วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า
“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง
“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา
“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น
“พี่อยากให้เต็นพักผ่อน นอนซะ”
“ไม่นอนค่ะ ไม่ง่วง พี่โยปล่อยเต็นเถอะนะ เต็นจะออกไปข้างนอก” ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แบบนี้มันใกล้ชิดกันเกินไปแล้ว เธอรับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อแน่นตึงไปทุกสัดส่วนของเขา กลิ่นกายหอมอ่อนๆแบบผู้ชายของเขาทำให้เธอปั่นป่วนมวนท้องไปหมด
“ชู่ว์! อย่าดื้อ พี่จะนอน”
“ก็นอนไปคนเดียวสิคะ เต็นไม่นอนด้วยหรอก” พลอยไพลินพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดแน่นหนา ทว่าคนใจดำไม่ยอมให้เธอทำได้อย่างใจต้องการ
ไม่น่าเลย เธอไม่น่าเดินตามเขาเข้ามาเลย
“ดื้อจริง...” วาโยลืมตาขึ้น เขายิ้มกรุ้มกริ่ม เพิ่มแรงรัดร่างแน่งน้อยที่นอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแน่นขึ้นอีก
“พี่โยปล่อยเต็นก่อนนะคะ เต็นอึดอัด หายใจไม่ออก” เมื่อถูกเขาใช้กำลังที่มีมากกว่ากักกันไว้ในอ้อมกอด พลอยไพลินก็หน้าเสีย เธอยอมอ่อนข้อพูดดีๆกับเขา เพราะหน้าตาของเขาในตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ
“หืม...หายใจไม่ออกเหรอครับ งั้น...พี่ช่วยผายปอดนะ” วาโยพลิกกายขึ้นคร่อมร่างสาวอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากเจนจัดประกบแนบชิดไม่พลาดเป้า ปากนุ่มๆอุ่นๆถูกครอบครองโดยที่เจ้าของมันยังมิทันได้เอ่ยคำห้ามปราม
พลอยไพลินหลับตาปี๋ สองมือดันบ่าของผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้ายไว้สุดแรง หญิงสาวดิ้นยุกยิก พยายามจะพาตัวเองหนีจากการถูกจับผายปอดโดยไม่ได้เต็มใจ ทว่าเรี่ยวแรงของแม่นกกระเต็นน้อยมิอาจต่อกรกับพญาเสือเจ้าเล่ห์ได้ รสจูบหวานซ่านทรวงที่เคยคุ้นชักนำให้เธอติดกับ หลงมัวเมา และเผลอจูบตอบเขาจนได้
วาโยแทบคลั่ง เมื่อสองแขนเรียวยกขึ้นคล้องลำคอแกร่ง น้องจูบตอบอย่างที่เขาพร่ำสอนมาแล้วหลายครั้ง จากผู้นำในคราแรก ตอนนี้วาโยเริ่มรู้สึกว่าตนเป็นผู้ตาม กลีบปากนุ่มๆที่แนบประกบ กับลิ้นเล็กที่เคลื่อนไหวสำรวจตรวจตราอยู่ในอุ้งปากอุ่นร้อน และสองมือบางที่เลื่อนขึ้นนวดคลึงท้ายทอยของเขาเบาๆ กำลังจะทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเอง ชายหนุ่มครางลึกในลำคอ บดเบียดริมฝีปากจูบอย่างดุดัน เธอร้ายกาจขึ้นทุกวัน ร้ายจนเขาต้องกำราบให้รู้ซะบ้างว่าใครคือผู้ที่เหนือกว่าตัวจริง
หวานล้ำจนอยากจะกลืนกินลงท้อง หอมกรุ่นจนมิอาจต้านทานมนตร์เสน่ห์แห่งกายสาว นุ่มละมุนจนอยากกอดเกี่ยวไว้แนบกายตลอดไป...
