เสียงลมหายใจของหมอตุลธรดังสม่ำเสมอแล้ว แต่คนที่นอนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงยังนอนไม่หลับ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมให้ผู้ชายขึ้นมานอนบนเตียงด้วย มันดูกล้าและบ้าบิ่นมากแต่ในเมื่อเปิดใจจะคบกับเขาแล้วเธอก็อยากทำทุกๆ วันให้มีความสุข เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าการคบกันครั้งนี้จะจบลงตอนไหน บางทีอาจจะแค่ไม่กี่วันหรืออาจจะนานเป็นปี
เหตุผลที่เธอยอมเปิดใจคบกับหมอตุลธรไม่ใช่เพราะอยากให้เขามาแทนที่คนรักเก่าแต่เพราะคุยกับเขาแล้วรู้สึกว่าทัศนคติและความคิดของเขามันเข้าท่า ตั้งแต่ได้ร่วมงานกันมาเกือบจะสามเดือนเธอยังไม่เคยเห็นเขาโมโห อารมณ์ร้อนหรือชักสีหน้าใส่แม้ว่าบางครั้งจะตรวจคนไข้โดยไม่ได้ทานข้าวแต่เขาก็ยิ้มแย้มอยู่ตลอด สิ่งที่ประทับใจในตัวเขาอีกอย่างก็คือเวลาที่เขาขับรถแล้วมีคนขับปาดหน้า หรือขับแทรกเข้ามาตุลธรก็ไม่เคยหัวเสียหรือสบถสักครั้งมันเลยทำให้เธอรู้สึกดีเพราะปณิชาชอบคนอบอุ่นและใจเย็น
หญิงสาวนอนตะแคงมองใบหน้าของเขาผ่านความมืดไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะมาไม้ไหนแต่ในเมื่อเขายอมที่จะพูดตรงๆ เธอก็ยอมที่จะเปิดใจรับเขาเหมือนกัน
เรื่องของหมอเอกวิทย์ยังค้างคาอยู่ในใจแต่เธอจะพยายามลืมเรื่องราวทุกอย่างเพราะตอนนี้เวลามันก็ผ่านมานานแล้วเขาไปแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว เธอจะจมอยู่กับความรู้สึกในอดีตไปทำไมกัน เมื่อจัดการกับความคิดของตัวเองได้แล้วปณิชาก็ค่อยๆ หลับตาลง
ปณิชาตื่นนอนมาในตอน 6 โมงเช้าเธอรู้สึกว่าวันนี้หมอนข้างที่เคยกอดประจำมันรู้สึกอุ่นกว่าทุกครั้งหญิงสาวซุกกายเข้าหาไออุ่นนั้นขณะที่ตาก็ยังหลับอยู่เพราะเมื่อคืนเธอดื่มกว่าจะนอนก็ค่อนข้างจะดึกมาก
นอนต่อได้ไม่นานเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังแปลกไปจากเดิมทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่นแล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้ตัวเองข้ามฝั่งมากอดอยู่กับหมอตุลธรในขณะที่เจ้าตัวเขานั้นยังหลับอยู่ ปณิชาค่อยขยับออกทีละนิดเพราะกลัวว่าจะทำให้ชายหนุ่มตื่นและถ้าเขารู้ว่าเธอมานอนกอดเขามันก็คงน่าอายมาก
“คิดว่าแอบนอนกอดผมแล้วจะหนีไปง่ายๆ เหรอ”
เสียงทักทายของเขาทำให้หญิงสาวสะดุ้งและรีบขยับตัวออกอย่างรวดเร็วแต่มันก็ช้าไปเมื่อตอนนี้ตุลธรคว้าเธอมากอดไว้แน่น
“ปล่อยเหมยนะคะหมอ”
“ที่อย่างนี้มาบอกให้ผมปล่อยแล้ว เมื่อคืนใครล่ะขยับเข้ามากอดผมเสียแน่นเชียว”
“ใครทำยังงั้นคะเหมยไม่ได้ทำสักหน่อย”
