ปลกหน้านั่นไง...หล่อนคราง พร้อมกับหลับตาปี๋ เมื่อเห็นเขานอนหงายเหยียดยาวอยู่กลางห้องน้ำ ไม่มีผ้าผ่อนติดตัวเลยสักชิ้น
“ตายละ”
หล่อนแทบจะทำอะไรไม่ถูก ไม่อยากกระทั่งลืมตา
เคยเห็นผู้ชายเปลือยก็แต่ในรูป ประเภทมานอนแผ่ไม่รู้สึกรู้สาอย่างนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่ก็รู้ว่าจะปล่อยเขานอนอยู่อย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ไหนๆ ก็ช่วยเขามาแล้ว หล่อนเลยกัดฟันบอกตัวเองว่าช่วยเขาอีกสักหน่อยก็แล้วกัน หล่อนหันไปคว้าผ้าเช็ดตัววางแปะไปที่ร่างกายท่อนกลางนั่นก่อน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นให้ตะขิดตะขวงใจ แล้วค่อยๆ ช้อนตัวเขาขึ้น
แต่ก็หนักไม่ใช่เล่น กว่าจะดันเขาขึ้นมา แล้วหล่อนลากเขาออกมาจากห้องน้ำจนได้ นันทาก็แทบจะโยนเขาทิ้งโครมลงไปหลายหน หากไม่คิดว่า เขายังอยู่ในสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้แล้วต้องการความช่วยเหลือ หล่อนโยนเขาไปนานแล้ว ผ้าที่คลุมส่วนกลางของเขาก็หล่นไป
และนั่น...
หล่อนมองเห็นที่กลางตัวเขา
อีกหน
ตะกี้ตอนนอนแผ่ก็เห็นแวบๆ
เออนะ...มีคนบอกว่าหากเห็น “ของดี” นี่ ให้ซื้อลอตเตอรี่
หล่อนจะซื้อถูกรางวัลไหม เห็นสองครั้งแล้ว
เฮ้อ...หล่อนเบือนหน้าหนี...แม้มังกรน้อยจะยังสงบนิ่งเพราะเขาบาดเจ็บ
แต่ก็นะ...ไม่ใช่ของต้องควรเห็น
แม้หล่อนจะเคยเห็นจากภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเกลื่อนบนอินเตอร์เน็ต แต่การเห็นของจริงๆ นันทาก็เขินอาย
หล่อนไม่ได้นึกยินดีที่เห็น
อย่ามองแล้วกัน นันเอ๊ย...มองไปทางอื่นซะ
นันทาเอาเขาไปนอนในห้องเล็กๆ อีกห้องที่พี่ชายจัดเป็นห้องรับรองแขกมีเตียงเดี่ยวตั้งอยู่หนึ่งเตียงแต่เป็นเตียงใหญ่ พอเอาเขานอนราบลงไป สิ่งแรกที่นันทารีบทำก็คือเอาผ้าห่มคลี่สะบัดคลุมตัวเขา ตั้งแต่คอลงไปถึงปลายเท้าให้มิดชิด
แล้วถอยห่างออกไปหอบฮักๆ ยกมือปาดเหงื่อออกจากใบหน้า
เขาทำให้ชีวิตประจำวันของหล่อนยุ่งยาก ไม่อย่างนั้น ป่านนี้หล่อนก็จะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนุ่มๆ เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ อ่านหนังสือเล่มโปรดแล้วกินขนมที่ชอบไปพลางๆ
ฮึ...ตวัดสายตามองค้อน ก่อนจะลงนั่งกุมขมับ ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรกับเขาต่อไปดี
หล่อนไม่เชี่ยวชาญกับการดูแลคนเจ็บ และบ้านนี้นอกจากหล่อนแล้วก็ไม่มีใคร
ที่จริงแถบนี้ไม่เคยมีอันตรายอันใด เพื่อนบ้านถัดไปก็โอบอ้อมอารีนัก เขาเป็นนายทหารนอกราชการ ที่พี่ชายของหล่อนฝากฝังบ้านและตัวหล่อนเอาไว้แล้ว อยากจะไปเรียกเขามาช่วยหล่อนตัดสินใจ แต่ก็มาติดที่คำขอของผู้ชายคนนี้ ซึ่งนันทาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหล่อนถึงต้องทำตาม
ตัวเขาร้อนจัด ร้อนจนหล่อนต้องชักมือกลับมาโดยเร็ว สีหน้าสีตาเป็นกังวล แล้วก็คงจะหนาวอีกด้วย เพราะขดตัวเข้าหากัน แล้วหล่อนก็รู้วาควรจะเอาผ้าห่มออกจากตัวเขา แล้วเช็ดตัวให้เขาแห้งกว่านี้ ไม่ใช่นอนตัวชื้นๆ
อย่างเร็วจี๋...นันทาไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาหนึ่งผืน พอตวัดผ้าห่มออกไปก็รีบโปะผ้าลงไปโดยเร็ว
เจ้าประคุณเอ๊ย...ไม่เคยได้เห็นของจริงก็มาได้เห็น อีคราวนี้เต็มตาชัดเจนเสียนี่กระไร
มันเวรกรรมแต่ครั้งใดหนอ
และหล่อนก็ยังทำใจอย่างเพื่อนสาว ที่เป็นพยาบาลไม่ได้เสียที เพื่อนของหล่อนบอกว่า
...มันจะมีอาไร้ ก็แค่ชิ้นเนื้อชิ้นหนึ่งที่เกิดงอกเกินออกมาห้อยโตงเตง....
