Share

บทที่ 16 อาจารย์หยินฮวา

“นายพูดว่าให้ฉันกลับบ้านกับนายหรอ?” ฉันถามหลิวหลงถิงอย่างไม่น่าเชื่อ

หลิวหลงถิงเอียงศรีษะชำเลืองตามองมาที่ฉัน จากนั้นหันศรีษะตรงไปข้างหน้าพร้อมกับก้าวเท้าเดิน “ใช่แล้ว ปีหน้าเธอก็จะไปเรียนที่ต่างจังหวัดแล้ว ฉันก็จะไปกับเธอด้วย อยู่ข้างนอกไม่สะดวกเท่าที่บ้าน ฉันจะพาเธอไปพบพวกเขา เมื่อฉันออกไปธุระไม่ได้อยู่กับเธอ กลัวเธอจะเจอกับปัญหา ก็ยังดีที่ฉันได้ไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาไว้ก่อน”

ก่อนหน้านี้เคยได้ยินแม่หมออิงบอกว่าครอบครัวหลิวหลงถิงมีพี่น้องทั้งหมดห้าคน เขาเป็นลูกคนที่สาม ครอบครัวเขามีคนมากมาย ต้องคึกคักแน่ ๆ งั้นฉันจะกลับไปกับหลิวหลงถิง เสมือนว่าไปบ้านสามี

“พี่น้องของนายก็เป็นเซียนหรอ?” ฉันถามหลิวหลงถิง

“มีแค่สามคนที่เป็นเซียน น้องชายและน้องสาวฉันอีกสองคนยังคงบำเพ็ญฌาณอยู่ที่บ้าน”

หลิวหลงถิงยังคงอดทนที่จะอธิบายให้ฉันฟัง เมื่อพวกเราเดินมาถึงฝั่ง คู่สามีภรรยาก็รีบเข้ามาล้อมฉันแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น?

ฉันจึงเอาคำบอกกล่าวของศพหญิงร่างยักษ์ทั้งหมด และบอกเธอว่า ศพหญิงสาวเหล่านี้อยากกลับชาติมาเกิด ฉันได้ติดต่อตำรวจเพื่อตามหาญาติให้พวกเขาแล้ว

ด้านหญิงผู้นี้เมื่อได้ยินว่าฉันแจ้งตำรวจแล้ว เธอก็รู้สึกสงสัยว่าฉันเป็นภรรยาเซียนตัวจริงหรือตัวปลอม อย่างไรเสียมีที่ไหนภรรยาเซียนมาดูเรื่องราวด้วยตัวเองแล้วยังจะแจ้งตำรวจอีก

แต่อย่างไรก็แก้ปัญหาได้แล้ว พวกเขาไม่พูดอะไรแถมยังให้ฉันอยู่กินข้าวด้วยกันอีก แล้วบอกว่าเจ้านายของพวกเขากำลังมา อีกไม่นานก็จะถึงแล้ว แถมยังพูดต่อว่าฉันยุติปัญหานี้ให้พวกเขาได้ เจ้านายพวกเขาต้องตบรางวัลฉันอย่างงามแน่ ๆ

ที่จริงฉันก็รู้สึกสนใจเจ้านายของสามีภรรยาคู่นี้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นข้าราชการ ถ้าปีนขึ้นไปหาลูกชายพวกเขาได้ ก็ถือว่ามีวิชาลมปราณ สามารถปราบหลิวหลงถิงได้ หลิวหลงถิงที่ตอนนี้เดินไปได้ครึ่งทางก็หันหลังกลับมามอง ฉันเลยเบี่ยงประเด็นเรื่องนี้ บอกไปว่านี่เป็นหน้าที่ของฉัน ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ หลังจากนั้นก็รอรถโดยสารข้างทางกับหลิวหลงถิงเพื่อกลับเข้าเมืองด้วยกัน

