ช่วยรอเป็นเพื่อน
ฉันยืนมองแผ่นหลังของชายหญิงที่เดินผ่านไปจนลับตาด้วยน้ำตาคลอเบ้า พอได้สติก็รีบปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนที่จะพ่นมันออกมาเบา ๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านอาหารหรู
หลังจากทานข้าวจนอิ่มเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขับรถออกมาจากห้างสรรพสินค้า ซึ่งมันก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึก ฉันเดินชอปปิ้งจนเพลินไม่ได้ดูเวลาเลย ระหว่างทางฉันขับรถโดยไม่ได้ใช้ความเร็วมากเปิดเพลงในรถเพื่อให้ตัวเองอารมณ์ดี คลายความหมองหม่นที่อยู่ภายในใจ แต่ทว่าจู่ ๆ รถที่ฉันขับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยก็เกิดดับไปซะอย่างนั้น
"เป็นอะไรเนี่ย"ฉันพึมพำแล้วมองซ้ายมองขวา ซึ่งน่าโมโหมากที่รถดันดับในสถานที่เปลี่ยว ฉันเปิดไฟฉุกเฉินไว้ แล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาคนขับรถที่บ้าน แต่ก็ไม่รับสาย หรืออาจจะเป็นเพราะเขาอาจจะกำลังขับรถ หรือไม่ก็แบตหมด ฉันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกจึงไม่มีเบอร์ช่าง ตอนนี้มีทางเดียวคือต้องรอให้ลุงกรโทรกลับมา ฉันไม่กล้าออกจากรถไปไหนเลยเพราะรู้สึกกลัวมาก
ฉันรอลุงกรโทรกลับมาสักพัก แต่ก็ไม่มีวี่แวว ครั้นจะโทรหาพ่อก็กลัวว่าท่านจะดุ โอ๊ย ทำยังไงดี จะทิ้งรถไว้แล้วขึ้นแท็กซี่กลับ แต่แถวนี้ไม่มีแท็กซี่ผ่านเลย ฉันคิดอยู่สักพักใหญ่จึงตัดสินใจจะโทรหาพ่อ กำลังจะกดโทร อยู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดประกบข้าง ๆ หัวใจฉันเต้น ตึกตัก ตึกตัก ด้วยความกลัว แต่เมื่อคนขับลงจากรถ หัวใจฉันกลับเต้นแรงมากขึ้นไปอีก แต่เป็นการเต้นแรงด้วยความดีใจ
"พี่ทอย"ฉันเอ่ยออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถ
"รถเป็นอะไร"เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบสายตาจ้องไปที่รถของฉัน โดยที่ไม่ได้มองหน้าฉันเลย
"เอ่อ..."ยังไม่ทันได้พูดอะไรชายร่างสูงก็วิสาสะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ เขาพยายามจะสตาร์ทรถ แน่นอนว่ามันไม่ติด จากนั้นเขาจึงลงจากมาแล้วเดินไปเปิดกระโปรงรถดูเครื่องยนต์ พอเปิดกระโปรงควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาทำเอาฉันตกใจมาก
"ขับมาได้ยังไง"พี่ทอยหันมาพูดกับฉัน
"รถต้องเป็นอะไรเหรอคะ"พอควันเริ่มจางฉันจึงเดินเข้าไปดู ซึ่งก็ไม่รู้หรอก
"หึ.."เขาไม่ตอบแต่แค่นหัวเราะในลำคอแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วลอบหายใจก่อนที่จะหันมาที่ฉัน
"...โทรหาใครหรือยัง"ปากหนาขยับแต่สีหน้าเรียบนิ่ง
"ต้องโทรหาลุงกรแล้วแต่เขาไม่รับสายน่าจะติดธุระอยู่ แล้วกำลังจะโทรหาพ่อพี่ก็มา...."
