เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีอคติกับแฟนสาวของเขาเป็นอย่างมากไม่ว่ายังไงก็ตาม มันก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ชารอนได้รับการช่วยเหลือกิดเดียนและคนอื่น ๆ จึงไม่มีความจำเป็น ที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เมื่อพวกเขากล่าวคำขอบคุณกับลุงเอียนแล้ว พวกเขาก็จากไปพร้อมกับหยกอาถรรพ์หลังจากปัญหาทั้งหมดผ่านไป เมื่อพวกเขากลับมาที่บ้านกริฟฟิน เวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงตีสองแล้ว เดิมทีวิกกี้และเกรกอรี ตั้งใจจะไม่ไปที่บ้านพักของกริฟฟิน แต่เนื่องจากพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว มันคงจะดูเป็นการไร้มารยาทเกินไป ถ้าหากว่าพวกเขากลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อวยพรวันเกิดให้ท่านผู้หญิงกริฟฟินพวกเขาจึงไปที่นั่น เพื่อกล่าวคำทักทายกับเธอด้วยเหตุผลนั้น พวกเขาจึงตามคนอื่น ๆ กลับไปที่บ้านกริฟฟินณ เวลานี้ ท่านผู้หญิงกริฟฟินก็ยังไม่ได้นอนถ้ามันเป็นวันธรรมมาดาทั่วไป เธอก็คงจะอยู่บนเตียงไปแล้วแต่ว่าวันนี้มีแขกมาที่นี่มากหน้าหลายตา แม้ว่าจัสติน และคนอื่น ๆ จะต้อนรับ และสร้างความบันเทิง กับฝูงชนที่อยู่ข้างนอกเพื่อเธอแล้ว แต่เธอก็ยังต้องพบปะกับแขกบางคนด้วยตนเองอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น เธอรู้ว่าพวกเด็ก ๆ ออกไปข้างนอก แล้วยังไม่ได้กลับมา เธอ
บริเวณโดยรอบเป็นทะเลทรายรกร้างทุกพื้นที่ดูเป็นสีเหลือง และความเขียวขจีแทบจะไม่มีให้เห็น แม้ว่าจะมีความเขียวขจีอยู่บ้าง แต่ก็มีแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น แทบจะต้องมองเข้าไปใกล้ ๆ ถึงจะเห็นเนลล์ถอนหายใจออกมา กับความจริงที่ว่าแม่ของเธอได้อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้มาหลายปีแล้วเธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นสถานที่ที่แย่ไปซะทีเดียว แต่ลึก ๆ แล้ว เธอก็เข้าใจว่าแม่ของเธอเติบโตขึ้นมาโดยได้รับการเอาใจใส่ ในฐานะของลูกสาวคนโตของครอบครัวมอร์ริสันแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับฌอร์น เจนนิงส์ คนที่นอกใจเธอ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยเธออย่างน้อยที่สุด ในชีวิตของเธอก็ไม่เคยต้องลำบากอะไรแต่ทว่าในทะเลทรายนี้ ไม่ว่าเราจะมีเงินมากแค่ไหน แต่ก็มีทรัพยากรบางอย่างที่ยากจะหามาได้ทันเวลาแม่ของเธอคงจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในการทำความคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ในช่วงสองสามปีแรกขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนลล์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยราวกับว่ากิดเดียนอ่านใจเธอได้ เขาจับมือเธอเอาไว้ พลางพูดออกมาเบา ๆ ว่า “อย่าคิดมากไปเลยได้ไหม?”เนลล์หันไปมองหน้าเขา และพยักหน้าหลังจากนั้นครู่หนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป เ
สิ้นเสียงนั้น ก็มีรูปร่างผอมเพรียวของเคธี่ปรากฏขึ้นมาแม้ว่าจะตกใจไปบ้าง แต่คลื่นแห่งความสุขก็ได้ไหลผ่านเข้ามาที่ใบหน้าของเนลล์"คุณแม่คะ!"เคธี่รู้สึกมีความสุขมากที่ได้เห็นพวกเขาเช่นกันเธอเมินใส่คนใช้ที่กำลังพยุงแขนของเธอเอาไว้ ก่อนจะสะบัดมันออก และรีบวิ่งเข้าไปหาพวกเขา“เนลลี่!”แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกันแค่สองสามเดือน แต่พวกเขาก็ยังมีความสุขมากที่ได้พบกันอีก พวกเขาจึงโอบกอดกันเอาไว้จนแน่นเนลล์โอบกอดเธอไว้อยู่นาน ก่อนจะยอมปล่อยมือออกในเวลานี้ เด็ก ๆ ตัวน้อยทั้งสองก็ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของกิดเดียนเด็ก ๆ ขยี้ตาเพื่อดูสิ่งรอบกายในต่างประเทศที่พวกเขากำลังมาถึง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่มองดูคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาน่าแปลกที่เคธี่ไม่รู้สึกถึงความตื่นกลัว ที่เธอมักจะเป็นเวลาที่ต้องเจอกับผู้คนใหม่ ๆ ซึ่งนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอค่อนข้างสบายใจ กับสภาพแวดล้อมปัจจุบันของเธอก็เป็นได้เมื่อเห็นเด็ก ๆ ทั้งสองคนเธอก็ยิ้มออกมา เธออาจจะไม่ได้ดูอบอุ่นเหมือนกับปู่ย่าตายายทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้น เนลล์ก็ยังสังเกตเห็นร่องรอยของความไม่เป็นมิตรได้จากสายตาของเคธี่เ
