ยามนี้ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำจนแทบคั้นออกมาเป็นหยดเลือด คำร้องห้ามไม่เป็นผล แม้มือเล็กพยายามผลักไสไม่ให้เขาก้มลงไปแต่สุดท้ายแล้ว นางก็ได้แต่อ่อนระทวยเพราะลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในกลีบดอกไม้สาว
กลิ่นหอมหวานทำให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง ลิ้นร้อนโลมเลียกลีบเนื้อสีหวานจนเรียวขางามสั่นระริก ยิ่งเขาตวัดลิ้นไล้เลียสลับกับใช้ลิ้นรุกรานในร่องรัก หยาดน้ำหวานหลั่งออกมามาก ความร้อนรุ่มแผ่ไปทั่วร่าง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง หยาดน้ำตาคลอเบ้าตาของหญิงสาว สะโพกงามงอนส่ายยั่วเย้าอย่างไม่รู้ตัว ความเสียวซ่านทำเอาจ้าวจื่อรั่วได้แต่ครางอย่างสุดทนกลั้น ถูกลิ้นและนิ้วมือเร่งเร้าจนร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมา
กู้ตงหยางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าฉ่ำหยาดน้ำตาของภรรยาตัวน้อย นางได้แต่สะอึกสะอื้นกับสัมผัสที่เขาตระเตรียมให้นางเพื่อรองรับสิ่งที่ใหญ่โตนี้ หากนางไม่ใช่ภรรยาของเขา เขาคงไม่ต้องใส่ใจว่านางจะรับได้ไหวหรือไม่ เขายื่นมือไปเกลี่ยน้ำตาที่เปื้อนแก้ม ความปรารถนาอันแข็งขันที่ทำให้เขาปวดหนึบอยู่นี้ทำให้เขาเร่งรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนจนหมด แล้วจับมือนางมาแตะที่รอยแผลเป็นบนแผ่นอก
“กลัวหรือไม่” เขาถามเสียงแหบพร่า
ปลายนิ้วที่สัมผัสรอยแผลเป็นสั่นเล็กน้อย แล้วส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ นางไม่ได้กลัวหรือรังเกียจบาดแผลของเขา แต่สิ่งที่บดเบียนเนินเนื้ออยู่ตอนนี้ต่างหากที่ทำให้นางกลัว
ราวกับรู้ความคิดของอีกฝ่าย กู้ตงหยางจับมือนางให้มาแตะต้องส่วนที่แข็งขันอยู่ตอนนี้ ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ นางดึงมือกลับแต่เขากดมือนางไว้ มือเรียวเล็กถูกบังคับให้กุมลำเอ็นที่แทบกำไม่รอบ เสียงครางอย่างพอใจดังขึ้นเบาๆ แต่ในความเงียบนี้ทำให้นางได้ยินเสียงชัดเจน ความตื่นตระหนกค่อยๆ ลดลง มือใหญ่นำพาให้มือนุ่มรูดลำเอ็นเป็นจังหวะ มันขยายใหญ่ขึ้นจนจ้าวจื่อรั่วรู้สึกได้
ก่อนที่นางกลัวขึ้นมาอีกระลอก เขาปล่อยมือนางออกแล้วจับแก่นกายถูไถกลีบดอกไม้สาวที่ยังเปียกชื้นอยู่ ร่องรักที่ยังเปียกแฉะทำให้เขาส่งแก่นกายเข้าไปได้ง่ายขึ้น แต่ความใหญ่โตของท่อนเอ็นทำให้เขาขยับเรียวขาให้แยกออกกว้างแล้วค่อยๆกดลำทวนใหญ่ยักษ์เข้าไปในผนังอ่อนนุ่มที่ค่อยๆกลืนกินท่อนเนื้อของเขาจนหมด ความเสียวซ่านถาโถมขึ้นอีกครั้ง เขาขยับเอวถอนแก่นกายออกจนเกือบสุด นางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แต่เมื่อเขากดกระแทกดันกลับเข้าไปใหม่ นางก็ร้องครางออกมา
“อื้อ....”
