สาวน้อยช่วยเหลือบุรุษที่ได้รับอันตราย เขาจึงรับนางเป็นสาวใช้...ใช่...สำหรับภายนอกคงเห็นเป็นเช่นนั้น... แต่มิใช่กับนางแมวขโมยตัวน้อยอย่างหมิงเสวี่ย และพ่อค้าวาณิชที่มีอิทธิพลสูงสุดในเมืองหลวงอย่าง ไป๋จิ้งเหอ
View Moreบทนำ
ยุคสมัยฮั่น...
เป็นช่วงบ้านเมืองสงบสุข ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์อยู่ดีกินดี หลากวรรณกรรมจากยอดกวีเปรื่องปราชญ์ มีการสานสัมพันธ์กับภายนอก ทั้งการบุกเบิกเส้นทางสายไหม ทำการค้ากับต่างชาติ รวมไปถึงการส่งสาวงามเข้าวิวาห์กับต่างเผ่าเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี
ชายแดนนั้นครึกครื้นด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ เหมือนเฉกเช่นทุกวัน เขาเหล่านั้นล้วนมีจุดประสงค์เพื่อการค้าขาย กองคาราวานจากพ่อค้าต่างถิ่นแวะเวียนยังโรงเตี๊ยมที่เปิดต้อนรับอาคันตุกะตลอดเวลา หนึ่งในนั้นมีโรงเตี๊ยมขนาดเล็กที่ยังคงวิ่งวุ่นเพื่อรับรองแขกอยู่เช่นกัน
"เฮ้ย! หงเช่อ! มาขนของกับสัมภาระของแขกไปไว้ที่ห้อง เร็ว!" ชายชราร่างเล็กตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มที่เพิ่งลงมาจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมหลังจากเพิ่งนำสัมภาระของลูกค้าขึ้นไปไว้ที่ห้อง
"รู้แล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!" ชายหนุ่มเจ้าของนาม หงเช่อ หรือ หลางหงเช่อ ตอบรับเสียงห้วน ก่อนเดินไปยังสัมภาระและหีบกองโต และขนออกไปด้วยกำลังมหาศาล ร่างกายของเขาล่ำสันสูงใหญ่ผิดกับชาวฮั่นโดยทั่วไป เรือนผมก็เป็นสีแดงราวกับผลผิงกว่อ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้ว่าต้องมีเชื้อสายชาวต่างชาติอยู่แน่
ระหว่างที่ขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง หงเช่อก็สวนกับเด็กสาวร่างเล็กนางหนึ่ง ใบหน้างามผุดผ่องสมวัยสาว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น เรือนผมยาวดำขลับมัดด้วยเชือกแดง ดวงตากลมโตแฝงด้วยความขี้เล่นซุกซน เข้ากับชุดสีม่วงสดใสที่นางสวมใส่ยิ่งนัก
"หมิงเสวี่ย" เขาหยุดทักเด็กสาว "อารมณ์ดีจังนะ วันนี้"
"มีลูกค้ามา ใครเล่าจะไม่ดีใจ" นางว่า "อย่าเพิ่งชวนข้าคุยสิ ลูกค้าขอน้ำร้อนล้างหน้ากับอาหารเย็น ต้องรีบไปรีบมา"
"...ช่างดียิ่งนัก ช่างดียิ่ง" หมิงเสวี่ยร้องเพลงแฝงนัยอย่างร่าเริง "หนึ่งพ่อค้าต่างชาติ หนึ่งคหบดีจากเมืองหลวง"
"...แล้ว?"
"เอาไว้เจ้าลงมาแล้ว ข้าจะบอกให้รู้" เด็กสาวยิ้ม ก่อนวางมือนิ่มลงบนแขนใหญ่ "ตั้งใจทำงานนะ เจ้าหมาน้อย"
"...เตรียมของเอาไว้ด้วย" เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะเดินขึ้นไปชัดสองอย่างคล่องแคล่ว
ดรุณีน้อยยิ้มรับ นางลงมายังห้องครัว เตรียมผ้าสะอาดและถังไม้ใส่น้ำร้อนขึ้นควันขาว จากนั้นจึงกำชับในครัวให้เตรียมสำรับมื้อเย็นเอาไว้
ริมฝีปากบางยกยิ้ม พลางนึกไปว่า...อาคันตุกะผู้มาเยือนโรงเตี๊ยมของนางจะหอบทรัพย์สินอันใดมาบ้างกันนะ...