“ไม่รู้ล่ะคุณต้องรับผิดชอบผมนะ เมื่อคืนคุณนอนกอดผมทั้งคืน”
“จะให้เหมยรับผิดชอบอะไรเหรอคะ นี่มันห้องเหมยนะคะหมอตุลย์เอาตัวเองเข้ามาหาเอง แล้วตอนนี้หมอก็ควรกลับห้องได้แล้วค่ะ”
“คุณจะไม่ชดใช้ให้ผมหน่อยเหรอครับ ผมเสียหายนะเหมย” ตุลธรหัวเราะเมื่อเห็นหญิงสาวทำปากย่นใส่
“หมอคะหมอเป็นผู้ชายเหมยเป็นผู้หญิงนะคะ จะพูดแบบนี้ได้ไง”
“อ้าวเดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้หญิงก็มีสิทธิเท่าเทียมกันนะครับ”
“แต่ตอนนี้หมอก็กอดเหมยแล้วเราหายกันแล้วใช่ไหมคะ”
“หายกันก็ได้ครับ แต่ครั้งหน้าคงต้องเสียค่าปรับแล้วนะ”
“ไม่มีครั้งหน้าหรอกค่ะ เหมยจะไม่ยอมใจอ่อนให้หมอมานอนในห้องแบบนี้แน่ๆ วันนี้รีบกลับเถอะค่ะเดี๋ยวไปทำงานสาย”
“ขอกำลังใจก่อนไปทำงานได้ไหม”
หญิงสาวไม่ทันจะได้ตอบเพราะพูดจบเขาก็โน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากสีสวยของหญิงสาวโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มใช้ความประสบการณ์หลอกล่อให้ปณิชาเปิดปากเล็กของเธอให้ปลายลิ้นอุ่นเข้าไปกวาดต้อนความหวาน ปณิชาตอบสนองทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดจนชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นการจูบที่ดีมากจนชายหนุ่มคิดว่ามันเป็นการจูบที่ดีที่สุดที่เขาเคยได้รับพอ
“พอแล้วค่ะหมอ” ปณิชาตั้งสติได้ก็รีบดันตัวเขาออกห่าง
“คุณจูบเก่งเหมือนกันนะเหมย ไม่รู้ว่าอย่างอื่นจะเก่งไหม”
“หมอคะ อย่าลามกแต่”
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะผมหมายถึงคุณจะทำกับข้าวเก่งไหมทำงานเก่งหรือเปล่าต่างหาก”
“หมอเจ้าเล่ห์ตลอดเลย เหมยไล่ตามไม่ทันแล้วนะคะ”
“เอาละผมว่าเรารีบไปทำงานกันดีกว่านะถ้ายังกอดกันอยู่แบบนี้สงสัยว่าวันนี้คงไม่ต้องมีใครไปทำงานกันละ”
“หมอก็รีบไปสิคะนี่มันห้องเหมย”
“ขอจูบอีกทีก่อนไปได้ไหมวันนี้ผมต้องทำงานถึงสองทุ่มเลยนะ แล้วเหมยล่ะ”
“วันนี้เหมยก็ทำถึงสองทุ่มเหมือนกันแต่ไม่ใช่ที่คลินิกนะคะเพราะวันนี้เหมยขึ้นเวรที่โรงพยาบาล”
“ผมลืมไปเลยว่าเย็นนี้ผมต้องทำงานกับพยาบาลอีกคน”
“ใช่ค่ะ เหมยจะไปทำที่คลินิกอีกครั้งก็อาทิตย์หน้าค่ะ”
“เมื่อไหร่คุณจะมาทำกับผมตลอดนะ”
“ถ้าเราเจอกันทุกวันเดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อน”
“เหมยเคยบอกว่าชอบสกินชิพไงครับ”
“คำว่าสกินชิพมันก็ต้องดูกาลเทศะด้วยนะคะ การไปทำงานเราจะสกินชิพไม่ได้”
“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ คนเราถ้ารักกันคบกันไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็แสดงความรักต่อกันได้ครับ”