"ไม่มีเบอร์ช่าง?"ฉันส่ายหน้าแล้วก้มลง
"เฮ้อออ"เสียงถอนลมหายใจของชายร่างสูงตรงหน้าทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองเขา ในขณะที่เขาล้วงไปในกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรในขณะที่เขาก้าวขาเดินไปไม่ไกลเพื่อคุยโทรศัพท์ ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเขาก็เผลออมยิ้มออกมา ภาพวันแรกที่เราเจอกันก็ผุดเข้ามาในหัว
.
.
ตอนที่ฉันเรียนอยู่ปี 1
ระหว่างที่ฉันขับรถกลับบ้าน อยู่ ๆรถก็ดับแบบนี้เลย และเป็นเขาที่มาช่วย แต่คำพูดและสีหน้าดีกว่านี้มาก
"รถเป็นอะไรครับ"
"พี่ชื่อทอยนะ เรียนอยู่ปี3"
"น้องชื่ออะไรครับ"
และหลังจากนั้นเราสองคนก็ติดต่อกันมาตลอดจนกระทั่งได้เป็นแฟนกัน
.
.
.
"สักพักช่างจะมา"ฉันหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น
"ค่ะ"พอสิ้นเสียงชายหนุ่มร่างสูงก็เดินไปที่รถเขา
"พี่จะไปไหนคะ"ฉันเห็นว่าเขาเปิดประตูแล้ว
"...."เขาหันมามองฉันเสี้ยวนาทีแล้วเข้าไปในรถ
"พี่ช่วยรอช่างเป็นเพื่อนต้องก่อนได้ไหม..."ระหว่างที่ฉันกำลังพูดอยู่ชายหนุ่มก็เปิดเก๊ะที่หน้ารถราวกับกำลังหาอะไรอยู่
"...ต้องกลัว"พอสิ้นเสียง พี่ทอยก็ออกมาจากรถพร้อมกับบุหรี่และไฟแซ็คในมือ
"เธอกลัวอะไร..."ว่าจบเขาก็จุดบุหรี่แล้วสูดเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมา
"...แต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้เธอยังกลัวอะไรอีก"สายตาคมจ้องมองมาที่เสื้อผ้าที่ฉันสวมใส่ แน่นอนว่าตอนที่เราคบกันเขาไม่เคยเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ ซึ่งวันนี้ฉันเลือกสวมใส่ชุดเดรสกระโปรงสั้น และยังเป็นสายเดี่ยวอีกด้วย
"..."ฉันก้มมองชุดที่ฉันใส่ ใช่ มันดูโป๊จริง ๆ
"คิดยังไงถึงแต่งตัวแบบนี้"พอเขาพ่นควันบุหรี่ออก ก็หันมาพูดกับฉัน
"เอ่อ.."
"เหอะ"ฉันยังไม่ทันได้พูดพี่ทอยก็แค่นหัวเราะแทรกเข้ามาแล้วส่ายหน้า
ฉันได้ยืนนิ่งมองเขาสูบบุหรี่จนหมดมวน จากนั้นเขาก็เดินไปเอาหลังพิงที่รถของเขา แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
"ฮาโหลครับ"เขาล้วงออกมาจากกระเป๋าแล้วรีบกดรับเมื่อเห็นเบอร์ปลายสาย
"ยังครับ"พี่ทอยส่งสายตามาที่ฉันที่ยืนมองเขาคุยโทรศัพท์อยู่
"พอดี เพื่อนพี่รถเสียน่ะครับ...พี่ก็เลยโทรเรียกช่างให้แล้วรอช่างเป็นเพื่อนมัน"เพื่อน? เขาใช้คำว่าเพื่อนกับฉัน
"ครับ ถ้าช่างมาพี่จะรีบกลับ"
"ฝันดีครับ...รักครับ"หัวใจฉันเกิดเต้นโครมครามทันทีที่ได้ยินเขาพูดคำว่ารักในสาย เดาว่าเขาต้องคุยกับแฟนอยู่แน่ ๆ
