เบอร์เดิม
พอรถยนต์คันหรูขับออกไปจนลับตา ฉันก็เดินถือข้าวของเข้ามาในบ้าน
"คุณหนู.."เสียงเรียกและเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาที่ฉันด้วยสีหน้าแตกตื่น
"..คุณหนูหายไปไหนมาคะ แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์"เป็นป้าจันที่วิ่งมาหาฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง ฉันรู้แล้วล่ะว่าลุงกรโทรกลับในระหว่างที่พี่ทอยอยู่ด้วยแล้ว แต่ทว่าฉันปิดเครื่อง เพราะถ้าลุงกรมาพี่ทอยก็คงต้องกลับ และฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
"ต้องไม่เป็นอะไรค่ะ..แล้วลุงกรล่ะค่ะ"ป้าจันคว้าถุงข้าวของฉันไปถือให้
"ตากรออกไปตามคุณหนูน่ะ"
"แล้วพ่อ..."
"ท่านนั่งรอคุณหนูอยู่ที่ห้องรับแขก ท่าทางเป็นห่วงคุณหนูมากเลยนะคะ"พอสิ้นเสียง ฉันก็พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะเดินนำหน้าป้าจันเข้าไปในบ้าน
ฉันตั้งใจว่าจะไม่ทักทายหรือพูดคุยอะไรกับพ่อ จึงเลือกที่จะเดินผ่านห้องรับแขก แต่พอพ่อเห็นฉันท่านกลับรีบลุกขึ้นแล้วเดินมาขวางหน้าฉัน
"ทำไมถึงไม่รับสายกร..ไม่รับสายฉัน?"ไม่รู้เลยว่าพ่อก็โทรมาเหมือนกัน
"แบตหมดค่ะ"ฉันโกหกคำโตเลย
"แล้วโทรหากรมีอะไร"
"รถเสียค่ะ แต่ต้องติดต่อให้ฉันมาเอาไปแล้ว"
"ทำไมไม่โทรหาฉัน"น้ำเสียงดุแฝงด้วยความเป็นห่วง
"....."ฉันก้มหน้าเม้มปากทั้งสองแน่น ก็จะโทรหานั้นแหละแต่พี่ทอยเขามาพอดีหนิ อีกอย่างฉันก็อยากอยู่กับเขา
"ไม่เป็นไรใช่ไหม"ฉันเงยมองหน้าผู้เป็นพ่อ
"ไม่เป็นไรค่ะ"ที่ฉันจะหนีท่านขึ้นห้องเพราะกลัวว่าจะถูกบ่นเรื่องใช้เงินนั้นแหละ แต่ท่านไม่ได้ว่าอะไร นอกจากแววตาที่ดูเป็นห่วงฉันไม่น้อย
"รถคันนั้น..ฉันไม่ได้สั่งให้เอาไปเข้าศูนย์เช็คสภาพมันก็เลยมีปัญหา"
"แล้วทำไมพ่อไม่..."
"ก็ฉันตั้งใจจะซื้อคันใหม่ให้แกหลังจากเรียนจบ"จริง ๆ รถที่บ้านก็มีหลายคันนะ ฉันอาจจะดวงไม่ดีที่ใช้คันของตัวเองขับไป
"เรื่องรถ..ฉันจะจัดการให้"
"ขอบคุณค่ะ"ฉันกล่าวจบกำลังจะเลี่ยงเดินออกมา
"ฉันเห็นว่าแกไม่ได้นั่งแท็กซี่มา..ใครมาส่งแก"ฉันหยุดชะงักแล้วหันไปที่ท่าน
"พ่อไม่ต้องรู้หรอก"ถึงบอกไปพ่อก็ไม่รู้จักพี่ทอยอยู่ดี เพราะว่าพ่อไม่รู้เรื่องช่วงที่เราคบกัน ง่าย ๆ คือฉันกับเขาแอบคบโดยที่ฉันไม่บอกให้พ่อรู้ว่ามีแฟน ถ้าท่านรู้ก็คงให้เราเลิกกันแน่ เพราะท่านคาดหวังกับการเรียนฉันไว้มาก
"ยัยต้อง!"ฉันไม่สนใจเดินหนีขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนตัวเองทันที
.
.