เพราะในรถมีคนเยอะมาก หลิวหลงถิงจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ข้าง ๆ ฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้คุยกับเขา และทำได้แค่หันมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง

รถของเราวิ่งอยู่บนถนนแคบ ๆ ฝั่งตรงข้ามมีรถออดี้สีดำคันหนึ่งขับมา รถออดี้คันนี้ขับผ่านรถโดยสารที่ฉันนั่งอยู่ หน้าต่างรถเขาเปิดอยู่ ฉันจึงกวาดสายตาไปยังตำแหน่งคนขับ ด้านในเป็นชายวัยรุ่นสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ รถที่อยู่ตรงข้ามกันทั้งสองคัน ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว มันขับเร็วมาก ฉันจึงเห็นไม่ชัดว่าชายคนนั้นลักษณะเป็นอย่างไร แต่ที่ฉันจำได้ชัดเจนคือปานสีเข้มที่เป็นตำหนิรูปดอกไม้ มันแทงตาฉันมาก

ตำหนินี้ทำให้ฉันตื่นเต้น ราวกับว่ากำลังจะเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่าหวาดหวั่น แต่ทว่าหลิวหลงถิงก็ปริปากพูดขึ้นทันที ถามฉันว่าพูดถึงอะไร?

“ผู้ชายที่ขับรถออดี้เมื่อกี้ นายเห็นชัดไหมว่าเขาลักษณะเป็นยังไง?”

“เขามีปานที่หน้า” หลิวหลงถิงตอบอย่างไม่ลังเล แต่เมื่อฉันกำลังคิดว่าจะถามหลิวหลงถิงต่อว่าปานนี้คืออะไร คุณป้าที่นั้งอยู่ข้างหน้าฉันก็หันหน้ามามองฉันด้วยสายตาแปลก ๆ ฉันก็เลยไม่พูดสิ่งที่ฉันคิดกับหลิวหลงถิงอีก ไม่อย่างนั้น คนในรถต้องว่าฉันบ้าแน่ ๆ

หลังจากกลับถึงบ้าน ฉันบอกกับคุณย่าว่าปีใหม่ปีนี้อาจจะต้องไปฉลองปีใหม่ที่บ้านหลิวหลงถิง จากที่ฉันคิดว่าท่านจะไม่เห็นด้วย คาดไม่ถึงว่าท่านจะเห็นด้วยสุด ๆ คุณย่าบอกว่าการที่เซียนชวนร่างทรงไปที่บ้านของเขา เป็นการที่เชื่อใจกันมาก ๆ และบอกฉันว่าอย่าทำลายความเชื่อใจของหลิวหลงถิง สร้างความสัมพันธ์กับครอบครัวเขาให้มาก ๆ หากเจอปัญหาในอนาคตจะได้ขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้อย่างสะดวก

จนถึงตอนนี้ ฉันก็เชื่อว่า จนกว่าฉันจะคลอดลูกน้อยของหลิวหลงถิง เขาคงไม่ทำร้ายฉัน ดังนั้นการไปบ้านของหลิวหลงถิงมันทำให้ฉันค่อนข้างโล่งอก แต่คราวนี้ฉันไปบ้านเขาเพื่อดูลาดเลาเกี่ยวกับสถาณการณ์บ้านเขา ในอนาคตถ้าอยากหันหน้าหากันแล้ว ฉันก็ต้องพิจารณาดูก่อนที่จะวางแผน

บ้านเกิดของหลิวหลงถิงอยู่ที่เขาฉางไป๋ ฉันก็ตามเขาไปที่เขาฉางไป๋ เดิมทีคิดว่าครอบครัวเซียนอย่างพวกเขาจะไม่มีที่มาที่ไป แต่แล้วหลิวหลงถิงกลับพาฉันไปสนามบิน และนั่งเครื่องบินตรงไปยังเขาฉางไป๋ เมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว เขาก็บอกฉันว่าน้อง ๆ เขาจะมารับเรา สักครู่ก็จะพบกับพวกเขาแล้ว เงียบ ๆ เข้าไว้อย่าตะโกนโหวกเหวกโวยวาย