พอไม่เห็นก็ค่อยยังชั่วหน่อย พอจะช่วยเหลือเช็ดตัวให้แห้งได้ แล้วก็พลิกตัวเขานอนตะแคงเช็ดด้านหลังอีกด้วย แล้วจึงห่มผ้าให้ คราวนี้ห่มซ้อนลงไปถึงสามชั้นให้เขาอุ่นขึ้น
เขายังไม่มีสติพอจะให้กลืนยาแก้ไข้ หล่อนกลัวว่าเขาจะสำลักไปเสียก่อน และนั่นจะยิ่งยุ่ง
เอาผ้าชุบน้ำพอหมาดๆ พับทบสี่เหลี่ยมวางโปะลงบนหน้าผากของเขาอีกด้วย แล้วจึงหรี่ไฟในห้องนั้นเดินออกมาข้างนอก
จัดการกับเสื้อและกางเกงของเขาที่ถอดทิ้งเอาไว้ในห้องน้ำกระเป๋าใส่เงินของเขาใบใหญ่...และพอเปิดออกมาดู หล่อนเห็นธนบัตรซ้อนหนากันเป็นปึก ล้วนแล้วแต่สีน้ำตาล
“พกเงินเยอะเสียด้วย ท่าจะรวย”
กัดริมฝีปากชั่งใจตัวเอง แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็มีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย หล่อนจึงค้นหาบัตรประจำตัวของเขา แต่ในกระเป๋าใบนั้นก็ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าเป็นตัวเขา นอกจากธนบัตรพวกนั้นแล้ว หล่อนไม่เห็นสิ่งใดๆ อีกเลย ค้นทุกซอกทุกมุมของกระเป๋าด้วยซ้ำ แล้วเมื่อตบกระเป๋ากางเกงทั้งหมด หล่อนก็ไม่เห็นสิ่งใดอีกเลย
“พิลึก…”
หล่อนบ่นพึมพำ พินิจดูเสื้อและกางเกง ก็เห็นว่ามีรอยฉีกขาดเป็นบางส่วนและสกปรกคราบทรายตลอดจนกลิ่นเหงื่อไคลที่นันทาทำหน้าขยะแขยง หล่อนชูสองชิ้นนั่นขึ้น แล้วตกลงจะเอามันไปโยนใส่เครื่องซักผ้า เป็นการอนุเคราะห์ ส่วนกางเกงในของเขานั้น หล่อนค่อยๆ คีบมันขึ้น แล้วส่ายหัวไปมาก่อนจะโยนลงไปในถังขยะของบ้านหน้าตาเฉย
เสื้อกับกางเกงของเขาอบแห้งแล้ว นันทาเอาไปพับเก็บในตู้เสื้อผ้า แล้วหล่อนก็ขนเอาหมอนและผ้าห่มจากห้องนอนของหล่อนมา ปูที่นอนบางๆ ที่ม้วนเก็บสำรองลงกับพื้นตรงผนังห้อง ห่างออกมาจากเตียงที่เขานอนพอสมควร และหอบเอาหนังสือเข้ามานอนอ่าน โดยอาศัยไฟโคมมาตั้ง
คืนนี้หล่อนจะหลับไหม เพราะตั้งแต่โตเป็นสาวมานี่ หล่อนยังไม่เคยนอนร่วมห้องสองต่อสองกับผู้ชายเลย ถึงจะนอนห่างกันเป็นว่าก็เถอะ มันจึงแปลกๆ จนข่มตาไม่หลับ และคอยเงี่ยหูฟังเสียงของเขาว่าจะขยับตัวกี่หน พูดเพ้อเจ้ออะไรออกมาบ้าง
“เฮ้อ...เวรกรรม”
หล่อนเองก็พลิกกระสับกระส่าย แล้วพอง่วงจัดๆ เข้าหนังสือเล่มที่กางอ่านก็หลุดผล็อยจากมือลงไปกองกับพื้นซุกตัวอยู่ใต้กองผ้าห่ม หลับสนิทโดยลืมว่ามีคนป่วยนอนร่วมห้องอยู่ด้วย
และนอกจากผู้ชายคนนี้จะเป็นคนป่วยแล้ว เขาก็ยังเป็นคนแปลกหน้า