แม่นกกระเต็นน้อยนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดเสือร้าย โดยมีท่อนแขนแข็งแรงให้หนุนนอนต่างหมอน ใบหน้าน่ารักหงิกงอ หญิงสาวใช้ลิ้นแตะและเลียริมฝีปากล่างเป็นระยะ แม้ไม่ได้ส่องกระจกดู เธอก็รู้ว่ามันบวมอีกแล้ว และต้องมีรอยช้ำด้วยแน่ๆ
“พี่ขอโทษ” น้ำเสียงราวสำนึกผิด ทว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ พลอยไพลินไม่เห็นสีหน้าของเขา และเธอก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองด้วย เธอโกรธ...โกรธความเอาแต่ใจของเขา วันก่อนเพิ่งเตือนไปแหม็บๆ วันนี้เขากลับทำให้ปากเธอเป็นรอยอีกแล้ว
“พูดกับพี่สักคำ อย่าเงียบแบบนี้ พี่ใจไม่ดี” วาโยเชยคางเล็กขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะได้สบตากัน คนโกรธก็สะบัดหน้าหนี เอาหน้าซุกอกกว้าง ไม่ยอมเงยขึ้นมามองเขา
“คราวนี้โกรธจริงเหรอ”
“โกรธจริงทุกทีแหละ แต่พี่โยหน้ามึน ชอบรังแกน้อง” พลอยไพลินว่าเสียงกระเง้ากระงอด
“ก็เต็นน่ารัก พี่อดใจไม่ไหว” วาโยขยับกาย เขากอดยกเอาร่างน้องขึ้นมาให้เธอนอนคว่ำเกยอยู่บนร่างแกร่งของตนทั้งตัว
“พี่โย!” พลอยไพลินทุบเขาไปสองตุ้บ ดวงตาคู่งามจิกมองเขาอย่างเอาเรื่อง
“หลับตา นอนซะ ไม่อย่างนั้นพี่จะจูบอีก” วาโยขู่เสียงเข้ม
พลอยไพลินถอนหายใจออกมาสุดแรง หญิงสาวแนบแก้มลงกับอกอุ่น “กว่างานจะเรียบร้อย เต็นคงเสียเปรียบเป็นกระบุงโกย” เธอยอมอยู่นิ่งให้เขากอด ดีกว่าถูกเขาจูบ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ครองสติได้มากกว่าตอนที่ถูกเขาจูบก็แล้วกัน
“ไม่รู้ว่ามาคุ้มกันอันตราย หรือว่ามาทำอันตรายกันแน่” พลอยไพลินยังบ่นไม่เลิก และบ่นต่ออีกหลายคำ วาโยยิ้มกริ่ม เขาหลับตาลงฟังน้องบ่นอยู่เงียบๆ ถ้าเธอจะบ่นแล้วยอมให้เขากอดไว้แบบนี้ เขายอมนอนฟังเธอบ่นตลอดทั้งวันก็ได้ แต่หลังจากบ่นต่ออีกไม่กี่ประโยค คนที่นอนดึก ตื่นแต่เช้าตรู่ และต้องเดินทางไกลก็ผล็อยหลับไปบนอกกว้าง ลืมเลือนไปเลยว่า เธอเดินตามเขาเข้ามาเพื่อจะต่อว่าต่อขานเรื่องหยากไย่เจ้าปัญหา
วาโยรับรู้ว่าน้องหลับแล้วจากจังหวะลมหายใจสม่ำเสมอ เขาจูบกระหม่อมสาวเบาๆ ริมฝีปากหยักได้รูประบายยิ้มอ่อนโยน ชายหนุ่มพ่นลมหายใจยืดยาว เขาก็อยากหลับเหมือนกัน แต่หลับไม่ลง เพราะตอนนี้เขาตื่นเต็มตา ตื่นมาก ตื่นจนน่าจับหักคอ
“เมียบอกให้นั่งตรงนี้” เพลิงตะวันตอบโต้เสียงแข็ง “กลัวเมียว่างั้น” กวีว่าแล้วยิ้มเยาะ “ไม่ได้กลัว แต่เกรงใจ” “ต่างกันตรงไหนวะครับ คำว่ากลัวกับเกรงใจเนี่ย” กวีถามเสียงกลั้วหัวเราะ “ต่างก็แล้วกันน่า” เพลิงตะวันว่าอย่างหงุดหงิด บอกว่าเกรงใจก็เกรงใจสิ ใครเขาจะกลัวเมียกัน แค่เมียบอกให้มานั่งตรงนี้ ห้ามไปเซ้าซี้ตรงนั้น เขาก็ทำตามเพราะเกรงใจเมีย ไม่ได้กลัวสักหน่อย หนุ่มๆพากันส่ายหน้ากับคำแก้ตัวของคนกลัวเมีย ใครๆต่างก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าเพลิงผู้ห้าวหาญในวันวาน กลับกลายเป็นเพลิงผู้อ่อนโยนและยอมเมียไปทุกอย่าง เหตุผลเดียวที่เขายอมขนาดนี้ก็เพราะกลัวเมียหนี บรรยากาศบ้านไร่ยามเย็น มีสายลมพัดมาเรื่อยๆ อากาศยามตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วเย็นสบาย เด็กๆยังคงวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงบรรดาผู้ใหญ่พูดคุยกันสลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะ ใบหน้าและแววตาทุกคนเปี่ยมไปด้วยความสุข อบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรัก ความผูกพัน ณ ที่แห่งนี้คือ ไร่ภูอิงฟ้
