับไปส่งกันจนจบมหาวิทยาลัย ผมก็ไม่ได้ติดต่อกับณะอีกเลยตั้งแต่เขามีแฟน ได้แค่มองดูเขาอยู่ห่างๆ จอทีวีตอนนี้แสดงภาพพระเอกหนุ่มหล่อหน้าตี๋ ดูอบอุ่นเสียงนุ่มกับนายเอกที่ดูใสซื่อมองโลกในแง่ดีกำลังหยอกล้อเล่นกัน ผมเอื้อมมือหยิบรีโมตที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงขึ้นมาปิดทีวี ติ๊ด วางมันกลับลงไปที่เดิมแล้วหยิบนามบัตรที่วางอยู่ข้างกันขึ้นมาแทน ก่อนจะกดโทรศัพท์ตามเบอร์ที่มีให้ไว้ในนามบัตร ตู๊ด.… ตู๊ด... รอไม่นานปลายสายก็รับ “สวัสดีครับ ผมไนท์นะครับ สนใจแสดงครับ” นั่นคือปีที่แล้ว แล้วผมก็แสดงมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามแล้ว ทุกเรื่องที่แสดงมาคือชายหญิง และเป็นซีรีส์ไม่ยาวมากสิบกว่าตอน เรื่องแรกได้รับบทเป็น ตัวโกงเจ้าของผับ โดนต่อยหน้าไปห้าที เรื่องที่สองเป็นพระรอง ตอนจบรับกระสุนตายแทนนางเอก ส่วนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้เป็นพระเอก ซึ่งรูปหล่อพ่อรวย นางเอกเป็นสาวสวยขายอาหารตามสั่ง ที่หน้าตาอย่างกับนางแบบ _________ “คัต! โอเคดีมาก เรียบร้อย เดี๋ยวเตรียมโลเคชันต่อไปได้เลย” “ผมไปเข้าห้องน้ำนะ” ผมเดินออกมาจากหน้าเซตมาบอกผู้จัดการ “อื้อ” พี่โดนัทพยักพเยิด “นี่พี่ พี่ไนท์เขามีแฟนยังอ้ะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังช่วยพี่ทิพย์ซึ่งเป็นคนในกอง กำลังจัดของเพื่อที่จะยกไปซีนต่อไปถามขึ้น “คุยกันเบาๆ นะ เธอก็ดูสิ คงมีหรอก” คนที่อายุมากกว่าตอบอย่างออกรสออกชาติ “เอ้าทำไมอ้ะ? หล่อก็หล่อ รวยก็รวย” “พี่ว่าเขาดูเป็นพวก‘หัวรุนแรง’” “ใช่เหรอพี่ ชอบใช้ความรุนแรงงี้เหรอ อุ้ย สเปกเลย” “ไม่ใช่! หมายถึงคนที่มีความคิดอะไรแล้ว เอาจริงเอาจัง ยอมหักไม่ยอมงออ้ะ” “อ๋อ เอาจริงเอาจัง~ ชอบๆ” “นี่เธอมาทำงานวันแรกไม่ใช่เหรอ พลอยใส” “ใช่ค่ะ” “เสร็จแล้วก็ไปทำงาน เดี๋ยวพี่ยกไปต่อเอง” “อ่อ โอเคค่ะ แหะๆ” ไนท์กลอกตามองบน แม้คนในกองจะกระซิบกระซาบกันเบาๆ แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นไปจากหูของเขาได้ “ไปเถอะ จะได้มาถ่ายต่อ แล้วกลับไปพักผ่อนกัน” พี่โดนัทผู้จัดการที่นั่งอยู่ใกล้ๆ บอกปัดประเด็น โดยใช้การโน้มน้าว ไม่ให้ไปสนใจเสียงนินทา ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จเดินออกมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักกะทันหัน ตรงมุมทางเดินแยกจะเข้ามาห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าเกือบจะชนเข้ากับหญิงสาวอายุราวๆ 23 ปี คนที่ดูเหมือนว่า ยืนรออยู่นานแล้ว “สวัสดีค่ะ พี่ไนท์ หนูชื่อพลอยใสนะคะ เป็นพนักงานใหม่ มาทำงานวันนี้วันแรก” หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวรัดรูปกับกระโปรงทรงเอสีดำกล่าวทัก ไนท์จำได้ว่าคนนี้คือคนที่ถามคนในกองเรื่องเขา เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่ที่ต่างออกไปหน่อยคือ กระดุมเสื้อถูกปลดลดลงมาลึกจนเกือบเห็นเนินอก “รู้ละ” ไนท์มองร่างคนตรงหน้า “ใส่ใจพนักงานด้วยเหรอคะเนี่ย ดีจัง” ร่างบางยิ้มให้ “เปล่าหรอกครับ รู้ตอนได้ยินเสียงคุณคุยเรื่องผมน่ะ” “อ่อ..