แล้วก็เพิ่งรู้เช่นกันว่า รอบๆ ข้อเท้าข้างที่เขาจับเอาไว้นั้นก็ร้อนขึ้นทีละน้อยเหมือนกัน
“คุณ...คุณ”
เขาหมดสติไปแล้ว เมื่อหล่อนปลดข้อมือของเขาเออกไปแล้วเข้าไปพลิกใบหน้าเขาซ้อนขึ้น ก็พบว่านอกจากจะเปรอะเปื้อนด้วยคราบทราย แล้วก็ยังมีรอยฟกช้ำกระจัดกระจายไปทั่ว และโหนกแก้มข้างหนึ่งก็แตกปริ
แล้วหล่อนจะทำอย่างไรดี
นันทาเม้มปากเข้าหากัน ตัดสินใจแทบจะไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน หล่อนค่อยๆ วางเขาลง แล้วจับพลิกนอนหงายไม่ให้หน้าลงไปจูบกับทราย เพราะกลัวเขาจะหายใจไม่ออก เพราะเท่านี้เขาก็ดูเหมือนคนตาย ดีแต่ว่ายังมองเห็นช่วงอกสะท้อนขึ้นลง และอังมือรอใต้จมูกก็มีลมหายใจรวยๆ
รินออกมารดปลายนิ้ว
แต่หลังจากนั้นสักห้านาทีที่นันทายังละล้าละลัง เขาก็ค่อยๆ ปรือเปลือกตาขึ้นมา
แม้จะเป็นในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน หล่อนก็ยังอุตส่าห์มีอารมณ์สุนทรี พอจะสังเกตว่าขนตาเขายาวหนาวเวลาขยับก็เหมือนผีเสื้อขยับปีกโบยบินนั่นทีเดียว
“คุณเป็นไงบ้าง” หล่อนก้มหน้าลงไป ถามด้วยความห่วงใย
“ผมอยากให้...ช่วย...ช่วยผมด้วย...พาผมไป” เขาพูดขาดออกเป็นห้วงๆ “ได้โปรด...ต้องเป็น...เดี๋ยวนี้”
“ฉันพาคุณไปไม่ไหว” นันทาอุทธรณ์ “ตัวคุณโตกว่าฉันตั้งแยะ”
“ช่วย...พยุง...ผมได้ไหม”
“คงจะได้”
หล่อนเม้มปากเข้าหากัน ท่าทางหนักใจ แต่เขาก็คงมองไม่เห็นเพราะได้แต่เร่งเร้าหล่อน
“ต้องเร็ว”
หล่อนสอดแขนเข้าไปใต้รักแร้เขา โอบประคองพาเขามาจากที่ตรงนั้น แม้เขาจะช่วยตัวเองได้บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เหมือนหล่อนกำลังเป็นไม้ซีกที่หาญกล้าไปโอบอุ้มไม้ซุงเอาไว้ไม่มีผิด
และนันทาก็เฝ้าถามตัวเองมาตลอดทางจากชาดหาดจนถึงบ้านของหล่อนทีเดียวว่า
...ทำผิดหรือทำถูกกันแน่ เขาเป็นใคร เราก็ยังไม่รู้จัก เกิดเป็นคนร้ายล่ะ บ้าจริง หรือจะปล่อยเขาเอาไว้ อื๊อ...แล้วถ้าเกิดเขาเป็นคนดีล่ะ...
“ปิดประตูซะนะ…”
เขากำชับ เสียงออกจะดีขึ้น แม้จะปนอาการหอบสักหน่อย ก็อาจจะเป็นเพราะโล่งใจกระมัง เพราะได้ยินเสียงเขาทอดถอนใจตามมาด้วย
“แล้วถ้ามีใครมาถามหา...อย่าบอก...ไม่ได้เห็นผม...ไม่เคยเห็นทั้งนั้น”
เขาสั่ง และสั่ง จนนันทาฉุนกึก หล่อนปล่อยมือออกจากร่างเขาโดยไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า แล้วขยับออกไปยืนอยู่ห่างๆ
พอหล่อนถอยออกมา เขาก็เซคว้างลงไปเป็นนกปีกหัก และดวงตาที่ช้อนมองหล่อนก็ออกจะตัดพ้อ ปากซีดๆ ของเขาแย้มออกจากกันเล็กน้อยและพูดตัดพ้อโดยไม่รีรอ
“คุณไม่ยักใจดีอย่างที่ผมคิดแต่แรก”
“ฉันไม่แน่ใจว่าคุณเป็นใคร”
คิดอย่างไรนันทาก็พูดออกไปแบบนั้น หล่อนมองดูเขาอย่างพิจารณา จริงอยู่ถึงเสื้อกับกางเกงเขาจะดูดี แต่เสื้อผ้าก็บอกอะไรไม่ได้แล้วสำหรับสมัยนี้
โจรผู้ร้ายบางคนแต่งตัวดี มาดดีกว่าคนดีๆ หลายร้อยเท่า
“คุณอาจจะเป็นผู้ร้ายก็ได้” หล่อนหลุดปากออกมาอีก ดวงตาค่อนข้างจะกังวล “ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็คงจะต้องเป็นฝ่ายขอร้อง...ได้โปรดเถอะค่ะ โปรดไปซะ”
“ผม...สาบาน...กล้าสาบาน...”
