ที่พิศวาสปรารถนา โชคชะตาก่อนิยามให้เป็นความรัก เขาคือผู้ชายแปลกหน้า ซมซานหนีตายมาขอความช่วยเหลือ นาทีนั้น นันทา คิดแต่ว่าทนเห็นความตายตรงหน้าไม่ได้ เธอช่วยเขาโดยไม่รู้ว่าจะนำไปสู่ความยุ่งยากในชีวิตหรือไม่ แต่ไม่คิดว่า ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นจะนำพามาซึ่งพิศวาสที่เหมือนดังไฟ ก่อเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ไฟพิศวาสร้อนแรงจากตัวเขา ไฟชีวิตจากครอบครัวเขา เปลี่ยนเธอจากสาวน้อยเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะยืนข้างเขา เป็น เทวีนำโชค ของเขา แต่นันทารู้ว่า ในไฟพิศวาสที่โอบล้อมเธอไว้นั้น ที่แท้โอบล้อมเธอด้วยรักชั่วกาล กี่ครั้งกี่คราก็ไม่น่าเบื่อ กี่ครั้งกี่คราไม่น่าเชื่อว่าจะสุขแสนสุขสม กี่ครั้งกี่คราเสน่หาก็ระรื่นชื่นอารมณ์ กี่ครั้งกี่คราที่ห่มด้วยพิศวาสบาดอุรา
View More“นัน” เสียงเรียกกระหืดกระหอบจากด้านหลัง หล่อนหันไปมอง เห็นเมธา เพื่อนชายวิ่งตามมา วันนี้เพิ่งจะสอบเสร็จ วิชาสุดท้าย เขามายืนหอบตรงหน้า “จะรีบไปไหน วันนี้หมดภารกิจแล้วนะ”
เพราะรู้กันว่าวันนี้สอบเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรมาเป็นภาระได้อีกแล้ว ทุกคนอยากโบยบิน บางคนได้งานทำก่อนจะเรียนจบ บางคนเตรียมออกหางานทำ บางคนจะไปเรียนต่อ แต่สำหรับนันทา หล่อนจะต้องรีบกลับบ้านไปทำหน้าที่ให้กับธม พี่ชายที่ดูแลหล่อนหลังจากพ่อตาย และแม่ทำตัวหนีหายไปจากชีวิต...แม่ไร้ความรับผิดชอบ หากไม่มีธม ชีวิตหล่อนคงจะย่ำแย่...หล่อนไม่อยากคิดถึง
การมีธมดูแลทำให้หล่อนได้เรียนจนถึงวันนี้
วันสอบวิชาสุดท้าย ที่หล่อนรู้ว่าไม่มีอะไรน่าห่วง หล่อนต้องจบแน่นอน หล่อนไม่คิดเรื่องเรียนต่อ หล่อนจะออกไปทำงานก่อนเพื่อ ช่วยแบ่งเบาภาระของธม
“ไม่ไปดื่มกันสักหน่อยเหรอ เป็นการฉลอง”
นันทาส่ายหน้า “ฉันจะไปเก็บของ ไปต่างจังหวัด”
“ไปไหนล่ะ”
“ไปเมืองจันท์”
“ทำไม”
“ไปเฝ้าบ้านให้พี่ชาย บ้านเพิ่งหมดสัญญาเช่า รอทำสัญญาเช่าใหม่ ไม่มีคนดูแลไว้ก่อนไม่ได้”
“ว้า...แค่งานเลี้ยงคืนนี้นะ ไม่เลิกดึกหรอก”
“ไม่ได้จริงๆ พรุ่งนี้ต้องออกเช้า”
หล่อนยืนยัน หล่อนไม่อยากทำให้ธมผิดหวังกับคำขอเล็กๆ น้อยๆ นี่เลย...เขาควรจะได้รับการตอบแทนดีๆ จากหล่อน...
