Share

บทที่ 8 รอยจูบ

หรือว่าจิตวิญญาณของเทพเจ้าแห่งขุนเขามาประทับอยู่ในร่างฉันแล้ว?

แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรถ้าเขามาประทับอยู่ในร่างของฉัน หลิวหลงถิงก็ต้องสังเกตเห็นมันได้สิ

หลังจากที่งูหลายร้อยตัวกินเลือดกินเนื้อของเทพแห่งขุนเขาจนหมดแล้ว พวกมันก็ค่อย ๆ กลายเป็นควันและหายไปต่อหน้าต่อตาเรา

ทันใดนั้นนอกเหนือจากคราบเลือดบนพื้นแล้ว ทุกอย่างภายในวิหารก็เงียบสงบลง มันเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของเราทั้งสองคน

“อะแฮ่ม...!”

ฉันใช้เสียงกระแอมในลำคอเพื่อดึงความสนใจจากหลิวหลงถิง และเตือนให้เขาไม่อย่าลืมว่าฉันยังติดอยู่ในสภาพนี่นะ

หลิวหลงถิงได้ยินเสียงของฉันก็หันกลับมองทันที เมื่อเห็นว่าฉันเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ไม่สามารถพูดได้ แถมร่างกายก็ขยับไม่ได้ด้วย เขาก้เอ่ยถาม “ทำไมล่ะ เจ้าก็กินยาเม็ดนั้นด้วยหรือ?”

มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันไม่กินยาเม็ดนั้นเข้าไป เขาจะมีโอกาสโจมตีเทพแห่งขุนเขาได้ยังไงล่ะ?

แต่ในตอนนี้ฉันยังพูดไม่ได้อีก จึงได้แต่ใช้แรงส่งเสียงสะอื้นหนัก ๆ สองสามครั้ง เพื่อขอให้เขาช่วยฉันหาทางกลับสู่สภาพเดิม

หลิวหลงถิงเข้าใจสิ่งที่ฉันหมายถึง ทันใดนั้นเขาเดินมาหาฉันและมองมาที่ฉันอย่างพินิจพิเคราะห์ ตาของเขาหยุดอยู่ตรงขาอ่อนที่โผล่ออกมาจากชายกระโปรงในตอนที่เขาเหวี่ยงฉันมาทางนี้ มันช่างเย็นเสียเหลือเกิน ฉันใส่กางเกงซับผ้าฝ้ายบาง ๆ ที่ชาวบ้านให้มาไว้ข้างใน หลิวหลงถิงจ้องมองอยู่แบบนั้น จนฉันได้สติอีกครั้ง แล้วส่งเสียงอื้อ ๆ สองสามครั้งเพื่อส่งสัญญาญให้เขาช่วยดึงกระโปรงลงมาคลุมขาฉันเอาไว้ ในอากาศหนาว ๆ แบบนี้ ฉันไม่อยากให้ขาเย็นจนแข็งก่อนฟื้นคืนสู่สภาพเดิมหรอกนะ

“ยาเม็ดกัญชานี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถกินได้ โชคดีที่ในท้องของเจ้ามีลูก ๆ ของข้าปกป้องอยู่ ไม่เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็คงเป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งขุนเขาที่ร่างถูกทำลายไปแล้ว แต่ว่าถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยแก้เวทมนต์นี้ เจ้าต้องยอมให้ข้าชิมเจ้าเสียก่อน”

หลิวหลงถิงกำลังพูด แต่มือกลับจับเข้าที่น่องของฉันแล้ว เขาฉวยโอกาสเอื้อมมือเข้ามาแล้วดึงขาฉันอย่างแรง ก่อนที่นิ้วเย็นๆ สองสามนิ้วจะเคลื่อนเข้ามาใกล้ต้นขาเรื่อย ๆ

ตอนแรกฉันกังวลว่าจะหนีจากเทพแห่งขุนเขาไปไม่ได้ แต่ตอนนี้เทพแห่งขุนเขาจากไปแล้ว ทว่าฉันก็หนีหลิวหลงถิงไม่พ้น ฉันพยายามจะหยุดเขา แต่หลิวหลงถิงหันหน้าและมองมาที่ใบหน้าของฉัน ริมฝีปากนุ่ม ๆ ของเขาประกบกับริมฝีปากบางอย่างแนบชิด แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “มันผ่านมานานแล้วนะ เจ้าไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ?”

ฉันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และเข้าใจในทันทีว่าหลิวหลงถิงกำลังจะหมายถึงอะไร ฉันมองไปที่เขาอยู่ครู่หนึ่ง พลันหลิวหลงถิงก็ไม่ลังเลใจอีกต่อไป ร่างสูงกอดฉันไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที

หลิวหลงถิงไม่รู้สึกเขินอายกับเรื่องแบบนี้ แต่เขากลับยกคางขาวสะอาดตาขึ้นมามองฉันด้วยรอยยิ้ม และสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ที่เปลี่ยนไปให้ฉันได้รับรู้

ที่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย? แม้ว่าในตอนนี้หลิวหลงถิงจะดูเหมือนกับคนทั่วไป แต่แก่นแท้ของเขาก็ยังเป็นงูอยู่ดี ฉันเป็นคนนะ ฉันจะทำเรื่องแบบนี้กับงูได้อย่างไร

...