"ข้าไม่ลำบากใจหรอก" นางยิ้มซื่อ "ก็เพราะเป็นลูกของท่านนี่เจ้าคะ"คำตอบนี้รู้สึกว่าจะทำให้ไป๋จิ้งเหอพอใจมากทีเดียว "เรื่องในอนาคตค่อยว่ากันอีกที เราไปหามื้อเช้ากินกันดีกว่า""ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ" นางยิ้มก่อนค่อยๆลงจากเตียงโดยมีจิ้งเหอประคองอยู่"แต่ว่าที่นี่มีคนครัวหรือไม่เจ้าคะ? ถ้าไม่มีข้าจะได้ทำอะไรง่ายๆ ให้รับประทาน""สองคนนั้นคงจัดการแล้วล่ะ" จิ้งเหอหมายถึงเฉี่ยวเหมยกับจื่อหนี่"ข้าให้เฉี่ยวเหมยไปจัดการหาแม่ครัวตั้งแต่วันที่ได้บ้านแล้ว แต่หลังจากทดสอบฝีมือแล้ว ยังไม่ผ่านสักคน""เฉี่ยวเกอเกอทำกับข้าวเป็นด้วยหรือเจ้าคะ?" นางถามขณะเดินตามจิ้งเหอไปยังห้องทานข้าว "ดูแล้วน่าจะกินเก่งมากกว่าทำอาหารเก่งด้วยซ้ำ""พอกินได้ ไม่ถึงกับอร่อยนัก"หมิงเสวี่ยผงกหัวหงึกๆก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้"ข้า...มีเรื่องจะถาม""อะไร?""จื่อหนี่ นางเป็นใครหรือเจ้าคะ ดูพวกท่านสนิทสนมกันมาก"ร่างสูงเดินเอามือไพล่หลัง เขาแหงนมองฟ้าราวกับกำลังนึกถึงความหลัง "ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า ได้ให้กำเนิดข้าซึ่งเป็นลูกโทนแก่ตระกูลไป๋ ขณะที่พ่อบ้านนั้นมีลูกชายที่แก่เดือนกว่าข้า คือเฉี่ยวเหมย" จิ้งเหอเล่า "ฉะนั้นเราจึงเติบโตมาด้วยก
ภายในห้อง หลังจากเสียงร้องไห้และน้ำตาของหมิงเสวี่ยเหือดแห้งลง เขาผละนางจากอ้อมกอด แล้วเช็ดคราบน้ำตาให้ "ดึกแล้วเจ้านอนเถอะ ข้าจะกลับไปห้องตัวเอง"แต่นางกลับคว้าข้อมือของเขาไว้ ทีแรกนางไม่กล้าเอ่ยอะไร แต่ในที่สุดก็พูดออกมา"เอ่อ...ท่านรอจนข้าหลับไปก่อนค่อยไปได้หรือไม่?""ได้" เขาบีบมือนางเบาๆเหมือนตอบรับคำขอของนาง "นอนเถอะ ข้าจะอยู่ตรงนี้จนกว่าเจ้าจะหลับ"หมิงเสวี่ยค่อยสอดตัวลงใต้ผ้าห่มอุ่น นอนตะแคงร่างหันหน้าไปทางเขาและจับมือของเขาเอาไว้ เพียงไม่นานนางก็หลับไปเมื่อแน่ใจว่าหลับดีแล้ว จิ้งเหอจึงคิดดึงมือเล็กออก แต่กลับไม่เป็นดั่งใจคิด มือนางนอกจากจับแน่นแล้ว ยังเอียงแก้มนิ่มซบกับมือเขาอีก...จะดึงออกทันทีก็ใจร้ายไปหน่อยสุดท้ายจึงจำยอมเอนกายพิงผนังหัวเตียง และหลับไปในท่านั่งเช่นนั้นหมิงเสวี่ยตื่นขึ้นมาอย่างรู้สึกสดชื่นกว่าเมื่อวานมาก ยาที่ทาไปออกฤทธิ์ดีมาก นางยกมือคลำที่คอตนเอง ความเจ็บที่แผลบริเวณคอแทบไม่รู้สึกแล้วสมกับที่เป็นหมอที่คนอย่างไป๋จิ้งเหอเรียกมารักษา...พอขยับตัวจะบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ ก็พบว่ามือข้างหนึ่งถูกมือใหญ่กุมเอาไว้ชายหนุ่มนั่งหลับตานิ่งพิงเสาเตียงเอาไว้ ก่อนจ
