เป็นวันส่งท้ายปีเก่าทางจันทรคติไม่กี่วันต่อมานี่เป็นวันหยุดเทศกาลทั่วประเทศเนื่องจากทุกคนอยู่ที่เมืองหลวง พวกเขาจึงต้อนรับปีใหม่ร่วมกัน ดังนั้นเนลล์จึงพาลิซซี่และซันนี่กลับไปที่ลีย์ เรสซิเด้น ในช่วงบ่ายแม้จะมีการเฉลิมฉลองปีใหม่ กิดเดียนก็ยังคงอยู่ที่ออฟฟิศตรวจดูเอกสาร เขาสามารถตามกลับมาที่บ้านได้ในภายหลังเนลล์โทรไปบอกเขาล่วงหน้าและบอกให้เขาตรงไปที่ลีย์ เรสซิเด้น หลังจากเขาเสร็จงานแล้ว แทนที่จะกลับไปบ้านที่เฟิงเฉียว วิลล่ามันเป็นภาพของความรื่นเริงในลีย์ เรสซิเด้น และเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านผู้หญิงมีอารมณ์ดี นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในอดีต ไม่กิดเดียนอยู่ที่ต่างประเทศก็จีนก็ยุ่งอยู่กับบางอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะกลับมาแล้ว มันค่อนข้างไม่น่ายินดีที่จำนวนสมาชิกในครอบครัวมีเพียงปู่ย่าและหลานสองคนทว่าปีนี้ต่างออกไป เมื่อเห็นเปลเด็กไกวอยู่ใกล้ ๆ เธอ หัวใจของท่านผู้หญิงก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น ราวกับว่าความกังวลหลายปีถูกยกออกจากเธอปีใหม่หลังจากนั้น จีนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลลีย์ ควรกลับบ้านมาที่บ้านเพื่อร่วมงานสำคัญเช่นนี้อย่างไรก็ตาม ด้วยค
ผู้ชายคนนั้นเม้มริมฝีปากของเขา “ผมพูดว่าคุณต้องเรียนรู้วิธีทำ”เขาวางเกี๊ยวที่ห่อแล้วในมือของเขาลงและเดินเข้าไปหาเธอจากด้านหลังของเธอ เมื่อเห็นเธอทำหน้าบึ้งและหงุดหงิดเขาโอบแขนของเขาไว้รอบตัวของเธอ ชายคนนั้นให้แผ่นเกี๊ยวกับเธอและจับมือของเธอขณะที่เขาแนะนำเธอถึงวิธีการทำ“ดูสิครับ อย่ากดตรงนี้แรงเกินไปไม่อย่างนั้นมันจะไม่ขยับ ใช้มือนี้ค่อย ๆ บีบมันให้เข้ารูปแบบขึ้นมา จำความรู้สึกนี้ หมุน จีบ หมุน ครับ มันไม่ง่ายกว่าเหรอ?”เนลล์รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าการห่อเกี๊ยวง่ายดายด้วยวิธีที่เขาสอนให้เธอแบบประชิดตัวกิดเดียนจับมือของเธอเอาไว้และสอนเธอห่อเกี๊ยวแบบเดียวกันหลาย ๆ ครั้ง เมื่อถึงเกี๊ยวตัวที่ห้า เนลล์ไม่สามารถทนนั่งเฉย ๆ ได้ และบอกขึ้น “ขอฉันลองทำเอง”มองด้วยดวงตาเข้ม ชายหนุ่มพยักหน้า “ได้ คุณลองดูนะ”เธอยกกระดาษห่อเกี๊ยวขึ้นมาด้วยความระมัดระวังและจับจีบเบา ๆ ตามความรู้สึกที่เขาสอนให้กับเธอไม่นาน เธอก็สามารถจับจีบเกี๊ยวจนเสร็จแม้ว่ามันจะไม่ได้ออกมาดีเหมือนที่วิธีที่เขาสอนเธอ แต่อย่างน้อยมันก็เรียกว่าเกี๊ยวได้ด้วยความดีใจ เธอคว้าเกี๊ยวและหันมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “ดูสิคะ ฉันทำไ
สถานการณ์ทางฝั่งเจเน็ตดูไม่ค่อยดีนัก ทว่าก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดสุดท้ายแล้ว อีธานก็ยังคงโกรธอยู่ แต่เขาไม่ยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มากไปกว่านั้น มีอัลริกที่มาทำหน้าที่สะพานเชื่อมระหว่างพ่อและลูกสาว อย่างน้อยก็สามารถนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารได้สำหรับสัญญา อีธานปฏิเสธที่จะเปลี่ยนความคิด เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะทำให้เธอหงุดหงิดเจเน็ตถอนหายใจในสายโทรศัพท์ ไม่รู้จะหาคำพูดใดที่เหมาะสม เนลล์ทำได้เพียงแนะนำเธอว่าไม่ต้องรีบและค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกสาว สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นเพียงคนนอก เธอไม่สามารถทำอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้เจเน็ตไม่ได้พูดคุยนานนักและวางสายไปในเวลาไม่กี่นาทีต่อมาเนลล์และกิดเดียนเดินเล่นต่ออีกหน่อยก่อนก่อนจะกลับค่ำคืนของงานเลี้ยงเกี๊ยวค่อนข้างรื่นเริงและกลมเกลียวกันแม้ว่าจีนที่ไม่ค่อยฉลาดก็รู้จักควบคุมตัวเองในวันนี้ และไม่ทำให้ท่านผู้หญิงหงุดหงิด บรรยากาศจึงดีตลอดทั้งคืนขณะที่พวกเขาอยู่ดึกสำหรับรอวันปีใหม่ เนลล์และกิดเดียนจึงอยู่ที่ลีย์ เรสซิเด้นพวกเขาตื่นเพราะเสียงประทัดในเช้าวันรุ่งขึ้นลีย์ เรสซิเด้นตั้งอยู่ในตัวเมื
กิดเดียนเองก็รู้ข่าวนี้เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับความกลุ้มใจของเนลล์ เขากลับใจเย็น“เกรแฮมคนเล็กมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาจะไม่ยอมก้มหัวให้ครอบครัวของเขา ถ้าเขาทำ นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะเป็นอิสระและความมุ่งมั่นตั้งแต่ต้น อย่างไรเขาก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งงานกับเซลีนก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผลประโยชน์ร่วมกัน แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยจริง ๆ “ทว่าเนลล์ก็ยังคงกังวล“แต่เธอ...”เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเธอ กิดเดียนก็บีบฝ่ามือของเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัวนะ” เขากระซิบบอก “ทั้งเกรแฮมและลีย์เราอยู่คนละฝั่งกันแล้ว สำหรับผู้หญิงคนนั้นที่ทำแบบนั้นกับคุณ พวกคุณไม่สามารถหยุดต่อสู้และเป็นเพื่อนกันได้อีกไม่ว่าเธอจะแต่งงานกับเกรแฮมคนสุดท้องหรือไม่ก็ตาม เธอยังคงเป็นศัตรู มันไม่ส่งผลกระทบต่อคุณ ไม่ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันหรือไม่”เนลล์เงยหน้าของเธอขึ้นและจ้องมองไปที่เขา สัญญาณของความทุกข์คลี่คลายลง จากการที่เธอคลายจากการขมวดคิ้ว“มันจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหมคะ? คุณสามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียวใช่ไหม ถ้าการ์เร็ตต์และเกรแฮมรวมเข้าด้วยกัน?”กิดเดียนยิ้มเขาเอื้อม
อัลริกยิ้มพลางกอดเจเน็ตและตบหลังของเธอเบา ๆ “ถ้าเธอต้องการขอบคุณพี่จริง ๆ ช่วยอย่าทะเลาะกับพ่อเมื่อเจอกับเขาครั้งต่อไป เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปและเป็นแม่คนแล้ว ดังนั้นเธอควรจะรู้ว่าอะไรดี”เจเน็ตรู้สึกเศร้าและความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ก็เริ่มก่อตัวขึ้น เธอพยักหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาอัลริกกลับมาเงียบ ๆ กลางคันและต้องรีบกลับไปสังสรรค์ต่อที่โรงแรม ดังนั้นเขาจึงอยู่ที่บ้านได้ไม่นานนักและออกไปหลังจากพูดคุยกับเจเน็ตต่ออีกนิดหน่อยเจเน็ตได้สัญญากลับคืนมาแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกับพ่อของเธอ เมื่อเขารู้เรื่องนี้ในตอนกลางคืน เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่รีรออยู่ที่บ้าน ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องของเธอและเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางแต่ถึงอย่างไร เธอเพิ่งจะเก็บของเสร็จเมื่อแม่บ้านมาเรียกเธอออกไป “คุณหนู มีคนมาหาคุณ”เรื่องนี้ทำให้เจเน็ตประหลาดใจ เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนมาหาเธอในจินเฉิงในเวลานี้เป็นความจริงที่ว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอเป็นความลับ เธอไม่ได้ออกไปข้างนอกตอนกลางวันและมีแขกเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว มากไปกว่านั้นเธอยังไม่ทำตัวเด่นทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนร่
คำพูดของเจเน็ตแล่นเข้าไปในสมองของเขาอย่างรวดเร็วเธอต้องการที่จะบอกเขาอย่างนั้น ทว่าเธอก็เก็บคำพูดเหล่านั้นไว้กับตัวเองเสมอมาตอนนี้ เธอผ่านพ้นมันไปด้วยความโล่งใจ เธอผลักมือของเขาออกและเดินไปด้านข้างเจเน็ตรู้สึกอยากจะร้องไห้และพยายามระงับอารมณ์นั้นด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอหัวเราะขึ้นเบา ๆ และพูดขึ้นด้วยท่าทางตำหนิตัวเอง “ยิ่งไปกว่านั้น อย่ายึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปมากมายภายในห้าปี ใครเป็นคนบอกว่าฉันจะพูดว่า ‘ตกลง’ ถ้านายต้องอยู่กับฉัน?”“ฉันไม่ได้รักนายอีกต่อไปแล้ว ใช่ นายไม่รู้เหรอ? ฉันมีแฟนแล้วและเขาดูแลฉันเป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ต้องมาเป็นห่วงเรื่องอนาคตของฉัน”เลียมสูดหายใจเข้าลึก ๆ “เธอพูดอะไร?”เจเน็ตหันมามองเขา เธอยืนตัวและตอบด้วยความมั่นใจ “ฉันพูดว่าฉันมีแฟนแล้ว ชื่อของเขาคือ โจเอล ฟอสเตอร์ และเขายังเป็นนายน้อยของตระกูลฟอสเตอร์ที่เมืองหลวง ฉันพนันได้เลยว่านายต้องเคยได้ยินเรื่องของพวกเขา หรือไม่เคย? ดูสิ ฉันเป็นเหมือนผู้หญิงที่มีอำนาจ ถ้าตระกูลกริฟฟินไม่ต้อนรับฉัน ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตั้งเป้าหมายของฉันไปที่อื่น ฉันไม่จำเป็นต้
เสียงฝีเท้าของสาวใช้ได้ยินเข้ามาถึงในห้อง มีคนหยุดอยู่หน้าประตูและถามขึ้นเสียงเบา “คุณหนู คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”เจเน็ตชะงักนิ่งสาวใช้ต้องได้ยินเสียงความวุ่นวายและรู้สึกเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงมาหาเจเน็ตจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้นและบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เขาปล่อยเธออย่างไรก็ตาม เลียมแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางของเธอ เขาจับเอวของเธอและกดให้พิงกับประตูเจเน็ตไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ดังนั้นเธอจึงตอบกลับสาวใช้ “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”สาวใช้รู้สึกสงสัย ทว่าเธอก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้แล้วและจากไปเมื่อสาวใช้ไปแล้ว เจเน็ตจ้องมองไปที่เขาอีกครั้ง และพูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด “นายจะไม่ปล่อยฉันไปเลยใช่ไหม?”เลียมมองเธอด้วยท่าทางที่สงบลงแทนที่จะปล่อยเธอไป เขาขยับเขามาให้ใกล้มากขึ้นทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขาแคบลงไปอีกหัวใจของเจเน็ตสั่นระรัวขณะที่เธอรู้สึกความอึดอัดที่บีบบังคับอย่างรุนแรง โดยสัญชาตญาณ เธอขยับศีรษะของเธอไปด้านหลังทันใดนั้นเอง เลียมก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ“เจน เธอมีฉันอยู่ในใจ”เจเน็ตสั่นสะท้านราวกับว่าเขามั่นใจในเรื่องนี้ เลียมเอื้อมมือออกไปจับคางของเธอและบังคับให้เธอมองมาที่เขา ค
เจเน็ตร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาของเธอราวกับลูกปัดที่ร่วงหล่นลงมาตามแนวแก้มของเธอเธอรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอหนักอึ้งเหลือเกิน เธอรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ในอกและความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเธอส่งผลให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเลียมถอนหายใจและกอดเธอเอาไว้เสียงสะอื้นของเจเน็ตรุนแรงขึ้น เธอดึงเสื้อของเขาและซบใบหน้าของเธอลงบนแขนของเขา ขณะที่เธอร้องไห้ราวกับเด็กผ่านมาห้าปีแล้ว เป็นเวลาสี่ปีที่พวกเขาห่างกัน และมีค่ำคืนที่ไร้ซึ่งการหักห้ามใจเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ต่อมาเธอก็ให้กำเนิดซันนี่เธอเบื่อหน่ายที่จะต้องทะเลาะและยุ่งเกี่ยวกับเลียมเธออยากจะเลิกมันไปให้หมด ปัจจุบันนี้ เธอแค่อยากไปสักที่ที่ห่างไกลกับลูกเธอและอาศัยอยู่เงียบ ๆ เธอไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อีกแล้วด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมทิ้งสถานะของเธอในฐานะลูกสาวของตระกูลแฮนค็อกและพ่อเธอที่เธอรักถึงอย่างนั้นเลียมกลับเสนอข้อเสนอนั้นขึ้นมาในเวลานั้นเขามีความตั้งใจอื่นแอบแฝงอยู่หรือเปล่า?เขาต้องการไม่ให้เธอใช้ชีวิตที่ดีด้วยการตอบแทนหลังจากที่ทำร้ายเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ยอมทิ้งความหวังในตัวเขาอย่างสิ้นเชิ