จ้างจื่อรั่วครางเสียงสั่น ร่างกายปรับตัวกับลำทวนใหญ่ยาวที่เคลื่อนไหวเข้าออกในร่องสาว กู้ตงหยางใช้มือข้างหนึ่งจับเอวนางไว้และอีกข้างเอื้อมมาบีบเคล้นทรวงอกเพิ่มความเสียวซ่านแสนรัญจวน
“อ๊า...” ทุกการเคลื่อนไหวนำความเสียวซ่านระลอกแล้วระลอกเล่าสาดซัดใส่จนร่างกายสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น จนหัวสมองของนางขาวโพลนไปหมด ร่างกายถูกผลักดันจนเกร็งกระตุกไปอีกรอบ
เสียงครางของนางยิ่งปลุกเร้าชายหนุ่ม เขาจับเรียวขาเข้ามาชิดงอเข่าแล้วดันไปด้านหน้า สะโพกงามลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย ทรวงอกอวบอิ่มถูกดันขึ้น ช่องทางคับแคบยิ่งบีบรัดลำเอ็นมากยิ่งขึ้น เขาครางเสียวซ่านพร้อมขยับเอวเข้าสุดออกสุด ร่างเล็กสั่นไหวตามแรงกระแทก ใบหน้างามแดงเรื่อ นางคือภรรยาของเขา คนของเขา สตรีที่เขาครอบครองได้อย่างเต็มใจ
“ท่าน...อื้อ.. ช้า...ช้าหน่อย...ข้า มะ ไม่ ไม่ไหว อะ อ๊ะ”
ท่าทางทรมานของนางไม่อาจทำให้ชายที่มีฐานะเป็นสามีหยุดการเคลื่อนไหวได้เลย เขายังคงขยับสะโพกสอบตอกตรึงอย่างต่อเนื่อง ดิบเถื่อนและลึกล้ำ ทว่ามันปราศจากความเจ็บปวด แต่เป็นความรัญจวนเร่าร้อนและเรียกร้องให้นางตอบสนอง หญิงสาวไม่ประสีประสา เหมือนเขากำลังป้อนอาหารที่นางไม่เคยกินให้ลิ้มรสชาติแปลกใหม่ เขาเร่งจังหวะขยับโยกไม่หยุด พลางก้มมองกลีบเนื้อที่ดูดกลืนแท่งเอ็นร้อนของตนที่อาบน้ำรักจนเป็นมันวาว ผนังอ่อนนุ่มตอดรัดจนเขาไม่สามารถอดกลั้นได้อีก ส่งตัวตนเข้าไปจนสุดแล้วปลดปล่อยน้ำรักหลั่งรดอยู่ภายใน
จ้าวจื่อรั่วเห็นเขาแหงนหน้าคำราม ร่างแกร่งเกร็งกระตุกครู่หนึ่งจึงโน้มหน้าลงจูบหน้าผาก เขาพลิกตัวลงมานอนตะแคงโดยดึงร่างนางมาแนบชิด หญิงสาวค่อยๆปรับลมหายใจอยู่ครู่ใหญ่ จึงกล้าเงยหน้าสบตากับดวงตาแวววับที่จ้องมองนางอยู่ก่อนแล้ว นางขยับตัวอย่างเขินอายแต่มือใหญ่กดเอวนางไว้ไม่ให้ขยับ
“อย่าขยับ”
“แต่...ท่านจะอยู่อย่างนี้นะรึ”
“ข้าอยู่อย่างไรรึ?”
“ท่าน...ท่าน ออกไปสิ”
“เจ้านี้อย่างไรกัน กล้าไล่สามีรึ”
“ข้าหมายถึง...”
ใบหน้าหวานแดงเรื่อขึ้นมาอีก แก่นกายของเขายังอยู่ในกายนาง การขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้นางเสียวซ่านขึ้นมาอีกครั้ง
ทำไมเขาหน้าหนาอย่างนี้นะ!
กู้ตงหยางแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ เขากอดนางไว้แน่นปล่อยให้แก่นกายของตนฝังในผนังอ่อนนุ่มของนางและค่อยๆเคลื่อนไหวตามแรงปรารถนาระลอกแล้วระลอกเล่า.