การไปดูแลบ้านที่รอสัญญาเช่าใหม่ให้กับเขาน่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ การไปฉลองคืนนี้ไม่น่าจะต้องรีบร้อน
“ยังมีเวลาอีกถมไป “ หล่อนตอบออกไปที่สุด เพื่อนชายของหล่อนหรือเมธาทำหน้าตาผิดหวังอย่างมาก “เอาน่า...ฉันไม่ได้ไปอยู่นาน...อย่างมากก็น่าจะสักสองเดือน”
“อะไรกัน อะไรจะนานปานนั้น”
“จะมีฝรั่งมาเช่า แต่เขาบอกให้รออีกสองหรือสามเดือน”
“บ้าสิ ไปอยู่รอคนเดียว”
หล่อนยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไรอีก
“พี่ชายเธอเหมือนใจร้ายนะ ให้เธอไปเฝ้าบ้าน”
หล่อนไม่ยิ้มอีกต่อไป ไม่อยากให้เขาตำหนิธม เขาดีที่สุด ในยามยาก พ่อตาย แม่หนี...ไม่มีเขา หล่อนคงไม่ต่างจากหมา
“โอเคๆ” เมธาเห็นตาขุ่นๆ ของหล่อนคงพอรู้ว่าหล่อนไม่พอใจ “แล้วค่อยเจอกันนะ”
หล่อนเลยตรงกลับไปที่หอพัก ธมมารอหล่อนอยู่ที่ข้างล่าง เขาหน้ามุ่ย เหมือนไม่สบอารมณ์บางอย่าง หล่อนยิ้มให้กับเขาเพื่อเอาใจ ธมหัวเสียง่ายช่วงหลังตั้งแต่เมียหนี...
เขากลัวจะซ้ำรอยพ่อ แม่ยังหนี ตัวเองยังไม่ตาย เพราะตอนนี้เมียเขาพาลูกหนี....มันต่างกันตรงที่เมียเอาลูกไปด้วย
แต่แม่ของเขากับหล่อน ไม่เคยพาลูกไปด้วยหลังพ่อตาย
“แกแน่ใจไหมว่าไปอยู่ที่นั่นได้” เขายิงคำถามทันทีที่เห็นหน้าหล่อน
“ได้สิ” หล่อนยืนยัน “ทำไมจะไม่ได้”
“เรื่องหางาน ก็ลองเข้าเนตไปก่อนนะ หรือจะหาซื้อหนังสือสมัครงาน”
เขาบอกต่อ “แต่เพิ่งสอบจบใหม่ๆ แกคงจะยังไม่บ้าพอวิ่งไปหางาน พักผ่อนก่อนก็ได้นี่นา”
พูดเรื่องงานแล้ว นันทาเองก็ยังไม่มั่นใจอะไร งานหายากนัก จำนวนคนกับจำนวนงานไม่เคยสมดุลกันเลย หล่อนไม่ได้เรียนเก่งมากด้วย การเรียนหล่อนปานกลาง...คงจะได้งานที่ไม่ดีเท่าไหร่ หรืออาจจะต้องรอเวลาบรรจุหากจะสอบรับราชการ ตัวธมเองก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการรับราชการ
“อยู่ก่อนสักเดือนสองเดือน”
“ก็ตามข้อตกลงเดิมแหละ พี่ธม นันอยู่ได้” หล่อนยืนยัน
“พี่จะจ่ายเงินค่ากินอยู่เหมือนเดิม”
หล่อนยิ้ม “นันก็จะทำงานไปด้วยเล็กๆ น้อยๆ เหมือนที่เคยทำระหว่างเรียนหนังสือ หล่อนรับงานทุกอย่างเท่าที่ทำได้...หล่อนมีฝีมือในการถักไหมพรม ในการทำงานประดิดประดอย หล่อนพิมพ์งานได้ บางเวลาหล่อนไปรับงานขาย...แต่ที่หล่อนไปอยู่นั้นคงไม่มีอะไรดีกว่ารับงานฝีมือ เย็บปักถักร้อย หรืออาจจะไปลองดูก่อนกว่าละแวกนั้นจะมีงานอะไรให้ทำ...หล่อนทำได้หมดทุกอย่างที่เป็นเงินจริงๆ