อ๋อ..แย่จังเลยนะคะพลอยเนี่ย” หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ ตาหลุบมองต่ำชั่วครู่ ก่อนจะถอนสายตากลับมามองคนตรงหน้าเหมือนเดิม “ขอตัวก่อนนะครับ” “ดะ..เดี๋ยวค่ะพี่ไนท์” ร่างสูงกำลังจะเดินจากไป แต่ก็โดนร่างบางห้ามไว้ซะก่อน “พี่ไนท์ตัวจริง หล่อกว่าในจออีกนะคะ” “ขอบคุณครับ” คนถูกชมพูดขอบคุณไปตามมารยาท “ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย” “เอ่อ..พลอยขอไลน์ไว้หน่อยได้มั้ยคะ” เขายื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า หวังจะให้ไนท์รับมันไปกดตามคำขอ “จะเอาไปทำไมครับ ขออนุญาตไม่ให้นะ ขอทางหน่อยครับ” ว่าแล้วคนถูกขอคอนแทกต์ก็หลบร่างบางออกมา แล้วเดินจากไปอย่างไม่ไยดี หึ หยิ่งซะด้วย เห็นนะว่ามองใหญ่ จะไปไหนรอด หนีไม่พ้นมือ อีพลอยหรอก คอยดูเถอะ ###ไนท์ยังคงสายตานิ่ง ย้ำอีกรอบ“เป็นแฟนกับพี่นะ”“ซ้อมบทเหรอ?”“ไม่ได้ซ้อม กูพูดกับมึงเนี่ย” เขาว่า พร้อมยืนเท้าเอวเหมือนรอฟังคำตอบ“ผมกับพี่เนี่ยนะ?” ผมขมวดคิ้ว ยังงงอยู่ ในหัวตอนนี้กำลังประมวลผลว่าเขาล้อเล่นอยู่รึเปล่า “ล้อเล่นป่ะเนี่ย?”“แล้วคิดว่าไง” เขาลงเสียงทุ้ม “จะให้กูเอาไปเรื่อยๆ เหรอ”ผมเบ้หน้า ละเกียจจริงๆ เลย เวลาเขาพูดดูถูก “ฝันเหรอ”“เอ้า ก็ไม่รู้อะ ล่าสุดเราก็-” ผมถลึงตาใส่ทันที เป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดประโยคนั้นออกมาไนท์หัวเราะในลำคอ สายตาเขายังไม่ละไปจากผม“พี่จริงจังมั้ยเนี่ย?” ผมถามเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อยเขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นช้าๆ ที่มุมปาก “จริงจังคับ” ทำมาเป็นพูดคับ หมาป่าเจ้าเล่ห์“..ขอคิดดูก่อน” คนโปรดตอบเสียงหนักแน่น“ทำไมอะ?” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนลง ไนท์เอื้อมมาดึงชายเสื้อเชิ้ตที่ผมเสียบเรียบร้อยในกางเกงออกจากนั้นก็สอดมือเข้ามาใต้เนื้อผ้าอย่างไม่รีบร้อน ปลายนิ้วลูบจากขอบเอว ลามไปถึงแผ่นหลังช้าๆ แล้วเขาก็โน้มหน้าลงมาจุ๊บเบาๆ ที่ปาก จุ๊บ“คิดว่าผมจะตอบตก
-คนโปรด- บนโต๊ะอาหารเช้า “แม่ครับ วันนี้ผมจะได้ถ่ายหนังสั้นด้วยนะครับ ได้เล่นเป็นตัวหลักเลยน้าาจะบอกให้” “จริงเหรอลูก” แม่เงยหน้าขึ้นจากจาน ขานรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ยินดีกับผู้เป็นลูกอย่างเห็นได้ชัด “เป็นหนังประเภทไหนล่ะ?” พ่อที่กำลังตักข้าวเข้าปาก แต่หูกำลังตั้งใจฟังอยู่ถามขึ้น “ก็…วายครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับวงการบันเทิงนี่แหละครับ ถ่ายที่บริษัท ไม่ได้ไปไหน” พ่อชะงักเล็กน้อย