“รักหนูพรรณนะครับ” คำบอกที่ได้ยินทำให้เธอระบายยิ้มหวาน หนูพรรณหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ยอมให้สามีกอดไว้แนบอก พักสักหน่อยก่อนกลับไปหาลูก ตื่นขึ้นมาคราวนี้ เธอก็ได้แต่หวังว่าสามีจะไม่หาเรื่องมาให้เธอลงโทษเขาอีก ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้กลับบ้านกันพอดี ณ ไร่ภูอิงฟ้า วันนี้เพลิงตะวันเป็นเจ้าภาพจัดงานพบปะสังสรรค์ญาติๆขึ้นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน จากเมื่อก่อนที่มีเพียงครอบครัวของพ่อนนท์แม่พราวกับครอบครัวพ่อเพชรแม่กระแตและลูกๆ แต่ตอนนี้สมาชิกเครือญาติได้เพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งลูกหลานรวมกันนับสิบวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บรรดาผู้สูงวัยคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พ่อนนท์ แม่พราว พ่อเพชร แม่กระแต คุณวาทิตนั่งพูดคุยกันอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ส่วนบรรดาคุณแม่ยังสาวหนูพรรณกับกระเต็นช่วยกันดูแลลูกๆหลานๆ หนูจ๋าอุ้มลูกสาววัยแปดเดือนนั่งบนตัก โดยมีพี่ๆเข้ามาหยอกล้อพูดคุยกับน้องตัวเล็กสุดเป็นระยะ กระติ๊บที่ตั้งครรภ์เจ็ดเดือนต้องนั่งอยู่ข้างหนูจ๋า ไม่ได้ลุกไ
กระติ๊บว่าแล้วหัวเราะพอใจ เมื่อคนที่ถูกจัดอันดับให้หล่อน้อยกว่าลูกตีหน้าเศร้า“พ่อหล่อน้อย” เจ้าหนูเพทายพูดเลียนแบบแม่“หล่อน้อย แต่เร้าใจมาก” พบรักว่ายิ้มๆ และยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เมื่อเมียรักมองค้อนเขา“พ่อล้าวววใจ” เจ้าหนูน้อยว่าแล้วหันมายิ้มให้แม่“เอ่อ…”แม่กระติ๊บปั้นหน้าไม่ถูก จึงเลือกที่จะหันกลับไปจิกสายตาดุให้สามี“คุณพบ! ถ้าลูกจำไปพูดให้คนอื่นได้ยินล่ะก็น่าดู”กระติ๊บขู่เสียงเข้ม สะบัดค้อนกลบเกลื่อนความเขินอาย คนบ้า...เร้าจงเร้าใจอะไร ก็แค่ช่วงนี้เธอจับเขากินบ่อยกว่าปกติเท่านั้นเอง แค่นี้ก็เอามาพูดว่าตัวเองเร้าใจชิ!พบรักยิ้มเมื่อเห็นแก้มใสแดงก่ำ ยิ่งเธอมองค้อนกลบเกลื่อนความเขินอายเขาก็ยิ่งยิ้มกว้าง เมียเขาเขินได้น่ารักที่สุดในโลก"พี่วีขา หนูอยากกลับบ้านแล้ว หนูคิดถึงลูก" หนูพรรณบอกคนที่เธอซุกตัวอยู่กับอกเขาด้วยเสียงอ่อนระโหยโรยแรง"สายๆค่อยกลับนะครับ ตอนนี้หนูพรรณควรนอนพักผ่อนสักหน่อย"หนูพรรณถอนหายใจแรง หยิกแผ่นอกของคนที่ทำให้เธอหมดแรง"
วาโยลุกขึ้นนั่งแล้วกางแขนออก ยาหยีและยะหยารีบโผเข้าสู่อ้อมกอดผู้เป็นพ่อ“ลงไปกินข้าวรอคุณแม่นะครับ ให้คุณแม่อาบน้ำแต่งตัวก่อน แล้วเราจะได้ไปหาพี่พุกัน”วาโยอุ้มลูกสาวสองคนลุกขึ้น พี่ชายยูจีนเดินนำหน้าออกจากห้องไปก่อน เจ้าหนูน้อยหันมาบอกคุณแม่ว่า“คุณแม่ครับ อาบน้ำแล้ว อย่าลืมแปรงฟันด้วยนะครับคุณแม่ เดี๋ยวฟันผุ”“ค่ะ”กระเต็นพยักหน้ารับยิ้มๆ เธอมองสามีพาลูกเดินออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เลี้ยงลูกสามคนเหนื่อยมาก และไหนยังจะต้องเอาใจคุณสามีพลังเยอะอีก แต่เธอกลับสุขใจอย่างที่สุด เพราะแม้จะเหนื่อยแค่ไหน การที่ได้เฝ้าดูตัวแทนความรักของเธอกับพี่โยเติบโตขึ้นทุกวัน ทั้งพี่โยก็ตามใจเธอทุกอย่าง เขาดูแลเธออย่างดี ไม่เคยทำให้เธอต้องเสียใจ เท่านี้กระเต็นก็รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกแล้ว“คุณพบขา ติ๊บอยากกินขนมมันทิพย์” กระติ๊บบอกสามี แล้วกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าตาน่าสงสาร เธออยากกินมันทิพย์มากๆ อยากกินจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ หากไม่ได้กิน“พรุ่งนี้ค่อยกินไม่ได้เหรอครับ”“แต่ติ๊บอย
“พี่โยขา” กระเต็นครางกระเส่าเมื่อสามีเลื่อนมือลงกลางหว่างขา นิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปในร่องรักอุ่นลื่น เธอได้ยินเสียงเขาครางหนักแนบเต้าอวบ ก่อนจะเริ่มชักนิ้วเข้าออกในตัวเธอเร็วขึ้น“อ๊ะ! พี่โย อื้อๆ” กระเต็นจับบ่ากว้างสองข้างไว้ เธอจิกเล็บลงบนผิวเนื้อแน่นตึง ขยับสะโพกโยกรับนิ้วที่พร่างพรมในซอกสาวระรัว“เต็น…” วาโยจ้วงนิ้วแทงลึก เขาต้องการส่งน้องไปยังสุดสายปลายทางก่อน ชายหนุ่มเลียลำคอขาวผ่อง ลากไล้ปลายจมูกสูดลมผิวเนื้อนุ่ม เสียงหอบหายใจหื่นกระหายดังประสาน“พี่โยขา อื้อๆ…” ร่างสาวขยับโยกอีกไม่กี่ครั้ง เธอก็กระตุกเฮือก ความสุขสมแตกกระจาย กระเต็นหวีดร้องเบาๆ ก่อนซวนซบใบหน้าลงกับอกกว้าง หญิงสาวหอบหายใจแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทอดถอนใจออกมา แล้วเริ่มคลอเคลียสามี จูบขอบคุณเขา“ทำให้พี่บ้าง” วาโยกระซิบขอน้อง กระเต็นช้อนสายตาขึ้นมองเขา เธอยิ้มยั่วยวน พร้อมกับเลื่อนมือลงไปยังกลางกายหนุ่ม กอบกำเอาความแข็งขึงร้อนระอุที่ผงาดอยู่ใต้น้ำไว้ในมือน้อย ขยับรูดจังหวะเชื่องช้าวาโยตรึงท้ายทอยน้องไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง เขาก้มลงจูบอ่อนหวาน มืออีกข้างกอบกุมทรวงอกอิ่ม บีบคลึงเต็มมื
“รับรองว่าอันใหม่ ใหญ่กว่าอันเดิมแถมออฟชั่นพิเศษเสกได้จริงๆด้วย” กระต่ายน้อยว่าแล้วจับน้องพลิกลงนอนหงายใต้ร่างของตน“พี่กระต่าย!” หนูจ๋าดันบ่ากว้างไว้ด้วยมือสองข้าง คนบ้านี่...เธอกำลังอยู่ในอารมณ์หวานซึ้งละมุนชวนฝันอยู่แท้ๆ แต่เขากลับปรับโหมดเข้าอารมณ์หื่นเสียได้“ชู่ว์! อย่าเอ็ดไป พี่จะเริ่มใช้ไม้กายยะฉิดร่ายมนตร์วิเศษเสกลูกเข้าท้องให้หนูจ๋าอีกสักคน”“อื้อ!” หนูจ๋าหมดสิ้นทางหนี เมื่อพี่ชายจ๋าแสนดีในวันวาน ปิดปากเธอด้วยจูบเร่าร้อนและบทรักดุดัน เธอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา รุกและรับอย่างรู้ใจ เพราะเขาพร่ำสอนมาดี กว่าพี่ชายจ๋าจะใช้ไม้กายยะฉิดประจำตัวร่ายมนตร์ใส่เธอจนพอใจ หนูจ๋าก็อ่อนเปลี้ยเพลียไปทั้งตัว ในห้วงความคิดสุดท้ายก่อนหนูจ๋าจะหลับไปในอ้อมกอดเขา เธอคิดว่า...การพบเจอกันระหว่างเธอกับเขาอาจจะเป็นพรหมลิขิตจริงๆ แต่การอยู่ด้วยกันกับเขาบนเตียงแบบนี้เป็นความหื่นที่ลิขิตโดยเขาล้วนๆ“ขับรถดีๆนะคะ” กระเต็นบอกสามีที่โทรมาบอกว่าทำงานเสร็จแล้ว และกำลังจะขับรถกลับบ้าน ขณะนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เขาต้องอยู่เคลียร์งานให้เสร