นางกรีดร้องราวคนเสียสติ หลีเหว่ยไม่สนใจรีบลุกขึ้นออกจากรถม้า ทว่าเพียงแค่ลุกขึ้นยืน ผนังด้านหนึ่งของรถม้าก็เปิดออกราวกับเป็นเวทีแสดงงิ้ว เบื้องหน้ามีโต๊ะชุดหนึ่งตั้งอยู่พร้อมกับบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาดุดันจ้องมองราวกับจะฉีกคนทั้งสองเป็นชิ้นๆ อีกหนึ่งเป็นสตรีในชุดสีม่วงที่นั่งจิบสุราด้วยท่าทีเกียจคร้าน นางหยิบถั่วทอดเข้าปากแล้วเอ่ยทั้งที่ยังเคี้ยวถั่วทอดอยู่
“อะไรกัน? เท่านี้เองรึ ข้าอุตส่าห์ตระเตรียมงานอย่างดี พวกเจ้าสองคนเล่นกันแค่นี้เองหรือ? ไม่คุ้มค่าเหนื่อยของข้าเลย”
หลีเหว่ยจำหญิงสาวผู้นี้ได้เป็นอย่างดี นางคือคนที่เขาเคยบังเอิญพบเจอที่โรงเตี๊ยมและยังขอให้เขาช่วยหาที่พักให้ ส่วนจางรั่วเวยถึงกับอ้าปากค้าง เพราะหญิงผู้นั้นคือคนที่มารับนางจากจวนแม่ทัพ
ทว่าคนที่น่ากลัวที่สุดคือบุรุษที่นั่งจ้องหน้านางอยู่
“ท่านแม่ทัพ”
สวินเย่ว์ส่งสัญญาณ ทหารที่อยู่ใกล้ลากตัวเสี่ยวจูที่ถูกโซ่ล่ามมือและเท้าแน่นหนามากองตรงหน้า จางรั่วเวยเห็นสภาพเสี่ยวจูแล้ว นางถึงเข่าอ่อนหมดไม่มีแรงลุกขึ้นยืน ซูหลี่น่าเหลือบมองใบหน้าถมึงทึงของสวินเย่ว์ นางยกมือกระดิกนิ้วแล้วชี้ไปยังสองหนุ่มสาวบนร