หญิงสาวตื่นมาก็พบเพียงข้างกายที่ว่างเปล่าและที่นอนที่เย็นเยียบ แสดงว่าเขาจากไปนานแล้ว แต่เหตุใดไม่เรียกนางสักคำ นางก็มิใช่คนตื่นยากเสียหน่อย ยิ่งนางเห็นสภาพตนเองที่เต็มไปด้วยรอยช้ำเป็นจุดแดง ทั้งเขินอายและสับสนปะปนจนใจเจ็บ นี่เขาโกรธแค้นที่นางไม่ใช่ภรรยาตัวจริงจึงได้ลงทัณฑ์นางถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“ฮูหยิน” เสี่ยวฉู่เรียกเสียงเบา สีหน้าฮูหยินดูซีดเซียวจนน่าเป็นห่วง “ให้ข้าเชิญท่านหมอมาดีไหมเจ้าคะ”
จ้าวจื่อรั่วถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหน้าไปมา ผู้อื่นจะได้คิดว่านางเรียกร้องความสนใจนะสิ
“เช่นนั้น...ฮูหยินกินอะไรสักหน่อยนะเจ้าค่ะ ตอนเช้าท่านก็ไม่ได้กินอะไร นี่ก็บ่ายแล้ว ท่านกินอะไรสักนิดนะเจ้าค่ะ”
รถมาที่เตรียมไว้อบอุ่นและพรั่งพร้อมสำหรับการเดินทาง เนื่องจากกู้ตงหยางต้องการดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิดทำให้ไฉ่หงออกมานั่งข้างสารถีซึ่งเด็กสาวก็ยินดี เพราะได้มองทิวทัศน์ระหว่างเดินทางจ้าวจื่อรั่วอยู่ในรถม้าอย่างสุขสำราญ การเดินทางกลับสบายราวกับมาท่องเที่ยวต่างจากยามที่เข้ามามาก จนกระทั่งเดินทางมาถึงชายแดนอี้ซวนมาส่งจะกล่าวคำอำลา“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” กู้ตงหยางเอ่ยถาม การเดินทางราบรื่นด้วยเพราะมีทหารลับของซย่าเจียวซิ่งคุ้มกันตลอดเส้นทาง เขาส่งข่าวมาล่วงหน้าแล้ว คนของตนก็รออยู่ที่ชายแดนจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลนัก“ถามข้า...ข้าก็ใช้ชีวิตพรานป่านะสิ” อีซวนหัวเราะเสียงดังตามประสานิสัยของเขา“แล้ว...”“แล้วอะไรกัน?”กู้ตงหยางเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มมุมปาก “อย่างไรข้ากับเจ้าก็นับเป็นสหาย เป็นดุจคนในครอบครัว หากอยากให้ข้าช่วยยกสินสอดทองหมั้นก็บอกมา อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนฐานะของเจ้าได้”“หากบุรุษแต่งงานมีภรรยาแล้วพูดจาไร้สาระเช่นเจ้า ข้าไม่แต่งดีกว่า” อี้ซวนเบ้ปากแต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาจากในรถตู้ ใครเลยจะคาดคิดว่านักรบปราบศัตรูเช่นกู้ตงหยางจะพ่ายแพ้แก่สตรีตัวเล็กๆไร้วรยุทธ์ผู้หนึ
สองบุรุษหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากันโดยมีกาสุราตั้งอยู่บนโต๊ะ กู้ตงหยางมีท่าทีเฉยชาไร้ความวิตกกังวลใดราวกับเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเรื่อง “เมื่อฮูหยินของข้าทำตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว ข้าก็จะพานางกลับแคว้นแม้เจ้าจะไม่ไปส่ง ข้าก็หาทางกลับเองได้”ผู้บัญชาการซย่าได้ยินก็กระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้ดีว่าฝีมือระดับแม่ทัพกู้ผู้นี้คงเคยเข้าออกแคว้นของเขาเป็นว่าเล่น เช่นเดียวกับตัวเขาเองก็ยังเคยไปสืบข่าวที่แคว้นของอีกฝ่ายเช่นกัน“ถ้าหากข้ารั้งท่านหมอหญิงไว้ให้อยู่ต่อ ดูแลจนหลี่หรูคลอดลูกเล่า”“ไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องอยู่ต่อ การที่ฮูหยินของข้ารักษาคุณหนูหลี่หรูให้แล้วนั้นแล้วก็นับว่าทำตามที่ผู้ลั่นวาจาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้เจ้าจะไม่ไปส่งข้าก็ต้องหาทางพาภรรยากลับอยู่ดี เจ้าคิดหรือว่าคนของเจ้าแค่นี้จะสามารถสกัดกั้นข้าได้ หรือเจ้าอยากลองเปิดศึกสองแคว้น”“ท่านอยากฉีดสัญญาสงบศึกหรือ?” ซย่าเจียวซิ่งรินสุราให้ตนเอง“ข้าย่อมไม่ต้องการทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน เจ้าก็รู้เหมือนที่ข้ารู้ การศึกคราใดผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือชาวบ้านตาดำๆ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการให้เกิดศึกสงคราม ไม่ว่ากับผู้ใดก็ตาม
