นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
Voir plusนางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่
มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้แนะนำตัวละคร
จ้าวจื่อรั่ว : อายุสิบหกปี ลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าวถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดน
กู้ตงหยาง : อายุยี่สิบสี่ปี ฉายาแม่ทัพปีศาจ
จ้าวเฟยฉี จ้าวเฟยหลิง : น้องชายร่วมมารดาของจ้าวจื่อรั่ว
เฉียวฉู่ : บุตรสาวของเฉียวโจว เจ้าเมืองต้าเหลียง
สับเปลี่ยนเจ้าสาว
จ้าวจื่อรั่วนั่งอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง เจ้าบ่าวไม่ได้มาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว หลังเสร็จสิ้นพิธีต่างๆ เขาก็หายไป แรกทีเดียวนางเข้าใจว่าเขาคงไปดื่มสุรากับเหล่าทหารของเขา ทว่านางนั่งรอจนฟ้าใกล้สางแล้วจึงมั่นใจว่าเขาไม่กลับเข้ามาอย่างแน่นอน
ช่างเถิด จะว่าเขาก็ไม่ได้
ฮ่องเต้มีราชโองการให้หญิงสาวสกุลจ้าวแต่งงานกับแม่ทัพแดนใต้นามกู้ตงหยาง เดิมทีคนที่ต้องแต่งงานควรเป็นบุตรสาวจากภรรยาเอก แต่ชื่อเสียงของแม่ทัพแดนใต้ที่แสนเหี้ยมโหดและต้องเดินทางมาใช้ชีวิตชายแดนอันแสนห่างไกล ฮูหยินใหญ่ไม่สามารถตัดใจยกลูกสาวแสนรักให้ออกเรือนได้ บิดาผู้เป็นเสนาบดีก็เห็นดีเห็นชอบกับความคิดของฮูหยิน จึงสับเปลี่ยนเจ้าสาวให้นางซึ่งเป็นลูกของอนุเดินทางมาแต่งงานกับแม่ทัพกู้ตงหยาง
นางเดินทางมาเพื่อแลกกับชีวิตความเป็นอยู่ของน้องชายอีกสองคน มารดาของนางสิ้นใจหลังคลอดน้องชายคนเล็กได้ไม่นานนัก นางจึงเป็นทั้งพี่สาวและแม่ ยามนี้เพื่อให้น้องชายมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามที่ฮูหยินใหญ่รับปาก นางจึงยอมเดินทางไกลเพื่อเป็นเจ้าสาวของแม่ทัพปีศาจ-กู้ตงหยาง
เดือนทางแรมรอนมาหนึ่งเดือน ว่าที่เจ้าบ่าวดูไม่ยินดียินร้ายกับเจ้าสาวที่ถูกสับเปลี่ยนตัวนัก ในราชโองการก็ไม่ได้ระบุชื่อตัว การที่สกุลจ้าวส่งนางมาแต่งงานก็ไม่เรียกว่าผิดอันใด แต่แน่นอนว่าชื่อเสียงพี่สาวของนางนั้น เป็นหญิงงามเป็นหนึ่งในเมืองหลวง คงทำให้กู้ตงหยางไม่พอใจที่ได้เห็นสตรีไร้ชื่อเสียงและหน้าตาแสนธรรมดาอย่างนาง พิธีแต่งงานก็จัดแบบไม่ได้ใส่ใจนัก คล้ายงานสังสรรค์ดื่มสุราของเหล่าทหารเสียมากกว่า ขันทีที่ติดตามมาจากเมืองหลวงก็ดูเพียงว่าแม่ทัพกู้รับนางไว้เรียบร้อยแล้วรีบกลับโดยเร็ว
บางทีนางคิดว่าตนฝันไป แค่ลืมตาก็อยู่ที่จวนสกุลจ้าว แต่ยามนี้นางรู้แล้วว่า มันคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