เมื่อถึงรุ่งสางมาถึง หลิวหลงถิงกำลังนอนมองหน้าฉันอยู่ ฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เลย ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงความฝัน ฉันจึงไม่ได้เอาเรื่องนั่นมาจำใส่ใจ แต่เมื่อคืนมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่ยังวนอยู่ในความทรงจำของฉัน สำหรับฉันแล้ว ใจหนึ่งก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันยอมรับไม่ได้ แต่หลิวหลงถิงที่เห็นว่าฉันตื่นแล้ว ก็หันมาเอามือลองหัวของเขาขึ้นเพื่อมองฉันแบบเต็ม ๆ ตา “รู้สึกอย่างไรบ้าง? ดีกว่าครั้งที่แล้วหรือเปล่า?”

“ท่านอย่าพูดเรื่องนี้อีกเชียวนะ!”

เดิมทีความคิดนี้เป็นความคิดที่อยู่ในใจของฉัน แต่ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองจะยอมรับมันได้เร็วขนาดนั้น แถมยังใช้เสียงตะคอกใส่หลิวหลงถิงแล้วด้วย ฉันตกใจจนตาลีตาเหลือกรีบหุบปากอย่างเร็ว

หลิวหลงถิงเห็นว่าฉันโกรธมาก เขาก็หัวเราะออกมา น้ำเสียงของเขาเรียบเย็น “ครั้งนี้เจ้าเป็นหนี้ข้า หากเจ้าไม่อยากมีจุดจบแบบเทพเจ้าแห่งขุนเขา ก็จงเชื่อฟังข้าจะดีกว่า”

ในตอนนี้ฉันต้องการจะบีบคอหลิวหลงถิงให้ตายอย่างมาก แถมหลิวหลงถิงก็ไม่เคยคิดที่จะปลอบโยนฉันเลย เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับฉันว่าลุกไปได้แล้ว เดี๋ยวอีกสักครู่จะมีชาวบ้านจะขึ้นมาดูสถานการณ์ของฉัน

ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็พยักหน้าและพยายามจะลุกจากเก้าอี้ อย่างไรก็ตามฉันยังคงต้องคอยคำสั่งจากหลิวหลงถิง เมื่อคืนฉันเห็นจุดจบของเทพเจ้าแห่งขุนเขาด้วยตาตัวเอง ถ้าหลิวหลงถิงเกิดจะฆ่าฉันขึ้นมาจริง ๆ แค่คิดรู้สึกว่ามันกลัวมาก ๆ แล้ว

ชาวบ้านขึ้นมาแล้วเห็นฉันยังมีชีวิตอยู่ ก็ทยอยกันถามฉันว่าเป็นยังไงบ้าง?

ฉันชี้ไปที่คราบเลือดบนพื้น และบอกว่ามันได้ถูกแก้ไขแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องกลับมาที่หมู่บ้านนี้อีกแล้ว

เมื่อคุณยายหลี่ได้ยินที่ฉันพูด ท่านก็ดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ท่านรีบเข้ามากอดฉันแล้วเรียกฉันว่าแม่หมออะไรทำนองนั้น ทุกคนในหมู่บ้านจะไม่มีวันลืมน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของฉัน แล้วหลังจากนั้นทุกคนในหมู่บ้านค่อย ๆ คุกเข่าลงทีละคนต่อหน้าฉันเพื่อแสดงความขอบคุณ

เมื่อมองดูคนคุกเข่าต่อหน้าก็นึกถึงเมื่อคืนนี้ตอนที่เทพภูเขาสิ้นชีพ ในอดีตพวกชาวบ้านเหล่านั้นก็คงเคยคุกเข่าลงสวดอ้อนวอนขอให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ฝนตกต้องถามฤดูกาล เมื่อคนมีความปรารถนาก็มีการทุ่มเทตามมา แต่เมื่อได้รับตามความปรารถนาแล้ว ก็จะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้มันจบลง ทุกคนล้วนแต่มีความเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น รวมทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ด้วย

ระหว่างทางกลับบ้าน ย่าโทรมาหาฉันแล้วบอกว่าเมื่อครู่แม่หมออิงโทรมา ถ้าฉันทำธุระเสร็จแล้วก็ให้ไปหาเธอสักหน่อย เธอบอกว่ามีบางเรื่องที่อยากคุยกับฉัน

ฉันพึ่งกลับมาจากบ้านแม่หมออิงเมื่อไม่กี่วันก่อน และอีกไม่กี่วันก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ช่วงสามสี่วันนี้ฉันอยากนอนอยู่บ้านไม่อยากไปไหนเลย แต่แม่หมออิงก็ถือว่าเป็นผู้อุปถัมภ์ครึ่งหนึ่งของฉัน ถ้าเธอบอกให้ไป แต่ฉันไม่ไป อาจจะดูเหมือนฉันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีไปหน่อย