นี่ไม่ใช่การเจองูน้อยสองตัวนั่นหรอ? มีอะไรให้น่าตะโกนโหวกเหวกอีก แต่เมื่อฉันเห็นเด็กฝาแฝดอายุราว ๆ เจ็ดแปดขวบสองคนที่อยู่ไม่ไกล ส่งเสียงกระโดดโล่นเต้นโผเข้าหาขาของหลิวหลงถิงอย่างดีใจ ฉันก็ถึงกับตาถลนออกมา นี่น้อง ๆ ของหลิวหลงถิงเหรอ?

ตาโตดูอิ่มน้ำ ปากเล็ก ๆ ได้รูปเชอร์รี่ทั้งคู่ เด็กผู้ชายสวมชุดรถถังน่ารัก ส่วนเด็กผู้หญิงสวมกระโปรงอย่างไม่กลัวความหนาว ใบหน้าทั้งสองขาวผ่องราวหิมะอันบริสุทธิ์ คนนึงโผเขากอดขาข้างหนึ่งของหลิวหลงถิงอย่างออดอ้อนอยู่ตลอดเวลา และเอาแต่ตะโกนเรียกพี่กลางไม่หยุดด้วยเสียงที่อ่อนหวาน เสียงเรียกนี้มันทำให้ฉันรู้สึกเขิลจนต้องเอามือปิดหน้า!

มีเด็กที่น่ารักเช่นนี้ได้อย่างไร? ปีศาจอย่างพวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างน่ารักขนาดนี้เชียวหรือ?

หลิวหลงถิงที่ดูมีความสุขมาก เขาเอื่อมมือออกมาแล้วส่งกระเป๋าให้ฉัน พร้อมลูบหัวของเด็กทั้งสอง และถามไปว่า “พี่รองอยู่บ้านหรือเปล่า?”

“อยู่ค่ะ! พี่รองรู้ว่าอีกไม่กี่วันพี่กลางจะกลับมา ทุกคนที่บ้านรอมาหลายวันแล้ว!” เด็กหญิงตอบโต้หลิวหลงถิงด้วยน้ำเสียงไพเราะ

อาจเป็นเพราะเด็กสองคนนี้เห็นว่าหลิวหลงถิงแสดงอาการตื่นเต้นบางอย่างออกมา เด็กชายจึงสังเกตุเห็นฉันที่อยู่ข้างหลิวหลงถิง พอเห็นว่าฉันกำลังมองพวกเขาอยู่ เด็กน้อยจึงจ้องมองฉันด้วยความสงสัย พลางดึงมือของหลิวหลงถิงให้ก้มลง แล้วเอนตัวถามหลิวหลงถิงว่า “พี่กลาง คนนี้คือใครครับ ทำไมเธอดูขี้เหร่จัง!”

ฉันไปนะ! คาดไม่ถึงว่าจะโดนเด็กเรียกว่าฉันขี้เหร่ เรียกฉันเช่นนี้แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! แม้ว่าหน้าตาฉันจะไม่สวยเหมือนนางฟ้า แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ฉันเคยถูกจัดอยู่ในอันดับความสวยต้น ๆ ในคณะของตัวเองเชียวนะ!

ด้านหลิวหลงถิงที่ได้ยินเด็กชายเรียกฉันว่าขี้เหร่ ก็พลันหัวเราะออกมาอย่างไม่ขายหน้า พร้อมดึงเด็กชายเข้ากอด แล้วอธิบายให้เขาฟังว่าฉันชื่อป๋ายจิง ซึ่งตอนนี้เป็นร่างทรงให้แก่เขา คราวนี้เขาพาฉันกลับมาด้วย แค่อยากให้ทุกคนได้เจอ เพื่อให้พี่สาวและพี่ชายทั้งสองสบายใจ