จ้าวจื่อรั่วเลิกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวด้วยตนเอง แต่เพราะนั่งนานจึงเมื่อยขาอยู่บ้าง นางยื่นมือทุบขาตัวเองให้หายเมื่อยก่อนลุกขึ้นยืนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเป็นเพียงลูกอนุจึงไม่มีสาวใช้ข้างกาย เดินทางจากเมืองหลวงก็มีเพียงสินเดิมติดตัวมาเล็กน้อย เวลานี้ไม่มีใครปรนนิบัติดูแลก็ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด
วันเวลาผ่านมา
ใครเลยจะคิดว่า…
นางเข้าจวนเข้ามาครึ่งเดือนยังไม่พบหน้าเขา
แต่เมื่อแม่ทัพใหญ่กลับเข้ามา ก็มาพร้อมกับหญิงสาวนางหนึ่ง ได้ยินบ่าวไพร่พูดคุยกันว่า ท่านแม่ทัพไปล้อมทลายรังโจร ยึดทรัพย์สินที่โจรปล้นไปกลับมาด้วย และหนึ่งในของมีค่าคือหญิงงามที่ถูกฉุดมา
แม้เขาไม่ได้ออกคำสั่งกับนางโดยตรง แต่ให้พ่อบ้านมารายงานเพื่อให้นางจัดห้องพักให้หญิงงามผู้นั้น จ้าวจื่อรั่วเม้มริมฝีปากครุ่นคิดก่อนเอ่ยปากให้จัดห้องพักใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ แม้สั่งการบ่าวไพร่ไปแล้ว แต่นางยังไม่มั่นใจจึงเดินไปดูด้วยตนเอง ทว่าไม่คิดว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะกังวานใส แต่สิ่งที่ทำให้นางไม่กล้าขยับเท้าเข้าไปใกล้ก็คือบุรุษผู้นั้นยืนอยู่ใกล้หญิงงามที่อยู่ในชุดสีแดงสดใส
"ท่านแม่ทัพ ที่นี่สวยมาก ข้าชอบมาก” หญิงงามพูดพลางหมุนตัวไปมา กระโปรงสีแดงสวยพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ ทว่าเท้าของนางเสียหลักเกือบหกล้ม แต่มือใหญ่ของท่านแม่ทัพประคองไว้ได้ทัน
ภาพใกล้ชิดสนิทสนมนี้บาดใจจ้าวจื่อรั่วนัก แต่นางกลับฝืนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบาก่อนยอบกายคาวะแม่ทัพกู้อย่างเต็มพิธี
“จ้าวจื่อรั่วคารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” นางเกรงว่าเขาจะจำหน้านางไม่ได้จึงแนะนำพูดไปเช่นนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพียงเขาปรายตามองเล็กน้อย
“เจ้าเป็นหัวหน้าสาวใช้หรือ?” หญิงงามพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าชื่อเฉียวฉู่”
จ้าวจื่อรั่วสบตากับแม่ทัพหนุ่ม เขาไม่ขยับปากพูดแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ แสดงว่าเขาคงต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจไปเช่นนั้น คิดได้ดังนั้นนางจึงไม่ปริปากพูดสิ่งใดได้แต่ยิ้มน้อยๆ เท่านั้น
“ข้าหิวแล้ว”
“ประเดี๋ยวจะให้คนยกอาหารมาให้” นางเอ่ยเพียงแค่นั้นก็เห็นมือใหญ่ของท่านแม่ทัพประคองหญิงงามเข้าไปด้านในโดยไม่เอ่ยคำพูดใด
“ฮูหยิน ท่าน...”
