หล่อนยักไหล่เล็กน้อย พูดต่อหน้าตาเฉย “แน่ละ...สมัยนี้ ขืนใจดี แล้วก็เป็นคนโง่ ฉันยังไม่อยากตายไว แล้วไปตอบคำถามของยมบาลไม่ได้ว่าทำไมถึงตาย...” หล่อนมองหน้าเขาเขม็ง “การตายด้วยกิจธุระของคนอื่น เป็นเรื่องโก้เก๋นักรึ”
เขาต้องยอมรับว่าหล่อนพูดถูกต้อง แล้วเขาไม่มีสิทธิ์โกรธหล่อนอีกด้วย นันทามองดูเขา แม้ใจหล่อนจะยอมรับว่าเวทนา แต่หล่อนก็ไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากเข้ามาพัวพันด้วย
“ที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของฉัน...เพียงแต่มาเฝ้าแทนพี่ชายเขาเท่านั้นเอง ถ้าเขากลับมา ฉันไม่อยากให้เขาดุเอาได้ว่าฉันทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ”
“ผมเข้าใจ”
โจ๊กที่อร่อยเมื่อตักเข้าปากคำแรกๆ ดูจะหมดรสไปแล้วเมื่อเขาคิดถึงว่าเขาจะพาตัวเองหลบหลีกไปจาก “ภัย” ที่เข้าใกล้ตัวเขาพ้นหรือไม่ เขาก็เหมือนคนทั่วๆ ไปอีกจำนวนมากที่ปรารถนาการมีชีวิตอยู่รอดต่อไป
“ฉันไม่มีรถ...แต่จะเรียกรถมาให้ จะไปไหนก็บอกแล้วกันนะ” หล่อนยังมีแก่ใจเอื้อเฟื้อก่อนจะออกไปจากห้องอีกหนหนึ่ง แล้วกลับเข้ามาใหม่หลังจากนั้นราวๆ สิบห้านาที มีอุปกรณ์ทำแผลและกระติกน้ำร้อนตลอดจนอ่างใบเล็กๆ เข้ามาด้วย หล่อนหอบเอาของพวกนั้นเข้ามาอย่างพะรุงพะรัง
“ฉันจะทำแผลให้ หน้าตาคุณดูแย่เต็มที”
“ผมอยากให้ดูที่หัวมากกว่า”
หล่อนเก็บชามออกไปวางไว้ห่างๆ แล้วจับตัวเขาให้นั่งนิ่งๆ ริมเตียง ห้อยเท้าลงกับพื้นห้อง แล้วตัวหล่อนยืนอยู่ใกล้ๆ แม้เขาจะนั่งอยู่แล้วหล่อนยืน แต่นันทาก็สูงกว่าไม่มากเท่าไหร่
“ตรงไหนคะ”
เขาใช้นิ้วจิ้มๆ ตรงบริเวณที่รู้สึกว่าเต้นตุ๊บๆ แล้วร้อนผ่านไปหมด หล่อนก้มหน้าลงใช้ปลายนิ้วค่อยๆ แหวกเส้นผมของเขาออก แล้วเม้มปากเข้าหากันเมื่อเห็นเส้นผมพวกนั้นขมวดเข้าหากันเป็นก้อน เพราะคราบเลือดเกาะแน่นเอาไว้
“หัวแตกนะคะ”
หล่อนเอาผ้าชุบน้ำอุ่นจัด ค่อยๆ ลูบไล้เส้นผมให้เลือดพวกนั้นจางออกไปก่อน แล้วจึงพิจารณาดูแผลที่แตกปริ แม้จะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ท่าทางลึกและยาว พอกดผ้าลงไปก็ได้ยินเสียงเขาร้องเบาๆ
“เจ็บหรือคะ”
“ฮื่อ!”