พอพี่ทอยวางสาย เขาก็ยืนเล่นโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรกับฉันเลย มีแต่ความเงียบ จนฉันทนต่อความเงียบนี้ไม่ไหวจึงปริปากพูดออกมาก่อน
"พี่สบายดีไหม"เขาเงยหน้าขึ้นมาฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง
"เห็นฉันไม่สบายหรือเปล่าล่ะ"
"ผู้หญิงคนนั้นแฟนใหม่พี่เหรอ"
"อืม"เป็นคำตอบสั้น ๆ แต่ไม่รู้ทำไมฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ
"คบกันมานานหรือยัง"ฉันก็ยังคงถามต่อ ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองฉันด้วยสายตาดุดันแฝงความไม่พอใจ
"ขอโทษที่ต้องละลาบละล้วง"จากนั้นความเงียบก็เข้ามาอีกรอบ ฉันได้แต่ยืนมองคนตัวโตยืนเล่นโทรศัพท์อย่างไม่ละสายตา ด้วยความรักและคิดถึงมันจุกอยู่ในอกฉันมานาน
จนกระทั่งรถของช่างก็มาถึง พอช่างได้ทำการตรวจเซ็คเครื่องยนต์ดู สรุปแล้วคือต้องลากรถฉันเข้าอู่
"ไปขนของเธอมาไว้ในรถฉัน"ฉันหันไปที่เจ้าของใบหน้าหล่อด้วยความสงสัย
"ฉันจะไปส่งที่บ้าน"
"จริงเหรอคะ"ฉันฉีกยิ้มกว้างทันที แล้วรีบเอาข้าวของที่อยู่เบาะหลังออกไปไว้ที่รถพี่ทอยด้วยความดีใจ
.
.
"ขอบคุณพี่มากเลยนะคะ ที่ช่วยต้องแถมยังมาส่งต้องอีก"ตอนนี้พี่ทอยขับรถพาฉันมาส่งที่บ้าน แน่นอนว่าเขารู้ทางเป็นอย่างดี
"หึ ถึงเป็นหมาจรจัดฉันก็ช่วย"ฉันหุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินคำพูดของอดีตแฟน
"ยังไง ต้องก็ต้องขอบคุณ..."ฉันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนขับ
"...ต้องจะหาโอกาสตอบแทนพี่นะ"
"ไม่ต้อง"พี่ทอยสวนกลับทันที
"พี่ยังใช้เบอร์เดิมหรือเปล่าคะ"ฉันไม่สนคำปฏิเสธของเขา เลือกที่จะหาทางติดต่อกับเขาเพื่อจะได้ตอบแทนที่เขาช่วยวันนี้
"...."อดีตแฟนไม่ตอบเขาพ่นลมหายใจอย่างเอือมระอา แล้วบรรยากาศก็เงียบกริบ ฉันได้แต่จ้องมองเขาด้วยความน้อยใจ ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ คนที่เคยอ่อนโยน กลับกลายเป็นแข็งกระด้าง คนที่เคยคอยถามคอยพูดคุย กลับกลายเป็นคนเย็นชาไปซะได้
พี่ทอยจอดรถแต่ติดเครื่องยนต์ตรงหน้าประตูรั้วบ้าน
"พี่จะเข้าไปในบ้านก่อนไหม"ฉันเอ่ยถามพลางปลดเบลล์ออก
"ไม่"
"ค่ะ"ฉันหันไปคลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วลงจากรถ เดินไปเปิดประตูรถด้านหลังแล้วหยิบข้าวของออกมา ก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้า ระหว่างที่พี่ทอยลดกระจกลง
"เราคงไม่ต้องเจอกันอีกแล้วนะ"เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"แต่ต้องอยากตอบ..."
"ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง!"ว่าจบ ก็เลื่อนกระจกขึ้นก่อนที่จะขับออกไป
ตอนจบ"เธอคิดเราจะไปปั๊มลูกที่ไหนกันดี"พอสิ้นเสียงฉันก็พลิกตัวหันไปที่สามีทันที"พี่หมายความว่าอะไร"ฉันขมวดคิ้วเอ่ยถามสามีสุดหล่อที่ยืนอมยิ้มตรงหน้า"ฮันนีมูนน่ะ..เธออยากไปที่ไหน""แล้วเกี่ยวอะไรกับทำลูก?"พูดจบสามีสุดหล่อก็กลั้วหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย"เหอะ...ก็พ่อเธออยากอุ้มหลานไม่ใช่เหรอพี่ก็เลยอยากให้ท่านสมหวัง""ชิว์ คนบ้ากาม"ฉันพึมพำแล้วจัดการถอดเครื่องประดับตัวเองต่อ"ให้พี่ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ไหม"เสียงทุ้มแฝงเซ็กซี่ดังเข้ามาข้าง ๆ ใบหู"พี่ทอย..ต้องเหนื่อย"ฉันรู้เจตนาของสามีว่าเขาต้องการอะไร จึงแย้งทันที"แต่พี่ไม่เหนื่อย พี่ทำให้เธอได้""เฮ้ออออ"ฉันพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่"ให้พี่ถอดให้นะ"ปากว่าแต่มือรูดซิบชุดราตรีที่ด้านหลังลงแล้วคืนเข้าหอ ฉันก็ไม่รอดพ้นน้ำมือพี่ทอย เขาจัดหนักจัดเต็มราวกับคนหิวโหย ปึก ปึก ปึก"อื้ออออ พี่ทอยพอได้แล้ว"ฉันใช้มือผลักหน้าอกแกร่งในขณะที่สามีป้ายแดงกำลังจะสอดท่อนเอ็นเข้ามาอีกครั้ง"อีกรอบเดียว..พอเลย"คนบนร่างพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า แล้วพอพูดจบ พรวด! ท่อนยักษ์ก็ได้สอดแทรกเข้ามาที่ร่องแคบของฉันแล้ว."อ่า~" ปึก ปึก ปึกเช้าวันต่อมาพี่ทอยพาฉันออกจากโรง
แต่งงานแผลที่ขาฉันดีขึ้นมากแล้ว พี่ทอยที่คอยแวะเวียนมาคอยดูแลฉันอยู่ตลอดหลังจากออกโรงพยาบาล. จึงได้บอกกับพ่อของฉันว่าจะพาพ่อของเขาและน้าเรอามาคุยเรื่องการสู่ขอ ซึ่งพ่อก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เพราะหลังมานี้ท่านดูเอ็นดูพี่ทอยขึ้นมามาก และทำท่าอยากจะได้เป็นลูกเขยใจจะขาดวันนี้แหละเป็นวันที่พี่ทอยจะพาครอบครัวมา ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วฉันจะได้ลงเอยกับรักแรก ที่เคยเลิกลากันมาแล้วครั้งหนึ่งก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังมาจากนอกห้องพร้อมกับเสียงเรียกของป้าแม่บ้าน"คุณหนูต้องแต่งตัวเสร็จหรือยังคะ"ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูทันที"เรียบร้อยแล้วค่ะ""พวกเขามากันแล้วค่ะคุณหนู รีบลงไปกันเถอะ"ฉันคลี่ยิ้มหวานแต่ภายในใจรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ก้าวขาเดินตามป้าแม่บ้านลงมาจากห้อง.พอมาถึงที่ห้องรับแขกก็ได้พบกับพ่อพี่ทอยแล้วน้าเรอาจึงรีบยกมือไหว้ ก่อนที่จะนั่งลง.จากนั้นการเจรจาก็เริ่มขึ้น เราปรึกษาหารือกันร่วม ๆ สองชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปว่า งานแต่งของฉันกับพี่ทอยจะเกิดขึ้นภายในสามเดือนข้างหน้า พี่ทอยยิ้มไม่หุบ กุมมือฉันไว้ตลอดเลยหลังจากตกลงกันเรียบร้อย พ่อฉันก็ชวนครอบครัวพี่ทอยทานข้
