“ยังอยู่ดีค่ะ แต่ยังไม่ออกจาก ICU ฉันคิดว่าถ้าวิญญาณของคุณกลับเข้าร่างได้ก็น่าจะฟื้น ฉันคิดว่าพลังบุญที่ฉันทำให้คุณอาจจะช่วยคุณได้จริงๆ ดูสิคะตอนแรกที่ฉันทำบุญ ฉันคุยกับคุณได้บ่อยขึ้น หลังจากนั้นไม่นานคุณก็เริ่มรู้ตัวว่าเป็นวิญญาณ แล้วก็ค่อยๆ จำเรื่องราวของตัวเอง แถมตอนนี้ยังออกมาจากที่กักขังได้แล้วด้วย ถ้าฉันทำบุญให้คุณเพิ่มอีก ไม่นานคุณก็จะได้กลับเข้าร่างได้ก็ได้นะคะ”
“ขอบคุณคุณมากๆ ที่ทำเพื่อผมขนาดนี้”
“ฉันเต็มใจค่ะ ยิ่งรู้ว่าคุณเป็นลูกของท่านแม่ฉันก็ยิ่งอยากช่วย”
“หมายความว่ายังไง” สีหน้าของอัคคีเต็มไปด้วยความฉงนหนัก
“ก็...” ไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้พูดจบร่างของอัคคีก็สลายหายไปต่อหน้าต่อตา
“คุณอัคคี คุณอัคคีคะ” มนตรามัจฉารีบกวาดสายตามองไปยังรอบห้องแล้วก็ต้องถอนหายใจ เพราะไม่เห็นหรือแม้แต่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มได้อีกต่อไป
“หวังว่าคุณจะปลอดภัยนะคะคุณอัคคี แล้วฉันจะพยายามทำบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เธอพึมพำก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนปลายเตียง แม้จะเสียใจที่ได้คุยกับชายหนุ่มได้น้อยไปหน่อย ทว่าอย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าคนที่เธอกำลังช่วยคืออัคคีคนเดียวกับที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล เห็นทีคนเดียวที่เธอน่าจะปรึกษาได้คงจะเป็นเด่นจันทร์ คิดได้ดังนั้นจึงรีบต่อสายหาหมอธีรภพเพื่อขอนัดวันที่จะเข้าไปหาเด่นจันทร์ทันที
โชติรวีรีบปรี่เข้าไปหาชื่นชีวาหลังจากพี่สาวของเขากลับมาถึงบ้าน เพราะเรื่องที่เขารับรู้มาทำให้เขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ชมชีวัน คราแรกเกือบจะเชื่อว่าพี่สาวคนรองหายดีแล้ว ทว่าเรื่องเมื่อตอนบ่ายที่ชมชีวันยืนคุยกับต้นไม้กลับทำให้เขาสงสัยพี่สาวคนรองเพิ่มว่าไม่ได้หายดีจริงๆ หลังจากชมชีวันกลับเข้าห้องไปเขาก็ทำตัวเป็นคนตีนแมวแง้มประตูห้องของชมชีวัน แล้วก็ได้เห็นว่าพี่ตนกำลังยืนพูดคนเดียวจึงได้อัดคลิปทุกอย่างมาให้พี่สาวคนโตได้ดู
“คุยคนเดียวจริงๆ ด้วย” ชื่นชีวากลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ได้มารับรู้ว่าน้องสาวท่าจะยังไม่หายจากอาการที่คิดว่าตัวเองสื่อสารกับผีได้เธอก็ต้องนั่งกุมขมับ
“ผมว่าพี่ชบาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ หัวใจสมุทรไง หัวใจสมุทรที่พ่อบอกว่าจะช่วยปัดเป่าภัยร้ายได้ พี่ชบารีบเอาไปให้พี่ชมพูใส่เลยนะ ไม่อย่างงั้นผมไม่เลิกกลัวพี่ชมพูแน่ แล้วเย็นนี้ผมจะไปกินข้าวนอกบ้าน ไปนอนที่ออฟฟิศเหมือนเดิมด้วย” อุตส่าห์ขนของกลับมาหลังจากรู้ว่าพี่สาวคนรองกลับมาจำทุกอย่างได้ ว่าเขาก็อยู่บ้านได้ไม่เท่าไรก็ต้องกลับไปอยู่ที่ออฟฟิศเหมือนเดิมเพราะกลัวในความผิดปกติของชมชีวัน
“เออก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการเอง หึ่ย...พี่ตัวเองแท้ๆ ทำตาขาวไปได้”