พลันร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวไปขดที่ด้านในของเตียง ดวงตาเปิดกว้างด้วยความหวาดหวั่นที่สุด"ป...เป็นท่านเองหรือ?" ความหวาดหวั่นกลั่นเป็นน้ำตาแห่งความโล่งใจในที่สุด "ขอโทษนะ...ข้านึกว่าเป็น...""อย่ากังวลไปเลย ข้าเข้าใจดี" จิ้งเหอเผยยิ้มละมุนที่มุมปากน้อยๆ "สวมเสื้อผ้าก่อน แล้วข้าจะทายาให้" เขาเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากบนโต๊ะมาให้นางเลือก "ถ้าทิ้งไว้นานแผลที่คอจะอักเสบเอาได้"หมิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก "ขอบคุณเจ้าค่ะ..."นางดึงม่านเตียงลงมาอีกครั้งแล้วจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ทุกทีนางชอบใส่ชุดสีม่วง แต่พอมาใส่สีชมพูอ่อนก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูดีเหมือนกันเมื่อม่านถูกรวบเปิดขึ้นอีกครั้ง ไป๋จิ้งเหอก็เห็นนางแต่งตัวเรียบร้อยในชุดนอนสีชมพูอ่อน เขาพยักหน้าอย่างพึงใจ"ขยับมาสิ ข้าจะทายาให้"นางเขยิบมาหาเขาอย่างว่าง่าย เขาเชยคางนางขึ้นก่อนป้ายยาจากตลับกระเบื้องแล้วป้ายลงบนลำคอขาวแสงเทียนในห้องไหววูบตอนนี้เองที่นางมองเห็นใบหน้าอันดึงดูดใจของเขาได้อย่างชัดเจนนางจับจ้องทุกรายละเอียดบนใบหน้าเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตั้งแต่โครงหน้า คิ้วกระบี่สีเข้ม สันจมูกเรียวโด่ง...ไปจนถึงริมฝีปากกลิ่นหอมจางจากร่างเขา
"ไม่...ไม่แล้ว" นางลูบแก้มตัวเองป้อยๆ ก่อนส่งยิ้มให้เขา จากนั้นจึงเพิ่งสังเกตว่าเสื้อของเขาเปียกเพราะเมื่อครู่เขาอุ้มนางขึ้นจากน้ำ แม้แต่ใบหน้าและเส้นผลก็ยังคงมีหยดน้ำเกาะจากการที่นางสาดน้ำใส่เขานางหันไปหยิบผ้าผืนเล็กที่ข้างหมอน ค่อยๆบรรจงซับน้ำที่หน้าเขา"ขอโทษ ที่สาดน้ำใส่ท่านจนเปียก""ไม่เป็นไรหรอก" เขาจับมือเล็กที่เช็ดหน้าให้เขา "ไม่ได้เป็นอะไรมาก""ว่าแต่เจ้าพวกนั้นไปเอาเสื้อผ้าถึงที่ไหนกันนะ?" เขายังบ่นไม่หยุด "เจ้ารอข้าประเดี๋ยว ข้าจะไปดูซิว่าเจ้าพวกนั้นทำอะไรกันอยู่จึงชักช้าปานนี้""รีบ..." หมิงเสวี่ยอึกอักไม่รู้จะพูดออกมาดีหรือไม่ "รีบ...กลับนะ เจ้าคะ""อืม" เขารับคำและลุกออกไป เมื่อไป๋จิ้งเหอออกจากห้องไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าอยากให้เขาอยู่ ไม่อยากให้เขาไปไหนก้มมองตัวเองที่แทบจะเปลือยอยู่รอมร่อ นี่หากเขาคิดล่วงเกินนางก็ย่อมทำไปแล้ว แต่เขายังคง...ให้เกียรตินางแต่การอยู่คนเดียวหลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็ไม่กล้าจะเดินไปตามหาเขาในสภาพเช่นนี้ สุดท้ายจึงยอมทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่ม มองประตูห้องที่ยังคงปิดสนิท จนกระทั่งเปลือกตาของนางเอ