อ้อ...ต้องถูกกฎหมายด้วย...มีคำนี้ตามหลัง...มันจำเป็นมาก หล่อนไม่อยากทำอะไรผิด ความไม่มี ยั่วยวนใจเหมือนกัน
นันทาเป็นคนสวย มีคนพูดกับหล่อนหลายคนว่าหล่อนสวย หุ่นดี...งานพิเศษ เบาสบาย เพื่อนของหล่อนก็รับงานหลายคน เป็นแคดดี้สนามกอล์ฟ หล่อนก็เคยไปทำ แต่ทว่าไม่รับไซด์ไลน์ งานหลายอย่างมีเรื่องของไซด์ไลน์ และแสนสบายตามคำเพื่อน แต่สำหรับนันทา การเอาตัวเองไปตรงนั้น ไม่รู้จะเรียกว่าสบายได้หรือไม่
หล่อนอาจจะเชยไป หัวเก่าเกินไป หรือไรไม่รู้ได้
“อยู่สักเดือนไหวไหม”
ธมถามย้ำอีกหน ราวกับกลัวหล่อนจะอยู่ไม่ได้
“ไหว...นานกว่านั้นก็ได้ จนกว่าจะได้คนมาเช่าดีไหม ของในบ้านเยอะนี่ ไม่มีคนอยู่บ้านเกิดพวกงัดแงะมาเสียดายของ”
หล่อนตอบ...ก็ปกติหล่อนเองก็อยู่หอพัก ชีวิตนี้ก็มีแค่หล่อนกับพี่ชายสองคน พ่อตายนานแล้ว พี่ชายก็เหมือนพ่อคนที่สองในชีวิต ส่วนแม่ตั้งแต่หนีหายไปแล้ว ก็เหมือนหายสาบสูญไปจากชีวิตของหล่อนและพี่ชาย
“ขอบใจนะ นัน”
“ไม่เป็นไร” หล่อนสงสารเขา หน้าตาธมดูหมองมัวมาก “แล้วจะง้อพี่ตุ๊กได้หรือเปล่า”
พี่ชายของหล่อนแต่งงานแล้ว ห้าปีให้หลังก็มีการแตกหักกัน ถึงขั้นพี่สะใภ้หอบลูกพาหนี ลำพังเมียนั้นเขาบอกว่า “หาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้” แต่เรื่องลูกซิ เขายอมไม่ได้ถึง “พล่าน” ขนาดนี้ และเป็นการหนีไปไกลเสียด้วย ไกลข้ามประเทศ ไปฮ่องกง...ต้องตามไปไกลขนาดนั้น
“ไม่แน่ใจ” เขาเองก็ยังหนักใจ “ว่างๆ ก็เข้ามากรุงเทพ ไปดูงานของพี่มั่ง ถึงจะฝากฝังการุณเอาไว้ แต่ก็เราเป็นเจ้าของ...”
ธมรับช่วงกิจการมาจากพ่อ จากร้านเล็กๆ ขายเครื่องก่อสร้างมาถึงรุ่นเขา ธมขยายไปถึงการรับเหมาก่อสร้างด้วย แล้วก็ทำฐานะตัวเองให้เป็นปึกแผ่นขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น
หากหล่อนหางานไม่ได้จริงๆ เขาก็เคยชวนให้หล่อนมาช่วยเขา
ตอนที่ 10.“ผมรู้ว่าเธอไม่อยากจะเชื่อ”“ฉันจะให้คุณอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะไปไหว อย่าลืมรับปากฉันก่อนว่าคุณจะต้องรีบไปทันที เมื่อคุณไปได้”“ผมจะไม่ลืมพระคุณคราวนี้เลย”“ฉันหวังเพียงแค่ว่า สิ่งที่ฉันทำลงไปอาจจะช่วยไถ่บาปที่แม่ฉันทำลงไปได้บ้าง”น้ำเสียงของนันทาขมขื่นเป็นอันมาก แล้วลุกผละไปแต่พอไปถึงประตู เขาก็เรียกหล่อนเอาไว้“มีอีกเรื่องที่ผมอยากรบกวนทำให้ผมด้วย”“ฉันกำลังฟังอยู่ค่ะ”“ผมอยากให้ติดต่อคนคนหนึ่งให้ผม ด่วนที่สุดเลยนะ”เขาบอกชื่อบอกสถานที่ติดต่อ โดยที่นันทาเป็นฝ่ายรับฟังอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดประการใดนอกจากรับคำสั้นๆ“ฉันจะทำตามที่คุณร้องขอ”“หลานสาวหน้าตาดีนะ คุณ”ไพฑูรย์ออกปาก...