เขายกมือขึ้นทำท่าจะปฏิญาณตัว
แต่ก็ยกค้าง เพราะนันทาพูดสวนออกไป
“ฉันไม่เชื่อคำสาบาน”
“งั้น...ผมสัญญา...สัญญา...แบบลูกผู้ชาย...ว่าผมไม่ใช่”
“แล้วคุณหนีอะไรมา”
หล่อนคลางแคลง “ดูหน้าตาซิ เหมือนไปมีเรื่องชกต่อยกับใครมายังงั้นแหละ”
“ผมถูกซ้อม...ถูกทำร้ายร่างกาย...”
“ก็ได้...ฉันจะลองเชื่อ...จะทำแผลให้ ให้คุณได้อาบน้ำแล้วข้าวสักมื้อ...หลังจากนั้นคุณจะต้องไปหาตำรวจกับฉัน”
“ไม่...ผมไม่ไป”
“ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ”
“เชื่อผมเถอะ เรื่องนี้จะไม่ถึงตำรวจ”
“ทำไม?”
“เพราะมันเป็นเรื่องในครอบครัว ผมจะต้องสะสางมันเอง”
นันทาเอาเสื้อกับกางเกงของพี่ชาย ส่งให้กับเขาแล้วพาไปส่งหน้าห้องน้ำ บอกกับเขาอย่างขรึมๆ
“ฉันหวังว่าฉันคงไม่โง่ที่ทำแบบนี้”
“เชื่อผมเถอะว่าผมเป็นคนดี”
หล่อนไม่ได้ต่อปากต่อคำกับเขา...แล้วยืนเฉยที่จะไม่ช่วยเหลือเขา แม้ชายหนุ่มจะเซซังเข้าไปในห้องน้ำ แต่ในส่วนลึกๆ ของหล่อนก็อดห่วงใยเขาเสียมิได้ แต่มันก็ปะปนกับความหวาดกลัว
หล่อนไม่อยากโง่...เพราะรู้ว่ากับเรื่องแบบนี้ หากโง่ ค่าโง่คงจะแพงจนชดใช้ไม่หมด
หล่อนอุ่นอาหารให้ร้อน แล้วตั้งโต๊ะรอเอาไว้ จิตใจของหล่อนยังเต็มไปด้วยความหวั่นหวาด เพราะเขาเป็นคนแปลกหน้า ที่หล่อนไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย
เขาอาจจะร้ายมากกว่าดี และบ้านนี้หล่อนก็อยู่ตามลำพังเสียด้วย
เขาหายไปในห้องน้ำเป็นนาน สุดท้ายนันทาก็อดห่วงมิได้ เขาบาดเจ็บ...นั่นคือสิ่งที่หล่อนบอกตัวเอง หล่อนลุกมาตามเขา หลังจากพยายามจะไม่สนใจ
“คุณ...คุณ…”
ไม่รู้จักเขา ได้แต่เรียกคุณ...คุณ...แล้วตบประตูปังๆ แต่ข้างในก็เงียบกริบ
หล่อนตบประตูแรงขึ้น แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบ
...หรือว่าเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ...
...หรือว่าตายไปแล้ว...
นันทาหน้าเสีย หันรีหันขวาง ตั้งสติให้กับตัวเองอยู่พักใหญ่ๆ จึงนึกได้ว่ามีกุญแจห้องน้ำอยู่ในห้องเก็บของ หล่อนไปหยิบกุญแจวิ่งกลับมา แล้วก็ชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่า หากเปิดเข้าไปพบเขานอนตัวเปล่าเปลือยอยู่ หล่อนจะทำยังไงดี
เพราะหล่อนเป็นผู้หญิง และเขาก็เป็นผู้ชาย
แต่หากหล่อนไม่ไขเข้าไปดู แล้วปล่อยเขาทิ้งเอาไว้อาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลัง เพราะการมีคนมาตายอยู่ในบ้านสักคน นันทารู้ว่าต้องเป็นเรื่องยุ่งยากขนานใหญ่อย่างแน่นอน
“เป็นไงเป็นกันซิ”
หล่อนบอกตัวเอง ก่อนจะไขกุญแจด้วยมืออันสั่นเทาเล็กน้อย แล้วค่อยๆ กลั้นใจผลักประตูเข้าไป