เขาไม่ว่ากระไร เพียงแต่เหลือบตาขึ้นมองราวกับจะบอกนางว่า...อยากเล่นกับข้ารึ? ข้าจะจัดให้อย่างงามเลยเทียวหมิงเสวี่ยถึงกับยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะ แต่แล้วก็แทบหุบยิ้มไม่ทันเมื่อเท้าที่สะอาดหมดจดแล้วของนางถูกเขายกจรดริมฝีปาก"หากเจ้าเตะข้าอีกครั้ง..." เขามองนางอย่างนึกสนุกเต็มที่ "...ข้าจะจูบเท้าเจ้าหนึ่งที และจะจูบสูงขึ้นไปเรื่อยๆ..."นางสะดุ้งเฮือก สัมผัสแปลกประหลาดทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นางพยายามยกเท้าหนี แต่เขากลับจูบไล่ขึนจากหลังเท้าไปจนถึงขาเรียว"อา..." เสียงครางน่าอายดังลอดออกมา จนหมิงเสวี่ยต้องเอามือปิดปากตัวเองขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ล่ะก็...นางตัดสินใจวักน้ำสาดใส่หน้าเขาเต็มแรงเพื่อให้เขาปล่อยเท้านางเขาเสยผมที่เปียกน้ำขึ้น มองสาวน้อยที่พยายามดิ้นหนี รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมา"เจ้าหาเรื่องข้าเองนะ"หมิงเสวี่ยชักใจคอไม่ดี เมื่อเขาโน้มร่างเข้ามาใกล้และยกร่างนางขึ้นจากน้ำทั้งที่ตัวเปียกโชก...และเหลือเพียงเอี๊ยมแนบเนื้อตัวเดียวกั้นกลางเขาวางนางล่างกับเตียง ร่างเล็กเกร็งขึ้นเมื่อเขาเอื้อมมาปลดสายเอี๊ยมเปียกโชกออกแล้วดึงออกช้าๆ ปล่อยให้มันหลุดร่วงลงไปตามสัญชาตญาณแม้จะอยู่ใกล้ถึงขนาดรู
"เอาเถอะ...ในเมื่อเจ้าไม่อยากแม้กระทั่งจะบอกข้า เช่นนั้นข้าจะไม่ยุ่ง แต่..." เขาว่าเสียงเข้มดั่งว่าคำพิพากษา "...หากมีครั้งที่สอง ข้าจะไม่ไว้ชีวิตมันเด็ดขาด""...ปล่อยเขาไปเถอะ" นางเอ่ยเสียงเบา น้ำตารื้นเมื่อนึกถึง "ข้า...ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว..."ร่างสูงพยักหน้ารับว่าจะทำตามที่นางต้องการ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู"ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำสระผม ตัวเปียกเช่นนี้จะไม่สบายเอาได้"นางพยักหน้าช้าๆ ก่อนที่เขาจะอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางคงไม่ยอมและดิ้นหนีไปแล้ว แต่วันนี้นางอ่อนแรงเหลือเกิน การได้อยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วทำให้นางรู้สึกปลอดภัย จึงอิงซบนิ่งเหมือนลูกแมวอยู่อย่างนั้นหลังม่านกั้นอันเป็นส่วนของห้องน้ำนั้น เฉี่ยวเหมยได้เตรียมน้ำร้อนใส่ไว้ในถังเรียบร้อยแล้วไป๋จิ้งเหอค่อยๆ หย่อนร่างนางลงในถังอย่างนุ่มนวล หันไปหยิบผ้าขาวมาพันรอบคอซึ่งมีแต่รอยแผลของนางเอาไว้ไม่ให้น้ำกระเซ็นไปโดนเขารวบผมยุ่งเหยิงของนางออกมานอกถังและเริ่มตักน้ำจากถังเล็กราดลงที่ผมของนางและเริ่มลงมือหวีผมและสระผมให้นาง ใช้สบู่สระผมให้นางอย่างเบามือ จากนั้นจึงหยิบขวดเล็กๆออกมาจากถาด แล้วเทลงบนฝ่ามือ สิ่
Comments