ตอนที่ 15.“แม่ยอมรับพวกเราได้แน่หรือคะ”นั่นสิ...นงนุชก็ต้องทบทวนให้หนักกว่านี้“แม่ทิ้งหนูกับพี่ธมไปนานแล้ว นานมากจนหนูคิดว่าแม่ตายแล้ว และหนูก็รอดมาได้เพราะพี่ธมสู้ชีวิตทุกอย่าง เขาส่งหนูเรียนจนจบ ไม่มีเขา หนูก็ไม่มีวันนี้ แต่แม่....ไม่สำคัญอะไรเลย” หล่อนก้าวถอยหลังและชี้มือไปยังประตูบ้าน “แม่ไปเถิดค่ะ แม่เข้ามาเห็นหมดแล้ว ไม่มีอะไรตามที่แม่สงสัยไม่ใช่หรือคะ กลับไปเสียเถิดค่ะ กลับไป อย่ามาให้เห็นหน้ากันอีก”หล่อนไล่แม่ นงนุชคอตก เดินไปจนถึงประตู แล้วก็เอ่ยออกมาว่า “หนูพาผู้ชายมาอยู่ด้วยใช่ไหม นันทา”หล่อนสะดุ้ง“ธมรู้ไหม”หล่อนไม่ตอบ กำมือแน่น“ทำตัวให้ดีนะ ผู้ชายน่ะเชื่อยาก”“ออกไป” หล่อนตะโกนสุดเสียง“แม่รักหนูนะ นันทา”หล่อนไม่มีวันเชื่อแม่ ไม่เชื่ออีกแล้ว หล่อนวิ่งมาปิดประตูใส่กลอนมือสั่นแล้วร้องไห้โฮ...เสียงแม่ยังลอดเข้ามา “หนูน่ะลูกแม่ อย่าลืมว่าหนูมีเลือดแม่”นันทานั่งลงเอามือปิดหู กรีดร้องสุดเสียง หล่อนเกลียดคำนี้...เลือดแม่...ไม่...หล่อนจะไม่มีวันเป็นเช่นแม่ ไม่...็นเช่นแม่ไม่...จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งมากอดหล่อนเอาไว้ “ผมเอง” เสียงภีมบอก เขากลับมาเองหล่อนดิ้นร
ตอนที่ 14....แม่คุณ คิดตัวเลขได้ไงนั่น แล้วหากมันจริงตามนั้นก็น่าเศร้าจัง...“ร้อยปี...แม่เจ้า เงินล้านใน100ปี”“มีอีกทางนะ...” ภีมบอกหน้าตาเฉย“ทางไหนคะ”“หาผู้ชายเลี้ยง”นันทาหน้าแดง“หาผัวน่ะ เธอก็สวย...หาผัวรวยๆ ได้เงินล้านโดยไม่ต้องมาเก็บสะสมเบี้ยใต้ถุนร้านทีละพันต่อเดือน....”เขาหัวเราะและหล่อนไม่ยอมหัวเราะด้วยอีกเลย“จริงไหม” ถามซ้ำหล่อนไม่ตอบ“ทำไมไม่ตอบละ”“ขอบคุณที่แนะนำ”“นั่นง่ายสุด”“คุณมีพี่น้องผู้หญิงไหมคะ” นันทาถามกลับหน้าตาเฉยๆบ้างและกว่าเขาจะรู้ว่าหล่อนยอกย้อนประการใด ก็โดนเข้าเต็มๆ“เอาไว้แนะนำพวกเธอนะคะ ถึงจะรวยแล้วก็เถิด เอาไว้เงินต่อเงิน ฉันไม่สนใจคำแนะนำนี่...การมีสามีสักคน...ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการหากระเป๋าเงิน”“อือ...” ภีมรำพึง “เธอไม่เหมือนแม่ของเธอนะ”เหมือนยั่วจุดเจ็บ นันทาหน้าเผือดลง“ได้โปรด...หากสำนึกบุญคุณของฉัน ไม่ต้องเอาเงินล้านให้ฉัน แต่อย่าเอาแม่ฉันมาประณาม แค่นั้นก็พอ”ภีมมองหน้าหล่อนอีกหน เสียงเขาอ่อยลง “มีปมด้วยเรื่องแม่หรือ”หล่อนไม่ตอบ“มีทำไม นันทา อย่าทำชีวิตมีปมด้อยสิ ได้ไหม...อย่าทำให้ตัวเองมีปมด้อยในทุกเรื่อง ได้ยินไหม เพื
ตอนที่ 13.“นั่นไง เธอคิดใช่ไหมว่าผมเสียสติ และโดนกักขังเอาไว้เพื่อไม่ให้อันตรายคนอื่น และผมหลุดหนีมาได้”“คุณพุดเองทั้งหมดนี้นะ”“แต่เธอคิดใช่ไหม”“ขอความจริงค่ะ” นันทาบอกเรียบๆ “ได้เวลาพูดความจริงกันดีกว่าไหมคะ”“ก็ได้ ความจริงนะ เอาความจริงกันแบบเนื้อๆ เลยนะ” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ผมมาจากครอบครัวใหญ่ พ่อผมมีเมียห้าคน มีลูกสี่คน...จากเมียสี่คนในห้า...ผมเป็นลูกคนเล็ก ไพฑูรย์ลูกชายคนที่สาม แต่งงานกับนงนุชแม่ของเธอ และเขาไม่อยากให้มีผมเป็นผู้ชาย เป็นลูกชายอีกคนของป๋าก็เท่านั้น เขาหาทางกำจัดผมมานานแล้ว”“แย่งสมบัติกันหรือครับ”ชายหนุ่มยักไหล่ “เขาคงอยากแย่ง”“แล้วคุณละ”“ผมไม่อยากแย่ง”ดวงตาของนันทาปรากฏรอยคลางแคลงและเสียงของเขาก็เคร่งเครียดทันที “คนเราคิดไม่ต้องเหมือนกันนะ”“ค่ะ” ในที่สุดหล่อนก็ยอมรับสั้นๆ“เธอจะเชื่อผมหรือไม่ก็ตามที แต่ผมไม่ได้เสียสติ ผมโดนพาตัวมาขัง และจะให้ผมเซ็นยินยอมในหุ้น ในทรัพย์สินก่อนจะฆ่าผม”“แม่ฉันอาจจะไม่น่ารักบ้างบางเรื่อง” หล่อนตอบระมัดระวัง “แต่แม่ไม่ใจร้ายขนาดฆ่าคน”เขาหัวเราะใส่หน้า น้ำเสียงหัวเราะแกมเยาะ “กี่ปีแล้วที่เธอไม่เจอแม่ตัวเอง”หล
ตอนที่ 12.“คงเกินสินะ”“คุณจะให้คนมารับตัวไปใช่ไหม” หล่อนตั้งคำถาม “คนที่คุณให้ฉันติดต่อ”“นันทา...เรายังคุยกันเรื่องแม่เออยู่นะ”“หากคุณอยากต่อว่าเรื่องแม่ฉัน คุณควรเกรงใจฉันบ้าง”“เกรงใจ...?”“ใช่ ยังไงก็แม่ของฉัน”ชายหนุ่มทำท่ารับรู้“แม่อาจจะไม่ดีในสายตาคุณ แต่นั่นคือแม่ของฉัน”“แล้วไง”หล่อนมองสบตากับเขา “ฉันขอใช้สิทธิ์”“สิทธิ์อันใด”“สิทธิ์ปกป้องแม่จากการให้ร้ายของคุณ สิทธิ์ที่ฉันช่วยชีวิตคุณ...”“จะให้ลบล้างหายกันหรือ นันทา รู้ไหมแม่เธอพยายามฆ่าผมนะ...”“ก็ลบล้างกันไป...ฉันช่วยให้คุณรอด รีบไปซะ รีบไป”“เธอกลัวแม่เธอจะรู้ความจริงของเธอหรือกลัวเธอจะรู้ความจริงของแม่”นันทาสบตากับเขาอย่างกล้าหาญ “คุณมีแม่ไหม”“มีสิ ใครบ้างไม่มีแม่”“ถ้ามี...และรักแม่ ไม่ว่าแม่จะเป็นอย่างไร คุณควรรู้ เราย่อมยกย่องเทิดทูนเอาไว้ไม่ยอมลากลงมาพัวพันกับเรื่องไม่ดี เข้าใจไหม”เขารู้ว่านันทาไม่พอใจในการพูดถึงนงนุชและทำอย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมพูดหรือคุยเกี่ยวกับนงนุชเลย เขาได้แน่ใจอย่างหนึ่งว่าความสัมพันธ์กับแม่ของหล่อนนั้น “แย่” หนักเอาการ หล่อนคงไม่ได้พบแม่มาหลายปี นงนุชเองก็อยู่ในสภาพสาวใหญ่ที่ไม่มี
ตอนที่ 11.ไพฑูรย์ไม่ได้โกรธกับคำวิจารณ์นั้น “ทำไงได้ ป๋าเป็นคนมักมากในกาม” เขาร่วมตำหนิคนเป็นพ่อเสียอีก “เชื้อผู้ชายบ้านเราไวไฟ...มักมาก...”“คุณน่ะฉันพอรู้ แต่คุณภีม เขาเป็นด้วยหรือ”“หมอนั่นน่ะเซียนเลย”“ไม่น่าเชื่อ”เขาปรายตามอง “อยากลองมันหรือ”“บ้าสิ คุณ ฉันจะไปอยากลองเขาทำไม”“ก็เห็นทำท่าสนใจ”“คุณอวดสรรพคุณเขาเองว่าชั้นเซียน ฉันเห็นท่าทีภายนอกของเขาก็ยังงั้น...แค่รูปหล่อ...ไม่คิดว่าจะเก่งกาจเรื่องพรรค์นั้นด้วย อีกอย่างเขาจะเก่งกว่าคุณหรือ”นงนุชกอดแขนเขาทำตาเยิ้มฉ่ำ ก่อหวอดของความใคร่ใหลหลง “คุณน่ะสุดยอดสุดแล้วนา”ไพฑูรย์หัวเราะชอบใจ แน่ละมีความลำพองอยู่ด้วยไม่น้อย...เขาหลงลำพองในตัวเองมากมายในเรื่องนี้ ในเสน่ห์เล่ห์บุรุษที่จะทำให้สตรีติดใจในรสสวาท...และแน่นอนว่าเขาก็เลือกผู้หญิงที่เขาจะอยู่ด้วย...เขาเลือกนงนุชที่อายุมากกว่าเพราะหล่อนมีดีในตัวที่ทำให้เขาติดอกติดใจ...ไม่เพียงแต่หล่อนติดใจเขา ต่างติดใจกันและกัน“นี่เราจะตามหานายภีมได้ที่ไหน”“ติดต่อกลับไปที่บ้านไว้แล้วกัน...หากเขากลับไปเราจะรองรับแผนใดได้อีก”“จริงของคุณ ผมลืมไปเลย แผนสองรองรับหากมันรอดกลับไป”“เราจะ
ตอนที่ 10.“ผมรู้ว่าเธอไม่อยากจะเชื่อ”“ฉันจะให้คุณอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะไปไหว อย่าลืมรับปากฉันก่อนว่าคุณจะต้องรีบไปทันที เมื่อคุณไปได้”“ผมจะไม่ลืมพระคุณคราวนี้เลย”“ฉันหวังเพียงแค่ว่า สิ่งที่ฉันทำลงไปอาจจะช่วยไถ่บาปที่แม่ฉันทำลงไปได้บ้าง”น้ำเสียงของนันทาขมขื่นเป็นอันมาก แล้วลุกผละไปแต่พอไปถึงประตู เขาก็เรียกหล่อนเอาไว้“มีอีกเรื่องที่ผมอยากรบกวนทำให้ผมด้วย”“ฉันกำลังฟังอยู่ค่ะ”“ผมอยากให้ติดต่อคนคนหนึ่งให้ผม ด่วนที่สุดเลยนะ”เขาบอกชื่อบอกสถานที่ติดต่อ โดยที่นันทาเป็นฝ่ายรับฟังอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดประการใดนอกจากรับคำสั้นๆ“ฉันจะทำตามที่คุณร้องขอ”“หลานสาวหน้าตาดีนะ คุณ”ไพฑูรย์ออกปาก...นงนุชยักไหล่แล้วหัวเราะ เอ่ยทีเล่นทีจริง“สนใจล่ะสิ”“ได้ไหม”“อย่าดีกว่า”“ทำไมละ หรือว่าหึง”“เปล่า แต่ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่อง เด็กคนนั้นมีพี่ชายที่เหมือนหมาบ้า”หล่อนพูดถึงธม...เขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ และทั้งหมดนั้นเพราะหล่อน...ผิดที่หล่อนทิ้งเขาและนันทามาตั้งแต่วันที่สามีตาย...หล่อนทิ้งหน้าที่ของแม่...จำได้ว่าธมเคยขอร้องแกมวิงวอนให้หล่อนอยู่เพื่อเป็นครอบครัว ธมบอกว่าเขาจะหาเลี้ยงครอบครัว เขาพูดเสมอ