“เพิ่งบอกว่าชอบเมื่อวานเช้านี้มาพูดถึงความรักแล้วเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ รู้สึกยังไงผมก็บอกอย่างงั้นผมว่าผมหลงรักคุณแล้วแหละ”
“เหมยว่ามันเร็วไปที่หมอจะพูดคำนั้นนะคะ เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่เอง”
“ผมบอกเหมยไปแล้วว่าผมเป็นคนชัดเจนรู้สึกยังไงแบบไหนกับใครก็บอกไปแบบนั้น” ขณะที่พูดอ้อมกอดของเขาเริ่มจะรัดแน่นขึ้น
“เหมยไม่อยากคุยกับหมอแล้วค่ะ หมอรีบไปทำงานนะคะ”
“เช้านี้ผมไปส่งนะ รถเหมยคงยังซ่อมไม่เสร็จใช่ไหมครับ”
“เหมยลืมไปเลยว่ารถเหมยซ่อม หมอไปส่งเหมยตรงป้ายรถเมล์ก็ได้ค่ะ”
“ได้ยังไงล่ะผมต้องไปส่งคุณให้ถึงที่สิ”
“แต่คนอื่นจะเห็น”
“เห็นแล้วยังไงล่ะหรือคุณคิดว่าการคบกันของเราต้องหลบซ่อนใคร”
“เปล่าไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
“ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็ตกลงตามนี้ผมไปส่งคุณและเลิกงานคุณก็รอผมอยู่ที่นั่นปิดคลินิกแล้วผมจะไปหา”
“เผด็จการชัดๆ”
“แล้วชอบไหม”
“ชอบสิได้นั่งรถฟรีๆ ไม่ต้องขับรถให้เหนื่อยเป็นใครจะไม่ชอบ เอาละเหมยจะพูดครั้งสุดท้ายหมอควรจะรีบไปได้แล้วค่ะ”
“โอเคครับผมไปนะบ๊ายบาย” ตุลธรตัวละครอาศัยความว่องไวจุ๊บไปที่แก้มเนียนของหญิงสาวทั้งสองข้างก่อนจะออกไปจากห้อง
เมื่อชายหนุ่มเดินออกไปแล้วปณิชาก็ยังนอนนิ่งอยู่บนที่นอนเธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แต่ถ้าถามว่ารู้สึกผิดไหมที่ตกลงคบกับเขาเธอไม่รู้สึกผิดเลย ตอนนี้หัวใจที่แห้งเหี่ยวของเธอมันกำลังเต้นแรงขึ้น ตุลธรทำให้เธอกลับมามีความสุขอีกครั้ง
ปณิชารีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเดินลงมารอเขาที่ล็อบบี้
“เหมยแต่งตัวเร็วจังผมไปเคาะที่ห้องก็ไม่เจอ”
“แล้วปกติเหมยก็แต่งตัวเร็วแบบนี้แหละค่ะ”
“หมอนั่นแหละช้า”
“ช้าที่ไหนกันล่ะ เอาละรีบขึ้นรถเถอะผมว่าเราไปหาอะไรกินก่อนไปทำงานดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ มื้อไปกินที่โรงอาหารของโรงพยาบาลก็ได้หมอรีบไปเถอะเช้าๆ แบบนี้จะได้ราวน์คนไข้ก่อนออกตรวจOPD”
“เดี๋ยวผมโทรสั่งกาแฟร้านประจำนะแล้วจอดรถเอาได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“เหมยจะกินกาแฟอะไร”
“ขอคาปูชิโน่หวาน 100% ค่ะ”
ตุลธรโทรไปสั่งกาแฟร้านประจำจากนั้นก็รีบขึ้นมานั่งบนรถ
“เหมยกินกาแฟหวาน 100% ไม่กลัวอ้วนเหรอครับ”
“หมอก็เห็นนี่คะว่าวันหนึ่งเหมยต้องทำงานและเดินทั้งวัน”
“จริงสินะ ผมไม่เคยเห็นคุณได้นั่งพักเท่าไหร่เลย แบบนี้ถึงก็เหมือนกับการออกกำลังกายเลยนะ”
“ใช่ค่ะ เหมยถึงไม่เคยออกกำลังกายเพราะในแต่ละวันเหมยก็เดินหลายกิโลแล้วล่ะค่ะ”