หมิงเสวี่ยอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด นางรีบดึงร่างเขามาบังกายเปลือยของนาง แต่เพราะดึงเข้ามาแรงไป ส่วนนั้นของเขาจึงสอดลึกเข้าไปในร่างนางมากกว่าเดิม
"อ๊ะ!" ฮูหยินน้อยหลุดเสียงร้องออกมา
"จะทำต่อก็ได้นะ ข้าไม่ถือหรอก" เซี่ยยี่ท้าวแขนข้างหนึ่งมอง ท่าทางสบายๆ "การทำให้ภรรยาค้างเติ่งถือเป็นบาปมหันต์กว่า”
ไป๋จิ้งเหอแค้นใจจนแทบกระอักเลือดที่ถูกปิศาจผู้นี้มาเห็นเข้าทั้งยังแกล้งไม่ไปไหนเสียอีก "รู้จักละอายแก่ใจบ้างหรือไม่?!"
"งั้นข้าหลับตา" นางว่า เอามือปิดตา แต่มือนั้นถ่างออกเป็นช่องตรงลูกตา "เอ้า ทำต่อเลย ข้าไม่เห็นอะไรแล้ว"
"ออกไป!" ไล่ขนาดนี้ ถ้ายังไม่ออกก็หน้าด้านหน้าทนเกินไปแล้ว
"คิดว่าข้ากลัวหรือไง? เจ้าเด็กเมื่อวานซืน"
"เจ้า!"
"พี่ซื่อ..ท่านออกไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ...ถือว่าเสวี่ยเอ๋อร์ขอร้องท่าน" หมิงเสวี่ยเอ่ยเสียงพร่า
"แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย..." นางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย "ฮูหยินน้อยเอ่ยปากขอร้องทั้งที หากไม่ให้ข้าคงเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ"
"ท่านรีบไปเลย" จิ้งเหอเดือดดาล นางคิดว่าการอยู่นิ่งโดยที่อารมณ์ค้างเติ่งเป็นสิ่งดีนักหรือ!?
"เดี๋ยวสิ ข้าได้ยินว่าพวกเจ้ากินเซาปิ่งกันด้วยนี่ ข้ายังไม่ได