ในขณะที่เธอกำลังเดินตามเคธี่ไป ความรู้สึกหมดหนทางก็ได้เข้าครอบงำเนลล์ก่อนจะออกไป เธอได้เหลือบมองกิดเดียน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาควรจะดูแลลูก ๆ ให้ดี และอย่าคิดมากกับสิ่งที่แม่ของเธอพูดแน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายที่เธอพยายามจะสื่อนั้นได้ เพราะว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันมานานมากจนรู้ใจกันและกันเป็นอย่างดีเขาพยักหน้าตอบเธอโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยจากนั้นเนลล์ก็ตามเคธี่เข้าไปในที่สวนข้างหลังบ้านเรือนกระจกตั้งตระหง่านอยู่เหนือสวน เพื่อปกป้องพวกต้นไม้จากความร้อนที่มากเกินไปด้วยหลังคาโปร่งแสงเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ต้นไม้ก็จะเติบโตได้เป็นอย่างดี และอุณหภูมิในเรือนกระจกก็สบายพอสมควรเช่นกันพวกเขาเดินผ่านสวนไป และเมื่อพวกเขาเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง เคธี่ก็หันไปหาลูกสาวของเธอ ก่อนจะถามว่า “เธอเจอกับกิดเดียนได้ยังไง? ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเขาเคยหย่าและมีลูกแล้ว?”เนลล์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าแม่ของเธอกำลังโมโห เธอตอบว่า “แม่คะ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดหรอกนะคะ นั่งลงและฟังฉันก่อนนะคะ”เธอค่อย ๆ ดึงแขนแม่ของเธอไปที่โซฟา พลางอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับกิดเดี
เคธี่ลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ กลับไปที่ห้องโถงหน้าบ้านกันได้แล้ว เราไม่ควรปล่อยให้คุณลีย์รอนานเกินไป เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นคนที่มีเสน่ห์ ที่ทำให้เธอหลงหัวปลักหัวปำขนาดนี้”เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงประชดประชันของเคธี่แล้ว เนลล์ก็สามารถบอกได้เลย ว่าแม่ของเธอยังคงติดใจกับเรื่องของกิดเดียนอยู่แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป ตามคำกล่าวที่ว่า เวลาจะบอกความจริงทุกอย่างให้เห็นเองเป็นเรื่องปกติ ที่แม่ของเธอจะรู้สึกแบบนั้นกับกิดเดียน เพราะพวกเขายังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเธอจะค่อย ๆ เริ่มเข้าใจมันสักวันหนึ่งอย่างแน่นอนเมื่อเธอคิดได้แบบนี้เธอจึงลุกขึ้น และพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของเธอทั้งสองเดินไปที่ห้องโถงหน้าบ้านด้วยกันในห้องโถง กิดเดียนกำลังเล่นเกมกับลิซซี่และวิมอนด์น้อยอยู่เป็นความจริงที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่มีพวกเด็ก ๆ อยู่รอบ ๆ ตัวมันจะไม่มีช่วงเวลาที่น่าเบื่ออีกเลยเนลล์เดินเข้าไปด้วยท่าทางเงอะงะ กิดเดียนดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาเหลือบมองเธอพลางเอ่ยถามว่า “คุนกันเสร็จแล้วเหรอ?”เนลล์พยักหน้าตอบเคธี่ยิ้มออกมา “พวกเธอหิวกันรึยัง? ถ้าหิวแล้ว ฉันจะให้เชฟไ