นงนุชยักไหล่แล้วหัวเราะ เอ่ยทีเล่นทีจริง“สนใจล่ะสิ”“ได้ไหม”“อย่าดีกว่า”“ทำไมละ หรือว่าหึง”“เปล่า แต่ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่อง เด็กคนนั้นมีพี่ชายที่เหมือนหมาบ้า”หล่อนพูดถึงธม...เขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ และทั้งหมดนั้นเพราะหล่อน...ผิดที่หล่อนทิ้งเขาและนันทามาตั้งแต่วันที่สามีตาย...หล่อนทิ้งหน้าที่ของแม่...จำได้ว่าธมเคยขอร้องแกมวิงวอนให้หล่อนอยู่เพื่อเป็นครอบครัว ธมบอกว่าเขาจะหาเลี้ยงครอบครัว เขาพูดเสมอ
ตอนที่ 9.แม่ไม่เคยรู้เรื่องของธมกับหล่อน แม่ย่อมไม่รู้ว่าธมซื้อบ้านนี้ไว้เขาคนนั้น...คนป่วยหรือ...คนป่วยโรคประสาทแน่หรือ...แม่ใช่คำว่า “หลุด”เขาหลุดมาหลุด...เหมือนสัตว์เลี้ยง...ไม่น่าจะเป็นคนป่วยที่ต้องดูแลทำไมไม่ใช้คำว่าหายไปคนป่วยโรคประสาทหายไป...แม่น่าจะพูดคำนี้มากกว่า หล่อนเลยลังเลมากขึ้น...“มีไหม นัน มีผู้ชายแปลกหน้าผ่านมาทางนี้บ้างไหม”เสียงของนงนุชชัดถ้อยชัดคำ เสียงไม่เบา และดังเข้ามาในบ้าน ภีมได้ยินถนัดเสียด้วย เขาแทบกลั้นลมหายใจรอฟังคำตอบจากนันทาว่าหล่อนจะตอบอย่างไรแล้วเขาก็ได้ยิน“ไม่มีใครนี่คะ แถวนี้เงียบจะตายไป วันๆ แทบจะไม่มีใครผ่านไปผ่านมาให้เห็นเลย”ไม่มีใครรู้นอกจากตัวนันทาเองว่า หล่อนต้องใช้ความพยายามมากมายเพียงไรที่จะทำหน้าตา “ซื่อ” ได้เพียงนี้ แล้วบังคับใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงนัก หล่อนนึกถึงชั่วโมงศิลปะการแสดงที่เคยเรียนแล้วใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง“คนบ้าหรือคะ”“ก็ไม่ถึงกับบ้า”“คุณน้ามาบอกให้รู้อย่างนี้ หนูจะได้ระวังตัวเอาไว้”หล่อนเน้นหนักที่สรรพนาม “คุณน้า”แล้วอมยิ้ม มองดูมารดาอย่างท้าทายอยู่ในที“น้าห่วงเขา เพราะเขาป่วย”“ป่วยขนาดไหนคะ”“คนม