เพียงริมฝีปากสวยเผยอขึ้น องุ่นปอกเปลือกแล้วก็ถูกส่งเข้าปาก ปลายนิ้วหยาบกระด้างสัมผัสริมฝีปากชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มทอดสายตามองภรรยาสาวที่ช้อนตาขึ้นมองด้วยแววตาทะเล้น บุรุษร่างสูงใหญ่ถึงกับถอนหายใจเบาๆ อาการสิ้นหวังนี้กลับทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะเคี้ยวองุ่นด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่” หญิงสาวหยอกเย้าสามี รู้ว่าเขาอดทนอดกลั้นมากเพียงใด แต่เพราะหลายวันก่อนนางถอนพิษให้หลี่หรูจนร่างกายอ่อนเพลียเป็นลมไป กู้ตงหยางคอยดูแลไม่ห่างแม้นางฟื้นขึ้นยืนยันว่าตัวเองปลอดภัยดี เขาก็ยังคงไม่วางใจจึงหักห้ามใจหากจะร่วมรักกับนางในช่วงเวลานี้ “เจ้าแข็งแรงดีเมื่อใด เราจะเดินทางกลับทันที” “อืม ข้าเชื่อฟังท่าน” หญิงสาวเอนหลังพิงหัวเตียง “ข้าทำตามคำพูดตนเองแล้ว รักษาแม่นางหลี่หรูให้ฟื้นได้สำเร็จ ส่วนเรื่องที่เหลือนนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีกแล้ว” สีหน้ากู้ตงหยางค่อยดีขึ้นเมื่อได้ยินภรรยารักพูดเช่นนั้น หากนางยังดื้อดึงจะอยู่ต่อ เห็นทีเขาคงต้องลักพาตัวภรรยากลับบ้านแล้ว “แท้จริงแล้ว เรื่องโลหิตเป็นยาขับพิษนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าต้องการลองใจรัชทายาท”
“ข้ายินดี ท่านหมอหญิงโปรดใช้เลือดของข้าเถิด” เฉียนฟานกล่าวไร้ความลังเล แววตาที่มองหญิงสาวในวงแขนเต็มไปด้วยความรักและเมื่อเงยหน้าสบตากับหมอหญิง แววตาของเขาก็จริงจังดั่งคำที่กล่าวไป “ดี เช่นนั้นโปรดยื่นแขนของท่านมา” “ได้!” ชายหนุ่มขยับตัวม้วนแขนเสื้อขึ้นยื่นท่อนแขนของตนให้หมอหญิง จ้าวจื่อรั่วโน้มตัวลงมองท่อนแขนกำยำนั้นแล้วพยักหน้ารับ “ท่านยอมรับว่าเด็กในครรภ์แม่นางหลี่หรูเป็นบุตรของท่าน” “นางมีข้าเพียงคนเดียว ข้าเป็นผู้ชั่วช้าที่พรากความบริสุทธิ์ของนาง” เฉียนฟานเอ่ยแล้วสบตากับซยาเจียวซิ่ง “ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจเพียงหลอกนาง เพื่อให้เจ้าเจ็บปวดใจ แต่เมื่อได้รู้จักและใกล้ชิดหรูเอ๋อร์ นางทำให้ข้ารู้ว่าความรักที่แท้เป็นเช่นไร ข้าไม่เคยคิดทอดทิ้งนางเพียงแต่เรื่องราวบานปลายมาถึงจุดนี้เพราะข้าสารภาพเรื่องนี้กับเสด็จแม่ คิดว่าท่านจะช่วยส่งเสริมข้า แต่กลับกลายเป็นว่า...หรูเอ๋อร์ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนข้า เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว แม้เอาชีวิตข้าไปก็ยังไม่สาสมกับความชั่วช้าที่ได้ทำลงไป” โทสะในอกพลันดับลง บุ
รัชทายาทเฉียนฟานเข้ามาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน แม้ภายนอกดูเป็นบุรุษเสเพลแต่หาใช่อ่อนด้อยเรื่องเพลงยุทธ์ ทหารลับของซย่าเจียวซิ่งแม้ฟังเพียงคำสั่งของผู้เป็นนายแต่ก็ไม่กล้าลงมือรุนแรงกับผู้ที่เป็นรัชทายาทนัก“ช่างกล้านัก มิคิดว่าเจ้าจะกล้ามาเหยียบที่นี้!”ซย่าเจียวซิ่งกัดฟันกรอดแล้วชักกระบี่ออกมาหมายเด็ดชีวิตของเฉียนฟานโทษฐานที่ทำให้หลี่หรูต้องอยู่ในสภาพนี้ มือของเฉียนฟานที่จับกระบี่รับคมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งสั่นระริก เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมบริเวณหน้าผาก เขากัดฟันแน่นไม่ยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ รัชทายาทแม้เป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ไม่เคยลงสนามศึกจริง พละกำลังของตนย่อมด้อยกว่าผู้บัญชาผู้กรำศึกอยู่ชายแดน แววตาของซย่าเจียวซิ่งแดงก่ำราวกับสีโลหิตแต่เฉียนฟานก็ไร้ความหวาดกลัวเพราะเวลานี้ หัวใจของเขาร่ำร้องเพียงต้องการพบหลี่หรูเท่านั้นในขณะที่เรี่ยวแรงของเฉียนฟานถดถอยลงทำให้คมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งเข้าใกล้ใบหน้าเขามากยิ่งขึ้น หินก้อนหนึ่งพุ่งมาปะทะกระบี่ของผู้บัญชาการ ความเร็วและแรงที่ส่งมาถึงกับทำให้กระบี่เปลี่ยน ทิศทางคมกระบี่พ้นใบหน้าของรัชทายาท ดวงตาคมปลาบตวัดมองไปทางผู้ที่เดินเข้ามา“กู้-ตง-หยาง!”
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล