“ที่ไหน?”
เขาลุกพรวดพราดขึ้น แต่เนื้อตัวก็เจ็บออกไปหมด กระดูกบางส่วนลั่นกุ๊บกั๊บจนเจ็บ แสงไฟตรงจุดที่เขานอนไม่สว่างมากนัก แต่ถัดไปตรงมุมห้องโน้นดูสว่างเพราะโคมแบบตั้งพื้นข้างในเป็นดวงไฟนีออน
ใกล้ๆ ไฟดวงนั้นคือร่างที่นอนขดคู้ มีผ้าห่มปิดทับอยู่ ดูแต่ไกลเหมือนกองอะไรสักกองที่ขยุกขยุย
เขาปัดผ้าห่มออกจากตัว แล้วก็ทำหน้าพิกลเมื่อรู้สึกว่าเนื้อตัวว่างๆ โหวงๆ อย่างไรอยู่ แล้วพอก้มลงมอง ก็สะดุ้งเฮือก เพราะไม่มีเสื้อติดตัวเขาเลยสักชิ้น จึงได้แต่ตวัดผ้าห่มกลับขึ้นคลุมตัวเองอยู่อย่างเดิม จะส่งเสียงเรียกคนที่นอนตรงโน้นก็ออกจะเกรงใจ เพราะนึกลำดับเรื่องราวได้แล้วว่า เขาหนีกระเซอะกระเซิงมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งเข้า ขอความช่วยเหลือจากหล่อน
ที่นอนอยู่ตรงโน้นอาจจะเป็นหล่อนก็ได้
ได้แต่รอให้หล่อนตื่นขึ้นมา แล้วจะขอเสื้อผ้าจากหล่อน ที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ ก็คือนอนนิ่งๆ รอคอย แม้ท้องจะร้องโครกครากและเจ็บเนื้อตัว เจ็บแผลที่หน้าและที่ศีรษะ และยังรู้สึกเหมือนไข้กำลังขึ้นอีกด้วย
นันทาพลิกตัวกลับมาอีกฟาก ตอนใกล้รุ่งแล้วมีเสียงไก่ขานขันรับกันอยู่ภายนอก ใกล้และไกลออกไปเป็นทอดๆ อย่างไม่ตั้งใจ หล่อนหยีตาขึ้นมองไปทางเตียงที่มีคนแปลกหน้านอนอยู่
แล้วหล่อนก็รีบลุกขึ้นมานั่งโดยเร็ว เมื่อมองเห็นว่า เขามองมาทางหล่อนอยู่แล้ว...นัยน์ตาใสเสียด้วย
แต่พอลุกเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับท่าทางเคร่งขรึม ตาใสๆ นั่นก็ดูไม่ใสสนิท เพราะเหมือนเขากำลังมีไข้สูง เห็นเส้นสีแดงเป็นริ้วๆ ชัดเจนบนพื้นตาขาวของเขา
“ตื่นนานแล้วรึ”
หล่อนถาม วางตัวให้ไม่สนิทกับเขามากนัก แล้วไม่เข้าใกล้เขามากอีกด้วย เพราะหล่อนยังไม่รู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นอันตรายเพียงใด และเหมือนเขาจะตามความคิดของหล่อนได้ทัน
“อย่ากลัวผม...” น้ำเสียงของเขาแหบแห้งนัก
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วคุณเป็นใคร...”
“ผมชื่อภีม...”
“สั้นๆ แค่นี้เองน่ะรึ คำแนะนำตัว”
นันทาค่อยๆ นั่งลงริมเตียง แต่ห่างจากเขา ขนาดที่เรียกว่าหากเขานอนอยู่ก็ควานมือมาไม่ถึงร่างหล่อนแน่นอน
“ผม...ไม่แน่ใจ...อันตราย...รอบตัวผมเลยนะ”
“รวมฉันด้วยรึ”
เขามองหล่อนแม้จะวางใจ แต่ก็ยังไม่สนิทนัก ในที่สุดนันทาก็เลยพยักหน้าราวกับจะตัดใจอย่างแรง
“ก็ได้...ไม่อยากบอก ก็ไม่ต้องบอก...”
“ผมหิว” เขาร้องขอ มีความอับอายปนอยู่บ้างเหมือนกัน “แล้วก็อยากให้...ช่วยทำแผลให้หน่อย”
“เมื่อคืนน่ะ ฉันเตรียมอาหารให้คุณแล้ว แต่คุณไปล้มอยู่ในห้องน้ำเสียก่อน แทบแย่ทีเดียวกว่าจะลากคุณมาถึงห้องนี้ได้...ถ้าหิวก็รอก่อนนะ ฉันจะออกไปต้มโจ๊กมาให้ใหม่ อาหารเมื่อคืนกินไม่ได้แล้วล่ะ”
นันทากระวีกระวาดออกไป แต่พอถึงประตู เขาก็ร้องเรียกเอาไว้ แล้วพอหล่อนหันกลับมาทำหน้าเหมือนถาม ก็ได้ยินเสียงเขาขอร้องอย่างแผ่วเบา
“ผมไม่เคยจริงๆ ที่จะนอน โดยไม่นุ่งผ้าติดตัวสักชิ้น”
หล่อนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่พยายามกลั้นเอาไว้เพราะกลัวว่าเขาจะอับอาย
แต่นัยน์ตาของหล่อนเป็นประกายพราว และนั่นทำให้หน้าเขาร้อนผ่าวเสียยิ่งกว่า ความร้อนจากพิษไข้ที่รุมเร้าเขาอยู่
“รอเดี๋ยวนะคะ”
“ชุดเสื้อผ้าของคุณ...ฉันเพิ่งซัก อยากจะให้หมดกลิ่นเหงื่อเสียก่อน”
หล่อนหยิบเอาเสื้อ และกางเกงชุดเดิมที่ซักแล้วของเขาออกมาให้
เขาหยิบพลิกๆ ดูก่อนจะมองหน้าหล่อนเป็นเชิงถาม
“กางเกงในคุณมันสกปรกมาก ฉันโยนทิ้งไปแล้ว”
“แล้วผมจะนุ่งอะไรข้างในล่ะ” เขาประท้วง
“มีกางเกงตัวนอกก็พอแล้วไม่ใช่หรือคะ” นันทาตอบหน้าตาเฉย แล้วออกไปจากห้อง ทันได้ยินเสียงพูดพึมพำของเขาอยู่เหมือนกัน
“ผมไม่เคย ที่จะไม่นุ่งกางเกงใน”
หล่อนเลยชะงัก เหนี่ยวขอบประตูเอาไว้ยื่นโผล่เฉพาะหน้าเข้ามามองเขา นัยน์ตาแต้มยิ้มยั่ว
“ก็หัดเคยเสีย กะแค่ไม่ได้นุ่งกางเกงในสักวันสองวัน ก็คงไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับต้องหนีภัยหัวซุกหัวซุน
คราวนี้หล่อนออกไปแล้วจริงๆ มันก็จริงทุกประการที่หล่อนพูด เขารอดมาได้อย่างหวุดหวิด ชายหนุ่มถอนใจยาวและความมึนตื้อก็ยังมีอยู่จนทำให้ต้องทิ้งตัวนอนราบลง หลังจากลุกมาใส่เสื้อใส่กางเกงให้ตัวอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะแทบจะไร้เรี่ยวแรงพยุงตัวเองเอาไว้ให้มั่น
และเขาก็คงจะต้องยึดเอาบ้านนี้ และผู้หญิงคนนี้เป็นที่พึ่งให้กับตัวเองในช่วงนี้ไปก่อน
จนกว่าเขาจะช่วยเหลือตัวเองได้
โจ๊กร้อนๆ มีไข่ไก่ต่อยใส่มาด้วย ส่งควันกรุ่นกลิ่นหอมชวนให้กินอยู่ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มประคองตัวเองขึ้นมานั่งและมองดูหญิงสาวที่ถอยออกไปยืนอยู่เสียห่างจากเขา ท่าทางของหล่อนบอกถึงความไม่วางใจ จนเห็นได้ชัด
“ผมไม่เป็นอันตรายกับคุณ”
“ฉันไม่เชื่อ” หล่อนบอกตรงๆ “แค่คำพูดใครๆ ก็พูดได้ กินโจ๊กซะให้มีกำลังเดี๋ยวฉันจะทำแผลให้ พอสายๆ หน่อยฉันอยากให้คุณไป”
“ผมยังอยากพักอยู่ที่นี่”
“คุณต้องไป” นันทาเน้นเสียง “อย่ามาเล่นแง่กับฉัน ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคุณจะมาอยู่ ฉันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรบ้างข้างนอก แต่อย่าได้เอาเรื่องเดือดร้อนใจมาให้ฉันดีกว่า ฉันยอมรับว่ากลัว...แล้วยังไม่ใจบุญขนาดจะยอมรับภัยที่จะคืบคลานเข้ามาหา”
“ผมกำลังเดือดร้อนมากนะ” เขาเว้าวอน...แล้วคำรามอยู่ในใจ
...ให้ตาย นี่เราไม่เคยต้องง้องอนใครขนาดนี้มาก่อนเลย กับผู้หญิงตัวเท่านี้เอง ต้องมาทำแบบนี้...
“ถ้าไปได้ ผมจะไปทันที ขืนผมออกไปตอนนี้ ผมอาจจะเอาชีวิตไม่รอดก็ได้”
นันทาทำตาปริบๆ แต่ก็ยังไม่วายเสียงแข็ง “ถ้าจะต้องตาย ก็ตายคนเดียวดีกว่ามั้ง” หล่อนหลุดปากออกไป
“ใจดำ!”