เช้าวันต่อมา
ฉันตื่นขึ้นพร้อมกับแสงแดดในตอนเช้าที่สาดส่องเข้ามาที่หน้าต่าง ฉันจึงลุกจากเตียงไปเปิดผ้าม่านเปิดหน้าต่างสูดรับอากาศดี ๆ เข้าปอด
"สดชื่นจัง"จากนั้นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูเพื่ออาบน้ำแต่งตัว
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็แต่งตัวออกมาจากห้อง เพื่อมาทานมื้อข้าว ตอนนี้พ่อของฉันออกไปบริษัทแต่เช้า ฉันจึงต้องทานมื้อข้าวคนเดียว แล้วเกิดมีความคิดอะไรบางอย่างขึ้น
"วันนี้ไปหาพี่ตั้งดีกว่า"ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ถึงพ่อจะห้ามยังไงฉันต้องไปหาพี่ชายฉันอยู่ดี พอกินข้าวอิ่ม ฉันก็เลือกกุญแจรถแล้วขับออกมาจากบ้าน ระหว่างทางที่จะไป ในหัวฉันก็ผุดภาพเหตุการณ์วันที่พี่ชายฉันที่ปลิดชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดตึกลง ทุกวันนี้ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะตัดสินใจทำแบบนั้น พอมาถึงฉันก็หยิบดอกไม้ที่แวะซื้อมาแล้วลงจากรถ ขณะที่ฉันล็อกรถกำลังจะเดินไปที่อัฐิพี่ตั้ง ก็เห็นชายหนุ่มคนนึงกำลังเดินออกมา ฉันขมวดคิ้วมองเขาเพราะรู้สึกคุ้นหน้าชายคนนี้มาก แต่ก็นึกไม่ออก จังหวะที่ฉันยังคงมองเขาอยู่นั้น จู่ ๆเขาก็หันมาสบตากับฉัน จึงต้องคลี่ยิ้มแล้วผงกหัวทักทายแก้เขิน
ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มกลับแล้วก้าวขายาวเดินตรงมาที่ฉัน
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีค่ะ"ฉันทักทายกลับแล้วยิ้มให้
"เอ่อ..ไม่ทราบว่ามาไหว้ใครเหรอครับ"คำถามอาจจะดูแปลกไปหน่อย แต่ก็เข้าใจนะเพราะเป็นฉันก็คงไม่รู้จะถามอะไร มาสถานที่แบบนี้
"พี่ชายค่ะ...แล้วคุณ?"
"เพื่อนน่ะครับ..."เขาตอบกลับแล้วหันไปมองที่เก็บอัฐิซึ่งมีมากมาย
"...ขอตัวก่อนนะครับ"ก่อนที่จะหันกลับมาแล้วพูดขึ้น ฉันยังคงจ้องหน้าเขาด้วยความรู้สึกว่าฉันคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้จัง
"อ๋อ ค่ะ ๆ"พอสิ้นเสียง ชายหนุ่มก็เดินไป ฉันยังคงมองแผ่นหลังเขาจนลับตาไป
"ทำไมรู้สึกว่าฉันเคยเจอเขา"ฉันพึมพำเบา ๆ แล้วเดินไปยังที่เก็บอัฐิของพี่ชาย
พอได้ไหว้ และพูดคุยกับพี่ตั้งเสร็จฉันก็ขับรถออกมา ระหว่างทางนึกขึ้นได้ว่ารถฉันอยู่ที่อู่ อยากจะไปดูสักหน่อย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะกดเบอร์อู่ที่ช่างให้ไว้ แต่ทว่าฉันกลับเปลี่ยนใจ เลือกที่จะโทรไปหาใครบางคน ตื๊ดดดด ตื๊ดดด ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาที่รู้ว่าคนที่ฉันโทรหายังใช้เบอร์เดิม.
(สวัสดีครับ)ตึกตัก ตึกตัก หัวใจฉันเต้นโครมครามเลยเมื่อได้ยินเสียงปลายสาย
"พี่ยังใช้เบอร์เดิม"
(ต้องรัก?)เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อฉันพูดจบ.
"ใช่ค่ะ ต้องเอง"ฉันพูดด้วยสีหน้าที่เบิกบานดีใจ
(โทรมาทำไม)เขาเอ่ยกลับมาด้วยน้ำเสียงทุ้มดุ
"เอ่อ...คือต้อง...ต้อง..."
(พี่ทอย ไผ่มารับพี่ไปทานข้าวค่ะ)มีเสียงหวานแทรกเข้ามา
(ครับ)เสียงพี่ทอยก็ตอบกลับแล้วก็ตัดสายฉันไปเลย