เนลล์และกิดเดียนใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม เพื่อเดินดูคฤหาสน์ขณะที่พวกเขากำลังเดินดูตรงนู้นตรงนี้อย่างเรื่อยเปื่อย พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนรับใช้จำนวนมากทำงานอยู่ที่นี่พวกเขาทุกคนพูดภาษาท้องถิ่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่เนลล์พยายามจะพูด แต่พวกเขาก็ใจดี และเป็นมิตรกับเธอคฤหาสน์หลังนี้ใหญ่มาก จนทำให้ทั้งคู่หลงทาง แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พบว่าตัวเองได้กลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าของคฤหาสน์แล้วกว่าพวกเขาจะมาถึง เวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็นแล้วฌอนกลับมาจากห้องแล็บแล้ว เมื่อเห็นพวกเขา เขาก็บอกให้คนใช้รีบไปแจ้งเคธี่และเด็ก ๆ ให้มาทานอาหารเย็นเนลล์ถามฌอนเกี่ยวกับวันของเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่น่าแปลกใจเลยที่วิธีที่เขาใช้พูดกับพวกเขาในตอนนี้ดูอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อนมากอาหารเย็นประกอบไปด้วยอาหารท้องถิ่นเป็นหลักลิซซี่และวีมอนด์น้อย อยู่เล่นกับเคธี่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว เธอจึงเริ่มสนิทกับพวกเขาระหว่างทานอาหารเย็น ฌอนได้สังเกตเห็นว่าใบหน้าของเคธี่ดูสดใสขึ้นมาก เมื่อลูก ๆ ทั้งสองคนของเนลล์ เรียกเคธี่ว่าคุณยายเมื่อเห็นว่าเธอร่าเริงขึ้น มันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขไปด้วยแม้แต่วิธีที่เธอมอง
ฌอนไม่ได้ไปกับพวกเขา เพราะว่าเขาต้องกลับไปทำงานที่ห้องแล็บแต่ว่าเนลล์ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอมาที่คือการได้ใช้เวลากับเคธี่เท่านั้นคนขับรถในรอบนี้เป็นคนขับรถของคฤหาสน์ ไม่ใช่เครเมอร์ ที่เป็นคนขับรถให้พวกเขาเมื่อวันก่อนเมื่อพวกเขากำลังเดินทางไปในเมือง เคธี่ดูตื่นเต้นมาก หลังจากที่เธอได้แนะนำอนุสาวรีย์ให้แก่พวกเขาแล้ว เธอก็เริ่มเล่าให้เนลล์ฟังถึงกิจวัตรประจำวันของเธอเนลล์บอกได้เลยว่าแม่ของเธอดูมีความสุขมากเลยทีเดียวเธอมีความสุข เพราะในที่สุดเธอก็ยอมรับเนลล์ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอหรือเปล่า? หรือเธอแค่นึกถึงเรื่องราวในอดีตเท่านั้น?ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เนลล์ก็รู้สึกได้ว่าทุกอุปสรรคระหว่างพวกเธอทั้งสองคนได้ค่อย ๆ หายไปเธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้กลับไปอยู่ที่จินซองอีกครั้งช่วงบ่ายแก่ ๆ พวกเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยจากการเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ แล้ว และเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันด้วย พวกเขาจึงเลือกรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองร้านอาหารตั้งอยู่ในโรงแรม ทั้งตัวอาคารถูกฉาบไว้ด้วยสีขาว เมื่อพวกเขาเดินเข้าไป พนักงานในร้านอาหารก็จำเคธี่ได
เมื่อเห็นแบบนี้ เนลล์จึงไม่ได้พยายามเร่งหาคำตอบอีกต่อไปกลุ่มของพวกเขาเดินผ่านทางเดินยาว ก่อนจะเข้าไปในห้องโถงของแท่นบูชา พวกเขาได้เห็นรูปปั้นสูงของนางฟ้าที่ตั้งตะหง่านอยู่ข้างหน้าของพวกเขารูปปั้นสีทองวาววับนั้นสูงแค่เพียงไม่กี่เมตร และเมื่อแสงแดดได้สาดส่องเข้ามาประทะ รูปปั้นนั้นก็สะท้อนแสงจ้ามาสู่สายตาของผู้ชม จนทำให้พวกเขาแสบตากันเลยทีเดียวลิซซี่ที่กำลังยืนอยู่ข้างใต้รูปปั้น ได้เงยหน้าขึ้นมองดูรูปปั้นตรงหน้าของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ว้าว เธอไม่ได้สูงมากหนิ?”เนลล์หัวเราะออกมา “นี่คือนางฟ้าแสนสวยที่ลูกอยากเจอนักหนาไงคะ หากลูกมีความปรารถนาใด ก็ขอพรจากเธอได้เลยนะจ๊ะ”ลิซซี่พยักหน้า เธอหลับตาและวางมือไว้บนหน้าตักขณะที่เริ่มอธิษฐานเคธี่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน แต่เนลล์และกิดเดียนไม่ได้เป็นคนเคร่งศาสนา แทนที่พวกเขาจะแสดงความเคารพต่อนางฟ้า พวกเขากลับมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้จู่ ๆ วีมอนด์น้อยน้อยก็พูดขึ้นมาว่า“ดูสิแม่! นั้นพี่สาวคนสวย!”ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็ยกนิ้วขึ้นชี้ไปข้างหน้าเนลล์มองตามทิศทางของนิ้วเขาไปสายตาของเธอจึงไปหยุดอยู่ที่ภาพวาดบนฝ