หญิงสาวในเดรสชุดนอนตัวโคร่งนั่งเปิดตู้เซฟก่อนจะเข้านอน เธอตัดสินใจเอาสร้อยเงินที่มีจี้หัวใจสมุทรห้อยอยู่ตรงกลางที่เป็นมรดกตกทอดมาจากคนเป็นพ่อออกมาจากกล่องเหล็ก
“ขอให้ของสิ่งนี้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้จริงๆ ด้วยเถอะ” ชื่นชีวามองสร้อยที่อยู่ในมือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังว่ามันจะทำให้น้องสาวของเธอกลับมาเป็นคนเดิมได้จริงๆ
จากคลิปวีดิโอที่เธอดูจากโทรศัพท์มือถือของโชติรวี เทียบกับการพูดคุยในตอนมื้ออาหารเย็นกับชมชีวัน ทำให้เธอรู้ได้เลยว่าตอนนี้ชมชีวันไม่ได้ไว้ใจที่จะพูดทุกอย่างกับเธอเช่นเมื่อก่อน รู้ได้ก็เพราะเธอแกล้งถามว่าตอนนี้ยังสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้อีกหรือไม่ สิ่งที่น้องสาวตอบกลับมาคือการปฏิเสธและบอกว่าตอนนี้เธอใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่นทั่วไป ยิ่งเห็นชมชีวันเป็นแบบนี้เธอก็ยิ่งห่วงหนักกว่าเดิมหลายเท่า
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ชื่นชีวามองไปยังประตูหน้าห้องของน้องสาวอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าน้องของเธอยังไม่นอน เพราะเธออยากจะให้ชมชีวันได้สวมสร้อยหัวใจสมุทรภายในคืนนี้เลย หวังว่ามันจะศักดิ์สิทธิ์จนปัดเป่าภัยร้ายได้อย่างที่พ่อของเธอเคยบอก
แกร๊ก “อ้าวพี่ชบา มีอะไรเหรอคะ” มนตรามัจฉาเบิกตามองพี่สาวด้วยความฉงน เพราะน้อยครั้งนักที่ชื่นชีวาจะมาเคาะห้องของเธอในเวลาใกล้กลางดึกแบบนี้
“พี่ขอเข้าไปข้างในนะ”
“ค่ะ”
ประตูปิดลงได้ ชื่นชีวาก็โชว์สร้อยเงินที่มีจี้แดงที่ด้านในมีก้อนสีดำคล้ายรูปทรงเงือกตรงกลางให้น้องสาวของเธอได้ดู
“นี่ พี่ขอให้ชมพูใส่เอาไว้ มันเป็นสร้อยที่เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพ่อเรา พ่อบอกว่าหัวใจสมุทรจะปัดเป่าสิ่งร้ายๆ ออกไปได้” พูดจบก็สวมไปที่คอของน้องสาวของเธอโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต
มนตรามัจฉาหยิบจี้สีแดงขึ้นมามองอย่างพินิจพิจารณา เธอรับรู้ได้จากความทรงจำของชมชีวันว่าเคยได้จับมาแล้ว ทว่าก็มีอีกเรื่องที่ยังสงสัยในใจ
“หัวใจสมุทร?” จะใช่หัวใจสมุทรในเมืองของเธอไหมนะ เพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นหัวใจสมุทรมาก่อนด้วย
“ใส่ติดตัวเอาไว้ห้ามถอดรู้ไหม พี่ไม่กวนแล้ว”
“ค่ะ” มนตรามัจฉามองตามผู้เป็นพี่จนพ้นออกจากประตูห้องของเธอไป จากนั้นก็ก้มมองจี้ที่คอของตัวเองต่อ
“มีรูปเงือกอยู่ตรงกลางเหมือนที่ท่านพ่อเคยเล่าให้ฟัง หรือนี่จะเป็นหัวใจสมุทรของบ้านเมืองเราจริงๆ”
ขณะที่กำลังคิดไม่ตก จู่ๆ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความมืด มนตรามัจฉาพยายามเดินไปควานหาปลั๊กไฟ ทว่าควานหาเท่าไรก็เหมือนว่าพื้นที่รอบๆ ของเธอมันมีแต่ความว่างเปล่า “เกิดอะไรขึ้น”
สิ้นเสียงนั้นของเธอ แสงสว่างก็รายล้อมรอบกายของเธออย่างน่าประหลาด แล้วภาพตรงหน้าก็คือผู้หญิงที่มีเรือนผมดำขลับยาวสลวยเลยกลางหลัง เธออยู่ในชุดเดรสสีขาว และเหมือนว่ากำลังเดินหาอะไรบางอย่าง