ตอนที่ 8.รถที่จอดหน้าบ้านนั้นเป็นรถคันใหญ่หรูหรา...ระดับเอสคลาส นันทาเคยเห็นรถรุ่นนี้...แน่นอนว่าหล่อนย่อมรู้ราคา...รถแพง...ทำไมแม่มากับรถคันนั้นได้ หรือแม่ร่ำรวยขึ้น อยู่ดีกินดี แต่แม่เกี่ยวข้องกับชายคนที่หล่อนช่วยเหลือไว้อย่างไรกัน หล่อนกำลังมึนงง สับสน แต่ตอนนี้แม่ยังไม่เห็นหล่อน เพราะหล่อนยังไม่ได้ปรากฏตัวออกไปทันทีหลังจากผ่านประตูออกไปหล่อนลังเล...นานมากไม่เจอแม่ หล่อนจะเผชิญหน้ากับแม่แบบไหน อย่างไร แม่ไปอยู่อย่างไร กับใคร หล่อนไม่เคยได้ข่าวยังดี...หล่อนแอบประชดตัวเอง หล่อนยังจำแม่ได้...การจากกันนานไปก็น่าจะลืมเลือนกัน แต่หล่อนไม่ลืมอาจจะเพราะว่าหล่อนโหยหา...ครอบครัวอันไม่สมบูรณ์ทำให้หล่อนขมขื่น...ปวดร้าวไม่น้อยนัก ใครๆ ก็มีแม่ แม้หล่อนจะมีแม่เช่นกัน แต่แม่แทบจะไม่เคยดูแลไยดีหล่อนกับธมเลยพวกหล่อนสองคนพี่น้องนับจากพ่อตาย แม่เหมือนตายไปด้วย ตายไปทั้งมีชีวิตธมพูดเสมอว่า...ไม่มีเค้า เราไม่ตายน่า นันทา...เขาดุหล่อนเสมอเมื่อหล่อนร้องหาแม่ หล่อนร้องไห้...เค้ายังไม่สนใจไยดี เราจะไปสนใจเค้าทำไม เค้าใจร้าย ...ธมเกลียดแม่ไปเลยแต่ถามหล่อน เกลียดแม่ไหม ก็บอกไม่ได้ว่าเกลี
ตอนที่ 7.เสียงรถ...เขาทำท่าตกใจจนพลอยทำให้นันทาตกใจไปด้วย...เพราะเขาตกใจมากมายกับเสียงรถได้ปานนั้นทีเดียวหรือ แถมเขายังลุกพรวดพราดขึ้นทำหน้าตาตื่น ทั้งๆ ที่เขายังบอกว่าไปไหนไม่ไหว แต่ก็ปราดไปถึงหน้าต่างค่อยๆ ตลบผ้าม่านขึ้นแนบหน้ามองเสียงรถจอด...นันทายังไม่ได้ขยับตัว...เขาบอกหล่อนว่า “อย่าเพิ่งลุกนะ”เขาทำท่าเหมือนหลบซ่อนตัวเองอะไรกัน มันมีอะไร...เขากลัวอะไร...ดูเหมือนเขาจะพยายามหลบซ่อนตัว นันทาเห็นเขาค่อยๆ ยืดตัวขึ้นมอง..แล้วเขาก็ทำให้หล่อนตกใจซ้ำสองเพราะเมื่อเขาหันมาทางหล่อนอีกทีนั้น ใบหน้าขาวเสียยิ่งกว่ากระดาษจนนันทาต้องเอ่ยถาม“ใครมาหรือ” หล่อนเอ่ยถาม เพราะเขายังทำท่าตกใจ...หรือมีคนร้ายตามมา เอ...หรือคนดีมาตามคนร้าย“รถใคร...รถตำรวจไหม” หล่อนเอ่ยถาม“อย่าลุกนะ”พอหล่อนขยับตัว เขาก็ส่งเสียงเหมือนเอ็ด“พวกนั้นมันตามมา...มันคงจะมาหาผมที่นี่…”“ไหนคะ พวกไหน”เขาทำท่าเรียกและให้หล่อนก้มตัวมา...บ้าเหมือนกันที่หล่อนทำตามเขา หล่อนมองดูบ้าง จากมุมนี้คนข้างนอกไม่มีวันมองมาเห็นเด็ดขาด แล้วผู้หญิงร่างโปร่งที่เดินมากับผู้ชายคนนั้นก็ทำให้นันทาอุทานออกมาว่า“แม่…”“อะไรนะ” เขาถามอย่างตกใจ
ตอนที่ 6.หล่อนยักไหล่เล็กน้อย พูดต่อหน้าตาเฉย “แน่ละ...สมัยนี้ ขืนใจดี แล้วก็เป็นคนโง่ ฉันยังไม่อยากตายไว แล้วไปตอบคำถามของยมบาลไม่ได้ว่าทำไมถึงตาย...” หล่อนมองหน้าเขาเขม็ง “การตายด้วยกิจธุระของคนอื่น เป็นเรื่องโก้เก๋นักรึ”เขาต้องยอมรับว่าหล่อนพูดถูกต้อง แล้วเขาไม่มีสิทธิ์โกรธหล่อนอีกด้วย นันทามองดูเขา แม้ใจหล่อนจะยอมรับว่าเวทนา แต่หล่อนก็ไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากเข้ามาพัวพันด้วย“ที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของฉัน...เพียงแต่มาเฝ้าแทนพี่ชายเขาเท่านั้นเอง ถ้าเขากลับมา ฉันไม่อยากให้เขาดุเอาได้ว่าฉันทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ”“ผมเข้าใจ”โจ๊กที่อร่อยเมื่อตักเข้าปากคำแรกๆ ดูจะหมดรสไปแล้วเมื่อเขาคิดถึงว่าเขาจะพาตัวเองหลบหลีกไปจาก “ภัย” ที่เข้าใกล้ตัวเขาพ้นหรือไม่ เขาก็เหมือนคนทั่วๆ ไปอีกจำนวนมากที่ปรารถนาการมีชีวิตอยู่รอดต่อไป“ฉันไม่มีรถ...แต่จะเรียกรถมาให้ จะไปไหนก็บอกแล้วกันนะ” หล่อนยังมีแก่ใจเอื้อเฟื้อก่อนจะออกไปจากห้องอีกหนหนึ่ง แล้วกลับเข้ามาใหม่หลังจากนั้นราวๆ สิบห้านาที มีอุปกรณ์ทำแผลและกระติกน้ำร้อนตลอดจนอ่างใบเล็กๆ เข้ามาด้วย หล่อนหอบเอาของพวกนั้นเข้ามาอย่างพะรุงพะรัง“ฉันจะทำแผลให้ หน้าตาคุณดูแ
ตอนที่ 5.“ที่ไหน?”เขาลุกพรวดพราดขึ้น แต่เนื้อตัวก็เจ็บออกไปหมด กระดูกบางส่วนลั่นกุ๊บกั๊บจนเจ็บ แสงไฟตรงจุดที่เขานอนไม่สว่างมากนัก แต่ถัดไปตรงมุมห้องโน้นดูสว่างเพราะโคมแบบตั้งพื้นข้างในเป็นดวงไฟนีออนใกล้ๆ ไฟดวงนั้นคือร่างที่นอนขดคู้ มีผ้าห่มปิดทับอยู่ ดูแต่ไกลเหมือนกองอะไรสักกองที่ขยุกขยุยเขาปัดผ้าห่มออกจากตัว แล้วก็ทำหน้าพิกลเมื่อรู้สึกว่าเนื้อตัวว่างๆ โหวงๆ อย่างไรอยู่ แล้วพอก้มลงมอง ก็สะดุ้งเฮือก เพราะไม่มีเสื้อติดตัวเขาเลยสักชิ้น จึงได้แต่ตวัดผ้าห่มกลับขึ้นคลุมตัวเองอยู่อย่างเดิม จะส่งเสียงเรียกคนที่นอนตรงโน้นก็ออกจะเกรงใจ เพราะนึกลำดับเรื่องราวได้แล้วว่า เขาหนีกระเซอะกระเซิงมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งเข้า ขอความช่วยเหลือจากหล่อนที่นอนอยู่ตรงโน้นอาจจะเป็นหล่อนก็ได้ได้แต่รอให้หล่อนตื่นขึ้นมา แล้วจะขอเสื้อผ้าจากหล่อน ที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ ก็คือนอนนิ่งๆ รอคอย แม้ท้องจะร้องโครกครากและเจ็บเนื้อตัว เจ็บแผลที่หน้าและที่ศีรษะ และยังรู้สึกเหมือนไข้กำลังขึ้นอีกด้วยนันทาพลิกตัวกลับมาอีกฟาก ตอนใกล้รุ่งแล้วมีเสียงไก่ขานขันรับกันอยู่ภายนอก ใกล้และไกลออกไปเป็นทอดๆ อย่างไม่ตั้งใจ หล่อนหยีตาข
Comments