สาวใช้ในจวนแม่ทัพย่อมต้องดูสีหน้าท่านแม่ทัพเป็นหลัก แต่เห็นภาพเมื่อครู่แล้วก็อดสงสารฮูหยินไม่ได้ แรกๆ บ่าวไพร่ในจวนก็ไม่ค่อยพอใจที่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ส่งหญิงสาวที่ใดไม่รู้มาให้แต่งงานกับท่านแม่ทัพ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันหลายวันเข้าก็รู้สึกว่าฮูหยินผู้นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอันใดนัก หนำซ้ำยังจิตใจดีไม่ข่มเหงบ่าวไพร่ และใช้ชีวิตเรียบง่ายในจวนอย่างเงียบสงบ
“ข้าจะไปดูในครัว เจ้าหาสาวใช้ไว้ที่นี่สักคนเผื่อแม่นางเฉียวฉู่ต้องการเรียกใช้”
จ้าวจื่อรั่วหมุนตัวเดินออกมาอย่างเงียบๆ หากเขาไม่ต้องการให้รู้ว่านางคือ ‘ภรรยา’ นางก็จะอยู่ในที่ๆของตัวเองเงียบๆ ไม่เรียกร้องสิ่งใด ชีวิตลูกอนุอย่างนางก็ไม่เคยอยู่ในสายตาใครอยู่แล้ว.
กู้ตงหยางไม่เคยพบสตรีนางใดใจกล้ายั่วโทสะเขาเช่นนี้มาก่อน ซ้ำยังทำด้วยหน้าตาใสซื่อราวกับเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด! เขาให้นางจัดห้องพักให้แม่นางเฉียวฉู่ ก็จัดห้องนางไว้ใกล้ห้องนอนของเขา
แล้วนี่อะไร เขาสั่งให้บ่าวไพร่เอาสุรารสแรงมาดื่ม แต่นางกลับให้คนนำสุราหวานบ้าบออะไรมา ซ้ำยังอ้างว่าเพื่อรักษาสุขภาพของเขาเห็นเขาเป็นคนป่วยหรือไรกัน หรือตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพไม่คู่ควรกับนาง ขนาดยอมให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเป็นสาวใช้ แม่ทัพใหญ่บันดาลโทสะจนยกมือทุบไปบนโต๊ะอย่างแรง จนทหารที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ถึงกับสะดุ้งโหยง
“นางอยู่ที่ใด”
“นาง?” ทหารสองคนหันมามองหน้ากัน “หมายถึงแม่นางเฉียวฉู่หรือขอรับ?”
“ข้าหมายถึง...”
เอ่อ...ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ
“จ้าวจื่อรั่ว”
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล
ท่านเสนาบดีชาชินกับการรู้ข่าวว่ามีหมอมารักษาบุตรสาว หลายเดือนมานี้ยอมรับว่าความหวังของเขาริบหรี่ ครั้งนี้พ่อบ้านมารายงานเรื่องซย่าเจียวซิ่งเชิญหมอหญิงมารักษาหลี่หรู เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ “ดูแลเรื่องสำรับอาหารให้ดีอย่าให้ขาดตกบ่งพร่อง” “ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านรับคำสั่ง “แล้ว...นายท่านไม่ไปเยี่ยมคุณหนูหรือขอรับ” “ข้าก็เป็นห่วงนาง แต่สภาพนางตอนนี้ก็เหมือนคนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว”เสนาบดีได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่เพราะฮูหยินร่างกายอ่อนแอคลอดบุตรสาวแล้วก็ไร้บุตรให้เขาอีก เขาเลี้ยงดูหลี่หรูดุงประคองในอุ้งมือ มิให้นางต้องกลายเป็นเบี้ยหมากให้ผู้ใด แต่เพื่อปกป้องดวงใจของเขาแล้ว เห็นมีเพียงซย่าเจียวซิ่งที่ปกป้องนางได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าทั้งสองมิได้มีใจให้กัน แต่เขาเชื่อใจว่าซย่าเจียวซิ่งจะดูแลบุตรสาวเขาให้ดีหลายเดือนมานี้เขาเหมือนแก่ขึ้นนับสิบปี ยิ่งพยายามยิ่งถอยห่าง เขาและฮูหยินเคยพูดคุยกัน หากครึ่งปีนี้บุตรสาวยังไม่ตื่นฟื้น...เขาจะลาออกปลดภาระหน้าที่ทั้งหมด อพยพไปแดนใต้ที่อบอุ่น อาศัยช่วงชีวิตสุดท้ายกับครอบครัวซย่าเจียวซิ่งเป็นเพียงคู่หมั้
“แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรข้าจะรับนางเป็นชายา มีนางเป็นหนึ่งเดียวไม่มีหญิงอื่น” นั้นคือสิ่งที่เขาให้สัญญากับหลี่หรูไว้ “มีคนต้องการชีวิตของนาง นางมิได้ล้มป่วยแต่ถูกพิษ” “ถูกพิษ! ฮูหยินของท่านรักษาหรูเอ๋อร์ได้หรือไม่” กู้ตงหยางพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน “เรื่องรักษานางไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินของข้ารักษาสุดความสามารถ ที่นางทำก็เพราะสงสารและสตรีที่ตั้งครรภ์ แต่ที่เมื่อคุณหนูหลี่หรูปลอดภัยดีแล้ว ข้าจะพาฮูหยินของข้ากลับ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดทั้งสิ้น หากมีใครกล้าขัดขวาง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” กู้ตงหยางหมุนตัวเดินออกไปอย่างเงียบเฉียบไร้ร่องรอย ราวกับนี้เป็นบ้านของเขาเอง ด้านนอกคือทหารเวรยามที่หมดสติ อี้ซวนเดินตามหลังแม่ทัพกู้เงียบๆ ทั้งสองใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นบนหลังคาแล้วเตรียมตัวกลับที่พักที่หลบซ่อนของตน “ข้าจะไปหาเมียข้า เจ้าไม่ต้องตามไปก็ได้” “เหอะ! พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวไล่ส่ง” “แต่ก่อนเจ้ามิได้อยากไปอยู่แล้วนี่ หรือเพราะแม่นางซีซวนทำให้เจ้าอยากไป” “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” “เห็นแ
บุรุษหนุ่มกรอกสุราลงคอแล้วขวดสุราทิ้ง เสียงขวดกระเบื้องแตกแต่ไม่มีบ่าวรับใช้คนใดกล้าเข้ามาใกล้ แม้อยู่ในตำหนักหรูหราแต่ไม่ต่างจากกรงขัง “เอาเหล้ามาอีก!” “ฮองเฮารับสั่งห้ามมิให้องค์รัชทายาทดื่มสุราแล้วเพคะ” เสียงหัวเราะขื่นๆดังขึ้น หลังบานประตูมีการเคลื่อนไหว แต่รัชทายาทเฉียนฟานไม่ได้สนใจ สุราหมดไปเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ในเวลานี้เขามีเพียงสุราเท่านั้นที่ช่วยปลอบประโลมความทุกข์ใจ เป็นถึงรัชทายาทแต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดที่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ตามใจ แม้กระทั่งเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ‘ซย่าเจียวซิ่ง’ คนผู้นั้นแค่เอ่ยชื่อก็เหมือนมีคมมีดมากรีดผิว ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดล้วนถูกเปรียบเทียบกับซย่าเจียวซิ่งอยู่เสมอ ทั้งที่เขาเป็นถึงรัชทายาท เป็นโอรสของฮ่องเต้และฮองเฮาแห่งแคว้นหลู่ แต่กลับถูกเปรียบเทียบกับเชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่างซย่าเจียวซิ่ง แรกทีเดียวที่เขาเสนอชื่อคนผู้นั้นในท้องพระโรงส่งไปชายแดนก็เพื่อไปให้ไกลหูไกลตาเขา ทว่าคนผู้นั้นกลับสร้างผลงานยิ่งใหญ่ ปกป้องแคว้นหลี่ทำสัญญาสงบศึกได้สำเร็จ คุณงามความดีใหญ่หลวงชื่อเสียงกระฉ่อน ตำแหน่งของซย่าเจียวซิ่งด้อยกว
ฮูหยินเสนาบดีรีบสาวเท้าเข้ามาที่เรือนของบุตรสาว ทันทีที่บ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้บัญชาการซย่าพาหมอหญิงมารักษาหลี่หรู ชายหนุ่มประสานมือคารวะเมื่อเห็นฮูหยินใหญ่ก้าวมายืนเบื้องหน้า “ฮูหยิน” “คนกันเองไม่ต้องมากพิธี” หญิงวัยกลางคนที่ยังคงผิวพรรณผุดผ่องงดงามมีเพียงแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ “ได้ยินว่าเจ้าพาหญิงหญิงมารักษาหรูเอ๋อร์ของข้า” “ขอรับ” “เชื่อใจได้รึ” นางเป็นห่วงลูก หัวอกคนเป็นแม่ยอมกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อเห็นลูกสาวอยู่ในสภาพนี้ “ข้าเชื่อใจนาง” แม้ได้ยินเช่นนั้นแต่ฮูหยินก็ยังไม่วางในนัก หมายจะเดินเข้าไปด้านในแต่ซีซวนยืนเฝ้าประตูอยู่ขยับเท้าขวางไว้ก่อน “บังอาจ! เจ้าคิดว่าตนเป็นใครจึงมาขวางทางข้าเช่นนี้!” “ขออภัยฮูหยิน” ซีซวนยังคงสวมชุดดำด้วยความเคยชิน “ซีซวนทำตามหน้าที่โปรดฮูหยินให้อภัย” “เหตุใดข้าจะเข้าไปดูลูกสาวข้ามิได้!” “หมอหญิงกำลังทำการรักษา การฝังเข็มต้องใช้สมาธิสูงจึงไม่อาจให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน” “แม้แต่ข้าที่เป็นมารดาข
จ้าวจือรั่วตรวจสมุนไพรที่ซีซวนนำมาแล้วก็พยักหน้ารับอย่างพอใจ นางสบตากับสตรีในชุดดำแล้วก็หยิบตลับยาส่งให้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยื่นมือออกมารับกิริยาดื้อเงียบไม่เกินจากที่จ้าวจือรั่วคาดเดา “ข้าต้องการทดสอบยา เจ้าเข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ” เพราะคำสั่งของผู้บัญชาการคือสั่งให้นางทำตามที่จ้าวจือรั่วสั่ง ซีซวนจึงยอมก้าวเท้ามาด้านหน้า มือเรียวเปิดตลับตาแล้วใช้ปลายนิ้วป้ายขี้ผึ้งเนื้อสีเขียวใสราวหยกเนื้อดีแล้วป้ายบริเวณแผลเป็นของอีกฝ่าย หญิงสาวในชุดดำผงะถอยหลังตามสัญชาตญาณ “อยู่นิ่งๆ” น้ำเสียงราบเรียบไม่เชิงสั่งแต่ทำให้อีกฝ่ายยืนนิ่งได้ ขี้ผึ้งเนื้อเย็นชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกด้วย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยี่ระต่อแผลเป็น แต่เมื่อบาดเจ็บควรรักษา แผลเหล่านี้นานวันเข้าก็สร้างความเจ็บป่วยโดยไม่รู้ตัวได้ เอาล่ะ เจ้าเก็บไว้ ใช้ทุกวันจะช่วยรักษาอาการเจ็บเรื้อรังให้เบาบางลงได้” “เอ่อ...” “ขอบคุณสิ!” ไฉ่หงรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าซีซวนยังยืนนิ่งอยู่ “ไฉ่หงอย่าเสียมารยาท” จ้าวจื่อรั่วดุสาวใช้อายุน้อย ไฉ่หงชะงักไปแล
Commentaires