หลิวหลงถิงพูดเช่นนี้ เหมือนกับว่าคนที่บ้านกลัวว่าเขาจะหาภรรยาไม่ได้ เขาก็เลยต้องพากลับมาเพื่อให้ครอบครัวของเขาดู และทำให้พวกเขาได้สบายใจขึ้นมาบ้าง

ทว่าถึงแม้หลิวหลงถิงพาฉันกลับมาในฐานะภรรยาในอนาคต ฉันก็ไม่ถือสา ตอนนี้หลิวหลงถิงดูมีพี่น้องที่น่ารักมากมาย ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมแต่งงานกับเขา แต่ดันเลือกที่จะเป็นร่างทรงให้เขา มันทั้งเหนื่อยทั้งไม่มั่นคง

ระหว่างทางกลับบ้านกับหลิวหลงถิง หลิวหลงถิงได้บอกชื่อของน้องสาวน้องชายกับฉัน น้องชายมีนามว่าหลิวหลงเถิง ส่วนน้องสาวมีนามว่าหลิวเจียวเอ่อร์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูเด็ก แต่ก็ผ่านการบำเพ็ญฌาณมาหกสิบแปดปีแล้ว ดังนั้นอิงตามอายุแล้ว ฉันสามารถเรียกพวกเขาทั้งสองว่าคุณปู่คุณย่าได้เลย

แต่ฉันคงไม่เรียกเขาว่าคุณปู่คุณย่า เพราะจริง ๆ แล้วฉันชอบเด็กคู่นี้มาก ตลอดทางฉันถูกเด็กสองคนนี้กอดไปกอดมาและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานไม่หยุด

ตอนยังไม่เคยมาบ้านของหลิวหลงถิง ฉันนึกว่าบ้านของหลิวหลงถิงคงจะอยู่ในถ้ำอะไรสักอย่าง แต่พอหลิวหลงถิงพาฉันข้ามเขามาถึง ก็พบกับบ้านที่มีกลิ่นอายความเก่าแก่โบราณ ปรากฏออกมาตรงหน้าฉัน หลงเถิงและเจียวเอ่อร์รีบผลักประตูเข้าไป พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “พี่กลางกลับมาแล้ว!”

แล้วฉันก็เดินตามหลิวหลงถิงไปข้างหลัง พลางมองดูบรรยากาศที่งดงามรอบ ๆ บ้าน แล้วถามหลิวหลงถิงว่า บ้านที่สร้างขึ้นบนหุบเขาเช่นนี้ ไม่เคยมีคนมาที่นี่เลยเหรอ?

“เพราะเธอผูกผันกับฉัน ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นบ้านของฉัน ถ้าเป็นคนธรรมดา ที่นี่ก็เป็นเพียงวิวทิวทัศน์ธรรมดาแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเราจะอยู่บนโลกเดียวกัน แต่บนโลกนี้ก็ถูกแบ่งออกหลายชั้น หากไม่มีโชคชะตา เราก็พยายามที่จะไม่รบกวนพวกมนุษย์ และพวกมนุษย์ก็จะมองไม่เห็นพวกเรา”

ขณะที่หลิวหลงถิงกำลังพูดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่แหลมคมมาก แต่ก็ฟังดูไพเราะดังมาจากในบ้าน “หลงถิงกลับมาแล้ว!”

หญิงสาวสวมชุดกี่เพ้าสีแดง เดินบิดเอวอย่างว่องไวออกมาจากบ้าน ใบหน้างดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ รอยยิ้มเต็มไปด้วยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ แต่เมื่อเธอก้าวเท้าเรียว ๆ ออกมาจากธรณีประตู จู่ ๆ สีหน้าของเธอก็ดูตื่นตระหนกทันที เท้าที่กำลังยื่นออกมากลับช้าลงอย่างลังเล นัยย์ตาคู่สวยไม่กล้าสบตาฉัน “คุณคือ อาจารย์หยินฮวาใช่ไหม?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status