ยอมรับ"แฟนเก่าแก่น่ะ"ฉันได้ยินที่พ่อบอกก็หลุดหัวเราะออกมา"คิกคิก""จะให้เข้ามาไหม"จากนั้นพ่อก็ถามกลับมา"ให้เข้ามาสิคะ"ฉันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มหลังจากที่พ่อรู้ว่าพี่ทอยไม่ได้เป็นคนที่ทำให้ลูกชายของท่านเสียชีวิต จึงลดทิฐิลงยอมเปิดใจรับฟังเรื่องราวพี่ทอยจากปากฉัน ซึ่งฉันก็รู้สึกดีใจและเล่าเรื่องของฉันกับพี่ทอยให้พ่อฟัง.ว่าเจอกันยังไง ใครจีบใครก่อน จนกระทั่งตอนที่เขาบอกเลิกโดยที่ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหตุผล คอยไปดักเจอเขาจนเสียการเรียน ก็เป็นสาเหตุที่พ่อส่งฉันไปเรียนเมืองนอก พอฉันกลับมาก็ได้เจอเขาอีกครั้ง แต่ไม่ได้เล่าถึงความร้ายกาจที่พี่ทอยทำกับฉันนะ กลัวพ่อจะเกลียดเขา และกลัวว่าจะไม่ยอมให้เราคบกัน ถึงแม้ฉันก็ยังมาความแค้นใจอยู่บ้างตึก ตึก เสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามา ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มให้ฉันแบบเจื่อน ๆ"มีธุระอะไร"พี่ทอยหันขวับกลับไปที่คนถาม."เอ่อ..คือผมอยากมาเยี่ยมน้องอ่ะครับ"น้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความประหม่า ฉันนั่งมองแฟนหนุ่มแล้วคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเขาดูเกร็ง ๆ พออยู่ต่อหน้าพ่อของฉัน"...."พ่อฉันไม่พูดอะไรเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้อง พี่ทอยยืนมอ
ความจริง 2TOYตกเย็นผมก็รีบเก็บของเตรียมตัวไปหาไอ้กั้งทันที วันนี้ในหัวผมคิดแต่เรื่องที่มันพูด ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน ก็สวนเข้ากับรณ น้องชายต่างมารดาของผมเข้า"ดูรีบร้อน..จะไปไหน"มันถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบ"ไปหาไอ้กั้ง"ผมตอบกลับพร้อมกับจะก้าวขาเดิน แต่น้องชายต่างมารดาก็คว้าแขนผมไว้"มันออกมาแล้ว?"ผมผงกหัวรับ"ใครพามันออกมา ได้ยินว่าอามัน...""ไม่รู้เหมือนกัน ก็จะไปถามมันอยู่นี่ไง"ผมพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะตอนนี้ผมอยากจะไปเจอกับเพื่อนเก่าที่เคยร่วมชั้นเรียนแล้ว."ฉันไปด้วย"พูดจบ ไอ้น้องชายหน้านิ่งก็เดินนำหน้าผมไป"เฮ้อ"ผมพ่นลมหายใจพรืดใหญ่แล้วจำยอมให้มันไปด้วย"มันพูดอะไรบ้าง"ระหว่างที่ผมขับรถน้องชายหน้านิ่งก็เอ่ยถามขึ้นมา"มันจะบอกความจริงเรื่องการตายของไอ้ตั้ง"พูดจบรณก็หันขวับมาที่ผม"การตายของไอ้ตั้ง?"แล้วพึมพำเบา ๆ"อืม..มันต้องรู้อะไรแน่"สิ้นเสียงผมก็รีบเหยียบคันเร่งทันทีเพื่อจะไปให้ถึงเร็วที่สุดพอมาถึงผมกับรณก็รีบลงจากรถแล้วเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปยังชั้นดาดฟ้า"แฮ่ก ๆ"กว่าจะถึงผมกับรณก็ยืนหอบกันใหญ่"แก่แล้วก็งี้แหละ"ผมหันไปบอกกับน้องชายหน้านิ่ง."ฉันยังไม่แก่"พู