“เลือดไหลออกอีกแล้วค่ะ เพราะไปเปิดปากแผลเข้า” หล่อนเอาสำลีซับเลือดเบาๆ พยายามจะห้ามเลือดให้ “ขอฉันตัดผมคุณออกหน่อยได้ไหมคะ”
“เธอช่วยเหลือผม จะทำยังไงกับผมก็ได้”
หล่อนแกล้งตีหน้าบึ้ง พูดประชดๆ กับเขา “แม้กระทั่งจะเอาคุณขึ้นรถไปส่งตำรวจน่ะหรือคะ”
“ถึงเธอจะเป็นนางฟ้าใจดำ ผมก็ไม่หวังว่าจะใจร้ายกันเพียงนั้น ผมมีเหตุผลอย่างที่บอกไปแล้ว มันเป็นเรื่องในครอบครัว ผมไม่อยากให้อื้อฉาว”
“ครอบครัวคุณใหญ่มากหรือไงคะ...” หล่อนอดหมั่นไส้เสียมิได้ “ถึงกลัวจะเป็นข่าวเสียนักหนา”
เขาเกือบจะบอกหล่อนตามความเป็นจริงไปเหมือนกันแต่ยั้งปากยั้งใจเอาไว้ได้ทัน และดูท่าว่าหล่อนเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังจากเขาสักเท่าไหร่เลยด้วย เพราะหันไปหยิบกรรไกรด้ามเล็กๆ มาจากเครื่องมือปฐมพยาบาล ตัดเส้นผมของเขาออกไป แล้วจึงทำแผลให้อย่างไม่ชำนาญนัก แต่มันก็ช่วยห้ามเลือดให้กับเขาแล้วทำให้เขาดีขึ้น ตลอดจนแผลที่ใบหน้าหล่อนก็แต้มยาให้
“อาจจะมีคนมองหน่อย เพราะหน้าแต้มสีเอาไว้”
“ขอบคุณมาก ผมจะไม่ลืมเลยว่าคุณช่วยเหลือผมเอาไว้” ก่อนที่นันทาจะถอยห่างออกไป เขาก็ฉวยมือหล่อนเอาไว้ “จะบอกผมได้ไหมว่าเธอชื่ออะไร”
“นันทาค่ะ”
เมื่อบอกชื่อไปแล้ว ด้วยท่าทางเคร่งขรึม นันทาก็ขยับมือ ทำให้เขาต้องปล่อยมือหล่อนและนันทาก็ถอยห่างออกจากเขา...และเขาก็ยังมองหล่อน...มีรอยยิ้มเหมือนขำ
ว่าแต่เขาขำอะไร...ชื่อหล่อนหรือ เป็นอีกคนแน่ๆ ที่ขำชื่อหล่อน
คงจะเป็นชื่อเชยๆ สำหรับเขา
“ขำชื่อฉันใช่ไหม”
เขาไม่ตอบ แต่ยังมีรอยยิ้มอยู่ หล่อนถอนใจเบาๆ
“โกรธไหม”
“ไม่ ชื่อฉันอาจจะเชย แต่ชื่อฉัน...ฉันพอใจ ใครไม่ชอบก็ช่างปะไร” คำตอบของหล่อนไม่ยี่หระ ไม่ใส่ใจ นี่คือนิสัยของนันทา“ฉันรู้ชื่อฉันกับยุคสมัยคงจะไม่เข้ากันนัก”
“ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ”
“คงจะบอกว่าเชย”
“ใช่” เขาบอก มีรอยยิ้มบนหน้าเขา รอยยิ้มที่ทำให้เขาดูดี แปลก...แม้หน้านั้นจะมีการแต้มยาทำแผลให้ แต่เขาก็ยังดูดี
หล่อนแน่ใจว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ สังเกตจากรอยยิ้มของเขา...รอยยิ้ม...ที่จะบอกอย่างไรดี เวลาเขายิ้มเช่นนั้น แต่นันทาก็ยังไม่อยากหลงเสนห์รอยยี้มนั้น ด้วยเหตุว่าหล่อนยังไม่รู้จักเขาเลย
ใคร
มาจากไหน
ร่อนเร่พเนจรมาหรือไร
และทำไมถึงโดนทำร้ายจนบาดเจ็บ...