ก่อนพูดเสียงเรียบ “วาย? ที่เขาว่าผู้ชายรักกับผู้ชายอะนะ” “ครับ..” คนโปรดพยักหน้า “แล้วมึงคิดยังไงรับเล่น” น้ำเสียงพ่อเปลี่ยนไปจากปกติ “เอ่อ…” คนโปรดยังไม่ทันตอบ พ่อก็พูดขึ้น “แล้วคนอื่นที่มองมา เขาจะไม่คิดว่ามึ- ลูกเป็นเกย์ เป็นอะไรเหรอ” “พ่อ..” เสียงคนโปรดแผ่วลง แต่สายตายังมองตรง “มันการแสดงนะครับ ส่วนใครจะมองอะไรยังไง ก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้ไม่ได้แสดงเรื่องแนวนี้ เขาจะมองก็มองครับ” “ใช่พ่อ” แม่พูดสำทับอีกคน “เราต้องยินดีกับลูกสิ” พ่อไม่พูดอะไรต่อ แค่ยกแก้วน้ำขึ้นด
“อะไรของพี่เนี่ย!” ไนท์ยืนเบียดเข้ามาจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน มือหนาดึงเอวคนโปรดเข้ามาติดตัว“เป็นอะไรขึ้นมา ไปกินน้ำอยาก…มาหรือไง?” คนโปรดโวย ขณะที่หัวใจเต้นระรัว“ก็กูไม่ได้ไป ที่เคยไปนานแล้วไง” ไนท์พูดติดหงุดหงิดคนโปรดรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร“ใครจะไปรู้กับพี่อะ ก็ แค่สองอาทิตย์ป่ะ?”“สาม”“แล้วไง?”“มึงต้องรับผิดชอบ”“เกี่ยวอะไรกับผมอะ”“ก็มึงจัดตารางงานให้กูแน่น นอกจากถ่ายซีรีส์ ไหนจะเรียนแอ็กติ้งเสริม ดูหนัง ไหนจะแบรนด์กูอีก”คนโปรดเบ้ปาก “แต่มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนพี่โดนัทละนะ”“ไม่รู้แหละ กูบอกว่าเกี่ยว ก็คือเกี่ยว”ไนท์พูดจบไม่รอให้อีกฝ่ายเถียงกลับ มือบีบเอวแน่น ขณะที่ปากก้มลงจูบซอกคออย่างหิวกระหาย เดินไปเปิดประตูห้องน้ำห้องสุดท้ายก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าไปด้วยกัน แล้วปิดล็อกประตูในพริบตา เขาจับไหล่คนโปรดแล้วหมุนตัวให้หันมาหาเขา ก่อนที่จะค่อยๆ เลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาทีละเม็ด ปลายนิ้วลากผ่านผิวเนียนตรงกลางอกที่เริ่มโผล่ออกมาทีละนิด ก่อนจะรูดเนกไทของคนโปรดลงจนมันหลวมจากนั้นเขาก็จ
เงียบไปพักหนึ่ง คนโปรดถามขึ้นขณะลิฟต์เปิดออก “แล้วรู้ได้ไงว่าผมอยู่ข้างบน?” ทั้งคู่กำลังเดินกลับไปที่ห้องไนท์ “ก็เห็นมึงไปนานเลยมาตาม เจอเลขาเขาเลยถามว่าเห็นมึงมั้ย เขาก็เลยบอก” “อ๋อ” เข้ามาในห้องไนท์ อาการแดงที่ลำคอของเขาดูจะทุเลาลงเล็กน้อย คนโปรดหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋ากางเกง พลิกดูฉลากอ่านอย่างตั้งใจ ก่อนจะเทมันลงมือสองเม็ด แล้วยื่นให้คนตรงหน้า ไนท์แบมือรับไว้ มองคนโปรดที่เดินไปเปิดตู้เย็นเล็กๆ หยิบขวดน้ำเปล่าออกมา เปิดฝาแล้วยื่นให้กับเขา ไนท์กลืนน้ำพร้อมกับยาก่อนจะปิดฝาขวดแล้ววางไว้บนโต๊ะ “ขอบใจ” เขาพูดเรียบๆ “ไม่เป็นไรครับ” “มึงไม่ว่ากูใช่มั้ย? ที่บอกคุณธามนั่นไปว่ามึงเป็นเมียกู” คนโปรดนิ่งไปเล็กน้อย “…อือ ช่างมันเถอะ” ไนท์มองเขานิ่ง เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ สุดท้ายถอนหายใจเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานอย่างเงียบๆ “ตอนบ่าย.. พี่จะให้ผมขับรถให้ หรือว่าพี่จะไปเอง” คนโปรดถามขึ้น “เดี๋ยวไปเอง ไปเจอกันที่นั่นเลย เออ เที่ยงกูไม่
ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีเรียบกับใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดก็ก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ผ่านโต๊ะคนโปรดไป เขาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของณะและไนท์ ดวงตากวาดมองทั้งสองคนสลับกัน“พี่ขอโทษ” ธรณ์พูดกับณะเสียงอ่อนขณะยืนอยู่ข้างโต๊ะ “พี่คิดว่าเขาจบแล้ว ...แต่เขาไม่จบ” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่ยังเก็บความรู้สึกเอาไว้แน่นหนาไนท์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีครับพี่ธรณ์”ธรณ์พยักหน้ารับพลางถามกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูปกติ “สวัสดีครับ มาร้านนี้พอดีเหรอ? หรือว่าไง”“ครับ บังเอิญน่ะครับ” ไนท์ตอบเรียบๆ“ว่าแล้ว ก็ ไม่ได้เจอนานเลยนะ ตั้งแต่เรียนจบไป”“ครับ” ไนท์ยิ้มบาง ไม่คิดว่าธรณ์จะจำเขาได้ เพราะเจอกันแค่สองสาม-ครั้งเองมั้ง ตอนเขามาหาณะที่มหา’ลัยธรณ์จ้องไนท์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว “ไม่คิดถึงณะบ้างเหรอ?”เอ๊ะ? “ครับ?” ไนท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะพูดประโยคนี้ตอนนี้ณะหันไปมองแฟนตัวเองทันที “พี่ธรณ์...”แต่ธรณ์ยังไม่หยุดพูด “พี่หมายถึง เคยเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกั
-คนโปรด-คนโปรดลืมตาขึ้นในความเงียบของห้อง เตียงที่นุ่มนอนสบาย ไม่ได้ทำให้คนโปรดตื่นสายขึ้น แม้จะไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก แต่เขาก็ตั้งใจจะตื่นเช้าอยู่แล้ว และสุดท้ายก็รู้สึกตัวขึ้นมาตามเวลาที่ใจนัดไว้เขาไม่เดินไปเปิดม่านเพื่อรับแสงอาทิตย์ยามเช้า เพราะรู้ว่า แสงนั้นอาจปลุกใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงชั้นบนตื่นขึ้นมา และเขายังไม่อยากให้ไนท์ตื่นตอนนี้ที่เขายังไม่อยากให้ไนท์ตื่นตอนนี้ เพราะหนึ่งอยากให้อีกคนได้นอนอย่างเต็มอิ่ม เผื่อเจ้าตัวจะได้อารมณ์ดีไปทำงาน สองวันนี้ผมกับเขามีคิวถ่ายซีรีส์ก็ตอนบ่ายนู้น ถ้านอนพอ ไนท์จะได้เริ่มวันใหม่แบบไม่หงุดหงิดใส่ใคร โดยเฉพาะเขา คนโปรดย่องเบาไปหยิบโพสต์อิตแผ่นเล็กจากชั้นหนังสือ เขียนโน้ตทิ้งไว้ด้วยลายมือเรียบๆ ‘ผมออกไปก่อน จะแวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนด้วย’จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตู ค่อยๆ เปิดออกอย่างเบาที่สุด ไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด เงียบพอที่คนบนเตียงจะยังหลับได้ต่อไปเขาไม่อยากอยู่กับไนท์แค่สองคนนานเกินไป เพราะไนท์เองก็คงไม่ชอบ (ปกติเป็นแบบนั้น) และเขาเองก็ไม่อยากทำให้อีกคนรำคาญ เพราะเอาเข้าจริง... เขาก็เริ่มรำคาญแล้วด้