ความจริงเช้าวันต่อมาประธานบริษัทใหญ่ เดินทางมายังที่โรงพักซึ่งเป็นสถานที่กักคุมเพื่อนของลูกชาย การมาของเขาครั้งนี้ก็เพราะมายื่นประกันตัวชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยความสงสาร และเห็นใจ โดยเขาได้ให้ตำรวจเปลี่ยนสำนวนคดีจากการพยายามฆ่า เป็นแค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น จากนั้นก็ให้ทนายยื่นประกันตัวคดี ฉ้อโกง รวมถึงการทำร้ายร่างกายเขาและลูกสาวหลังจากที่ประกันตัวเรียบร้อย กั้งก็ได้เดินออกมาด้วยสีหน้าเศร้า ดวงตาแดงก่ำ วิโรจที่รู้สึกรักและเอ็นดูลูกชายของเจ้านายก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ"ขอบคุณนะครับอาโรจ"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น และรู้สึกเสียใจ ที่พอได้รู้ความจริงทุกอย่างจากปากคนสนิทของพ่อตัวเอง.ว่าโดนอาแท้ ๆ หลอกใช้ ยังรู้อีกว่าเขายังมีส่วนร่วมในการตายของพ่อแม่อีกด้วย"คนที่คุณกั้งควรจะขอบคุณก็คือคุณต้อ"วิโรจบอกพร้อมกับหันไปที่ประธานบริษัทใหญ่ จากนั้นชายหนุ่มรุ่นลูกก็เดินไป แล้วคุกเข่า"จะทำอะไร..."ประธานวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจ แต่ชะงักอึ้ง เมื่อชายหนุ่มรุ่นลูกก้มกราบเท้าของเขา"ผมขอโทษ...ฮึก"ชายหนุ่มรุ่นลูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาพร้อมกับกลั้นร้องไห้ แต่น้ำตาก็ยังไหลออกมา เงยมองหน้าพ่อของเพื
อยากมีลูก"ถ้าอายงั้นให้พี่อาบเป็นเพื่อนไหม"โอ๊ย ฉันเขินจะบ้าอยู่แล้ว ทำไมมีทอยของฉันแพรวพราวแบบนี้นะ"อย่ามาหื่น! ต้องเจ็บอยู่นะ"ฉันเอ็ดเขาแล้วก้มมองไปยังแผลที่อยู่ยิงมาตรงขา"แค่อาบน้ำเป็นเพื่อนไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย"คนตัวโตพูดขึ้นพร้อมกับไหวไหล่ราวกับว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องปกติ"ออกไปได้แล้ว..ต้องจะอาบน้ำเอง""แต่พี่อยากอาบน้ำให้"พี่ทอยสวนกลับมาทันที"เฮ้อ"ฉันพ่นลมหายใจหนักใส่เขา"นะครับ"เขาส่งน้ำเสียงที่ออดอ้อน"ก็ได้"สุดท้ายฉันก็ใจอ่อน เพราะรักเขาแหละพี่ทอยปลดเปลื้องเสื้อผ้าของฉันจนถึงชิ้นสุดท้ายที่เป็นกางเกงชั้นใน ฉันเขินนะแต่พยายามทำให้ตัวปกติ เพราะอยากจะอาบน้ำให้มันเสร็จไว ๆ"อีกหน่อยพอเราแต่งงานกัน..."แฟนหนุ่มพูดในขณะที่ถอดกางเกงชั้นในฉันออกจากขาซึ่งต้องทำอย่างเบามือเพราะมีแผล."...พี่จะอาบน้ำกับเธอทุกวันเลย""ตลกล่ะ"ฉันสบถออกมาเบา ๆ"ไม่ตลกพี่จริงจัง พออาบน้ำเสร็จก็เอากันต่อ"เพียะ! ฉันตีเขาที่แขนทันที"เหอะ ๆ"พี่ทอยกลั้วหัวเราะด้วยสีหน้าแสดงออกว่าเขาชอบใจที่ทำให้ฉันเขินแฟนหนุ่มอาบน้ำให้ฉันอย่างระมัดระวัง เขาบีบเจลอาบน้ำใส่มือแล้วถูตัวฉันเบา ๆ"สระผมด้วยไหม...."เสียงทุ้มเอ่