ทำไมและทำไม
ผู้ร้ายหรือคนดี ยากจะบอก
เขาหรือจะบอกหากเป็นคนร้าย...
ไม่มีใครพูดความจริงแน่หากตัวเองไม่ใช่คนดีพอ
“เธอไม่มีชื่ออย่างสาวสมัยนี้ อายุคงไม่เท่าไหร่” คำถามเหมือนจะหลอกถามอายุ
หล่อนเงียบ
“ทำไมไม่บอกอายุ”
หล่อนไม่ตอบอีก
“ก็แค่บอกอายุ แคร์อะไร”
“อายุฉันคงแทงหวยไม่ถูก”
“ผมไม่เล่นหวย...” เขาบอก ทำท่าเหมือนรังเกียจสิ่งที่พูดพาดพิงถึง
“อายุฉันสำคัญตรงไหน”
“เธอมีพระคุณกับผม” เขาเปลี่ยนเรื่อง
“พระคุณเลยหรือ” หล่อนเอ่ยถาม
“เพิ่งเรียนจบมาใช่ไหม” เขาถามต่อ
คราวนี้ทำไมหล่อนรู้สึกเหมือนเขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่คุยกับเด็กไม่รู้ได้เหมือนกัน หน้าหล่อนเด็กนักหรือไร
“ใช่ไหม” เขาถามซ้ำอีกครั้ง
หล่อนไม่ตอบ คนแปลกหน้า เดี๋ยวเขาก็จะไป...โดยนันทาไม่รู้ว่ากว่าเขาจะไป...หล่อนก็...เล่นกับไฟไปเต็มๆ
“ทำงานหรือยัง” เขาถามต่อ ดูมีความอดทนอยู่ไม่น้อย
หล่อนไม่ยอมตอบ
“ถามผิดใช่ไหม ต้องถามว่าหางานได้หรือยัง”
“เกี่ยวกันไหม” หล่อนถามเหมือนจะรวนๆ
เขายังหัวเราะ แล้วทำตัวงอ
หล่อนนึกสมน้ำหน้าในใจ หัวเราะมากไปคงกระเทือนข้างใน
“สนใจแต่ตัวเองดีกว่าไหม...” หล่อนบอกสั้นๆ และวางท่าทางเคร่งขรึมนัก แล้วก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อไปอีก ก็ได้ยินเสียงรถแล่นมาแถวๆนี้
ตอนที่ 15.“แม่ยอมรับพวกเราได้แน่หรือคะ”นั่นสิ...นงนุชก็ต้องทบทวนให้หนักกว่านี้“แม่ทิ้งหนูกับพี่ธมไปนานแล้ว นานมากจนหนูคิดว่าแม่ตายแล้ว และหนูก็รอดมาได้เพราะพี่ธมสู้ชีวิตทุกอย่าง เขาส่งหนูเรียนจนจบ ไม่มีเขา หนูก็ไม่มีวันนี้ แต่แม่....ไม่สำคัญอะไรเลย” หล่อนก้าวถอยหลังและชี้มือไปยังประตูบ้าน “แม่ไปเถิดค่ะ แม่เข้ามาเห็นหมดแล้ว ไม่มีอะไรตามที่แม่สงสัยไม่ใช่หรือคะ กลับไปเสียเถิดค่ะ กลับไป อย่ามาให้เห็นหน้ากันอีก”หล่อนไล่แม่ นงนุชคอตก เดินไปจนถึงประตู แล้วก็เอ่ยออกมาว่า “หนูพาผู้ชายมาอยู่ด้วยใช่ไหม นันทา”หล่อนสะดุ้ง“ธมรู้ไหม”หล่อนไม่ตอบ กำมือแน่น“ทำตัวให้ดีนะ ผู้ชายน่ะเชื่อยาก”“ออกไป” หล่อนตะโกนสุดเสียง“แม่รักหนูนะ นันทา”หล่อนไม่มีวันเชื่อแม่ ไม่เชื่ออีกแล้ว หล่อนวิ่งมาปิดประตูใส่กลอนมือสั่นแล้วร้องไห้โฮ...