ระหว่างทางกลับบ้านฉันก็บอกลาย่าหลี่ และเปลี่ยนเส้นทางไปบ้านแม่หมออิงแทน ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอมีธุระอะไร

คราวที่แล้วฉันไปบ้านแม่หมออิงกับย่า บ้านของแม่หมออิงดูเงียบเหงามาก แต่ไปคราวนี้กลับมีคนที่อยากพบเธอยืนรอต่อแถวอยู่ด้านนอกประตูจนแถวยาวไปไกลมากแล้ว ในบ้านมีแต่เสียงเอะอะโวยวาย เหมือนกับตลาดสดขายผักอย่างไรอย่างนั้น

แม่หมออิงวุ่นอยู่กับการดื่มน้ำพลางจุดธูปเพื่อดูดวงให้กับคนที่มาหาเธอ เธอยุ่งจนสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อบังเอิญเห็นฉันเดินเข้ามา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างราวกับพบผู้ช่วยชีวิตให้รอดพ้นจากภยันอันตราย เธอรีบหาข้ออ้างใหญ่โต เพื่อลากฉันเข้าไปในห้องนอนของเธอ เธอดื่มน้ำแก้วใหญ่เต็มแก้ว แล้วพูดกับฉันว่า “มาได้สักที เธอต้องช่วยฉันจัดการเรื่องนี้นะ…”

ขณะที่พูดเธอก็เงยหน้าขึ้นมองที่ฉัน ทันใดนั้นก็ทำท่าทางหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอประหลาดใจ และจู่ ๆ ก็บอกให้ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอ

ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร แต่ฉันก็เอนตัวไปหาเธออยู่ดี

เธอเอื้อมมือมาดึงคอปกเสื้อของฉัน และยื่นหน้าเข้ามาที่คอแล้วสูดสมอย่างแรง “ใครเป็นคนทำรอยสองสามรอยที่คอของเธอ? หลิวหลงถิงเหรอ?”

“มันคืออะไร?” ฉันเอามือลูบที่คอ พลางใช้สายตามองไปรอบ ๆ ห้องหนึ่งรอบ กระจกบานใหญ่สะท้อนให้เป็นภาพที่คอของฉัน มันมีรอยสีแดงเข้มสองสามรอยที่คอ ซึ่งมันคือรอยจูบ

ฉันวางกระจกลงแล้วดึงคอปกเสื้อขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าไม่ตอบคำถามของแม่หมออิง ดูเหมือนว่าแม่หมออิงจะเดาได้เอง และสีหน้าของเธอก็ฉายแววโกรธเคืองเล็กน้อย “ตอนแรกฉันก็บอกแล้วว่าหลิวหลงถิงนั้นไม่ใช่อะไรที่ดีเลย ฉันคิดว่าเขาจะเป็นเทพที่มีความสำรวมมากกว่านี้ เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอแล้วฉันก็ไม่กล้ายุ่ง ตอนนี้ชีวิตเธอถูกพันติดไว้กับเขาแล้ว ในอนาคตทุกอย่างอาจจะรุนแรงเข้าไปอีกก็ได้”

แต่ฉันจะทำยังไงได้อีกล่ะ ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย ฉันจึงถามแม่หมออิงว่าพอจะมีวิธีไหนที่จะสามารถหยุดเขาได้บ้าง ถึงอย่างไรความน่ากลัวที่ถูกหลิวหลงถิงควบคุมตามอำเภอใจแบบนี้ ฉันก็ไม่อยากลิ้มลองมันแล้ว

“ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับเขาได้ เธอยังควบคุมเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“แล้วต้องเมื่อไหร่ฉันถึงจะมีความสามารถมากพอสักทีล่ะ?” ฉันถามแม่หมออิง

ดูเหมือนฉันจะพูดถึงประเด็นที่แม่หมออิงสนใจ จู่ ๆ ท่าทางโมโหของเธอก็หายไปในทันที เธอยิ้มและจับมือฉันไว้แน่น “แน่นอนว่าเธอต้องขับไล่ความชั่วร้ายให้คนอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไงล่ะ แบบนี้ระดับการบำเพ็ญเพียรของเธอก็จะสูงขึ้นไปด้วย ตอนนี้ฉันระงับธุรกิจที่นี้ไปบ้างแล้ว งานมันล้นหลามจนยุ่งมากจริง ๆ หรือเธอจะรับช่วงต่อแทนฉันดีล่ะ? อันที่จริงตอนนี้มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางจัดการกับหลิวหลงถิงหรอกนะ เธอไปนัดบอดหรืออะไรสักอย่างสิ หาผู้ชายมาแต่งงานด้วย แต่ฝ่ายชายต้องเป็นข้าราชการ หรือคนที่นับถือพระพุทธศาสนา คนประเภทนี้จะมีลมปราณที่รุนแรง และไม่แน่อาจจะควบคุมหลิวหลงถิงได้”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status