เสียงแม่ยังลอดเข้ามา “หนูน่ะลูกแม่ อย่าลืมว่าหนูมีเลือดแม่”นันทานั่งลงเอามือปิดหู กรีดร้องสุดเสียง หล่อนเกลียดคำนี้...เลือดแม่...ไม่...หล่อนจะไม่มีวันเป็นเช่นแม่ ไม่...็นเช่นแม่ไม่...จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งมากอดหล่อนเอาไว้ “ผมเอง” เสียงภีมบอก เขากลับมาเองหล่อนดิ้นร
ตอนที่ 14....แม่คุณ คิดตัวเลขได้ไงนั่น แล้วหากมันจริงตามนั้นก็น่าเศร้าจัง...“ร้อยปี...แม่เจ้า เงินล้านใน100ปี”“มีอีกทางนะ...” ภีมบอกหน้าตาเฉย“ทางไหนคะ”“หาผู้ชายเลี้ยง”นันทาหน้าแดง“หาผัวน่ะ เธอก็สวย...หาผัวรวยๆ ได้เงินล้านโดยไม่ต้องมาเก็บสะสมเบี้ยใต้ถุนร้านทีละพันต่อเดือน....”เขาหัวเราะและหล่อนไม่ยอมหัวเราะด้วยอีกเลย“จริงไหม” ถามซ้ำหล่อนไม่ตอบ“ทำไมไม่ตอบละ”“ขอบคุณที่แนะนำ”“นั่นง่ายสุด”“คุณมีพี่น้องผู้หญิงไหมคะ” นันทาถามกลับหน้าตาเฉยๆบ้างและกว่าเขาจะรู้ว่าหล่อนยอกย้อนประการใด ก็โดนเข้าเต็มๆ“เอาไว้แนะนำพวกเธอนะคะ ถึงจะรวยแล้วก็เถิด เอาไว้เงินต่อเงิน ฉันไม่สนใจคำแนะนำนี่...การมีสามีสักคน...ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการหากระเป๋าเงิน”“อือ...” ภีมรำพึง “เธอไม่เหมือนแม่ของเธอนะ”เหมือนยั่วจุดเจ็บ นันทาหน้าเผือดลง“ได้โปรด...หากสำนึกบุญคุณของฉัน ไม่ต้องเอาเงินล้านให้ฉัน แต่อย่าเอาแม่ฉันมาประณาม แค่นั้นก็พอ”ภีมมองหน้าหล่อนอีกหน เสียงเขาอ่อยลง “มีปมด้วยเรื่องแม่หรือ”หล่อนไม่ตอบ“มีทำไม นันทา อย่าทำชีวิตมีปมด้อยสิ ได้ไหม...อย่าทำให้ตัวเองมีปมด้อยในทุกเรื่อง ได้ยินไหม เพื
ตอนที่ 13.“นั่นไง เธอคิดใช่ไหมว่าผมเสียสติ และโดนกักขังเอาไว้เพื่อไม่ให้อันตรายคนอื่น และผมหลุดหนีมาได้”“คุณพุดเองทั้งหมดนี้นะ”“แต่เธอคิดใช่ไหม”“ขอความจริงค่ะ” นันทาบอกเรียบๆ “ได้เวลาพูดความจริงกันดีกว่าไหมคะ”“ก็ได้ ความจริงนะ เอาความจริงกันแบบเนื้อๆ เลยนะ” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ผมมาจากครอบครัวใหญ่ พ่อผมมีเมียห้าคน มีลูกสี่คน...จากเมียสี่คนในห้า...ผมเป็นลูกคนเล็ก ไพฑูรย์ลูกชายคนที่สาม แต่งงานกับนงนุชแม่ของเธอ และเขาไม่อยากให้มีผมเป็นผู้ชาย เป็นลูกชายอีกคนของป๋าก็เท่านั้น เขาหาทางกำจัดผมมานานแล้ว”“แย่งสมบัติกันหรือครับ”ชายหนุ่มยักไหล่ “เขาคงอยากแย่ง”“แล้วคุณละ”“ผมไม่อยากแย่ง”ดวงตาของนันทาปรากฏรอยคลางแคลงและเสียงของเขาก็เคร่งเครียดทันที “คนเราคิดไม่ต้องเหมือนกันนะ”“ค่ะ” ในที่สุดหล่อนก็ยอมรับสั้นๆ“เธอจะเชื่อผมหรือไม่ก็ตามที แต่ผมไม่ได้เสียสติ ผมโดนพาตัวมาขัง และจะให้ผมเซ็นยินยอมในหุ้น ในทรัพย์สินก่อนจะฆ่าผม”“แม่ฉันอาจจะไม่น่ารักบ้างบางเรื่อง” หล่อนตอบระมัดระวัง “แต่แม่ไม่ใจร้ายขนาดฆ่าคน”เขาหัวเราะใส่หน้า น้ำเสียงหัวเราะแกมเยาะ “กี่ปีแล้วที่เธอไม่เจอแม่ตัวเอง”หล
ตอนที่ 12.“คงเกินสินะ”“คุณจะให้คนมารับตัวไปใช่ไหม” หล่อนตั้งคำถาม “คนที่คุณให้ฉันติดต่อ”“นันทา...เรายังคุยกันเรื่องแม่เออยู่นะ”“หากคุณอยากต่อว่าเรื่องแม่ฉัน คุณควรเกรงใจฉันบ้าง”“เกรงใจ...?”“ใช่ ยังไงก็แม่ของฉัน”ชายหนุ่มทำท่ารับรู้“แม่อาจจะไม่ดีในสายตาคุณ แต่นั่นคือแม่ของฉัน”“แล้วไง”หล่อนมองสบตากับเขา “ฉันขอใช้สิทธิ์”“สิทธิ์อันใด”“สิทธิ์ปกป้องแม่จากการให้ร้ายของคุณ สิทธิ์ที่ฉันช่วยชีวิตคุณ...”“จะให้ลบล้างหายกันหรือ นันทา รู้ไหมแม่เธอพยายามฆ่าผมนะ...”“ก็ลบล้างกันไป...ฉันช่วยให้คุณรอด รีบไปซะ รีบไป”“เธอกลัวแม่เธอจะรู้ความจริงของเธอหรือกลัวเธอจะรู้ความจริงของแม่”นันทาสบตากับเขาอย่างกล้าหาญ “คุณมีแม่ไหม”“มีสิ ใครบ้างไม่มีแม่”“ถ้ามี...และรักแม่ ไม่ว่าแม่จะเป็นอย่างไร คุณควรรู้ เราย่อมยกย่องเทิดทูนเอาไว้ไม่ยอมลากลงมาพัวพันกับเรื่องไม่ดี เข้าใจไหม”เขารู้ว่านันทาไม่พอใจในการพูดถึงนงนุชและทำอย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมพูดหรือคุยเกี่ยวกับนงนุชเลย เขาได้แน่ใจอย่างหนึ่งว่าความสัมพันธ์กับแม่ของหล่อนนั้น “แย่” หนักเอาการ หล่อนคงไม่ได้พบแม่มาหลายปี นงนุชเองก็อยู่ในสภาพสาวใหญ่ที่ไม่มี
ตอนที่ 11.ไพฑูรย์ไม่ได้โกรธกับคำวิจารณ์นั้น “ทำไงได้ ป๋าเป็นคนมักมากในกาม” เขาร่วมตำหนิคนเป็นพ่อเสียอีก “เชื้อผู้ชายบ้านเราไวไฟ...มักมาก...”“คุณน่ะฉันพอรู้ แต่คุณภีม เขาเป็นด้วยหรือ”“หมอนั่นน่ะเซียนเลย”“ไม่น่าเชื่อ”เขาปรายตามอง “อยากลองมันหรือ”“บ้าสิ คุณ ฉันจะไปอยากลองเขาทำไม”“ก็เห็นทำท่าสนใจ”“คุณอวดสรรพคุณเขาเองว่าชั้นเซียน ฉันเห็นท่าทีภายนอกของเขาก็ยังงั้น...แค่รูปหล่อ...ไม่คิดว่าจะเก่งกาจเรื่องพรรค์นั้นด้วย อีกอย่างเขาจะเก่งกว่าคุณหรือ”นงนุชกอดแขนเขาทำตาเยิ้มฉ่ำ ก่อหวอดของความใคร่ใหลหลง “คุณน่ะสุดยอดสุดแล้วนา”ไพฑูรย์หัวเราะชอบใจ แน่ละมีความลำพองอยู่ด้วยไม่น้อย...เขาหลงลำพองในตัวเองมากมายในเรื่องนี้ ในเสน่ห์เล่ห์บุรุษที่จะทำให้สตรีติดใจในรสสวาท...และแน่นอนว่าเขาก็เลือกผู้หญิงที่เขาจะอยู่ด้วย...เขาเลือกนงนุชที่อายุมากกว่าเพราะหล่อนมีดีในตัวที่ทำให้เขาติดอกติดใจ...ไม่เพียงแต่หล่อนติดใจเขา ต่างติดใจกันและกัน“นี่เราจะตามหานายภีมได้ที่ไหน”“ติดต่อกลับไปที่บ้านไว้แล้วกัน...หากเขากลับไปเราจะรองรับแผนใดได้อีก”“จริงของคุณ ผมลืมไปเลย แผนสองรองรับหากมันรอดกลับไป”“เราจะ
ตอนที่ 10.“ผมรู้ว่าเธอไม่อยากจะเชื่อ”“ฉันจะให้คุณอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะไปไหว อย่าลืมรับปากฉันก่อนว่าคุณจะต้องรีบไปทันที เมื่อคุณไปได้”“ผมจะไม่ลืมพระคุณคราวนี้เลย”“ฉันหวังเพียงแค่ว่า สิ่งที่ฉันทำลงไปอาจจะช่วยไถ่บาปที่แม่ฉันทำลงไปได้บ้าง”น้ำเสียงของนันทาขมขื่นเป็นอันมาก แล้วลุกผละไปแต่พอไปถึงประตู เขาก็เรียกหล่อนเอาไว้“มีอีกเรื่องที่ผมอยากรบกวนทำให้ผมด้วย”“ฉันกำลังฟังอยู่ค่ะ”“ผมอยากให้ติดต่อคนคนหนึ่งให้ผม ด่วนที่สุดเลยนะ”เขาบอกชื่อบอกสถานที่ติดต่อ โดยที่นันทาเป็นฝ่ายรับฟังอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดประการใดนอกจากรับคำสั้นๆ“ฉันจะทำตามที่คุณร้องขอ”“หลานสาวหน้าตาดีนะ คุณ”ไพฑูรย์ออกปาก...นงนุชยักไหล่แล้วหัวเราะ เอ่ยทีเล่นทีจริง“สนใจล่ะสิ”“ได้ไหม”“อย่าดีกว่า”“ทำไมละ หรือว่าหึง”“เปล่า แต่ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่อง เด็กคนนั้นมีพี่ชายที่เหมือนหมาบ้า”หล่อนพูดถึงธม...เขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ และทั้งหมดนั้นเพราะหล่อน...ผิดที่หล่อนทิ้งเขาและนันทามาตั้งแต่วันที่สามีตาย...หล่อนทิ้งหน้าที่ของแม่...จำได้ว่าธมเคยขอร้องแกมวิงวอนให้หล่อนอยู่เพื่อเป็นครอบครัว ธมบอกว่าเขาจะหาเลี้ยงครอบครัว เขาพูดเสมอ