LOGINทิซเหนือ - วาริน “อยากมีเงินใช้มั้ย ?” ถ้าผมถูกใจใคร ผมก็จะไม่ลังเลที่จะชักจูงผู้หญิงพวกนั้นด้วยเงิน อย่างที่ผมกำลังยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงตรงหน้า “…คะ ?” ท่าทางซื้อบื้อของเธอดูจะไม่เข้าใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ กับผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะใช้มือโอบเอวเธอเอาไว้แบบหลวมๆ “คะ คุณทิสเหนือคะ” เธอดูจะตกใจมากพอสมควร รีบผลักผมให้ออกห่าง แต่ผมยังคงโอบเอวเธอไว้อยู่ “เรียกฉันว่า คุณเหนือ” “ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…” ผมก้มหน้าลงสูดกลิ่นความหอมตรงซอกคอของเธอ โตขนาดนี้แล้วยังใช้แป้งเด็ก น่าตลกสิ้นดี! “ระ ริน แค่มาฝึกงานค่ะ ไม่ได้ต้องการแบบที่คุณเหนือว่า” เธอปฏิเสธอย่างไม่ใยดีข้อเสนอของผม “เธอไม่สนใจ ?” “มะ ไม่ค่ะ รินขอตัวก่อนนะคะ” เธอดันมือผมที่โอบเอวเธออยู่ออก จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธผมซะด้วยสิ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากได้เธอมาอยู่ในกำมือ อวดเก่งดีนัก!
View MoreTalk วาริน
“รินเป็นอะไรทำไมถึงหน้าซีดขนาดนั้น” พี่เอมท้วงขึ้น ทำให้ฉันมีสติ “ปะ เปล่าๆ ค่ะ” พี่เอมคือรุ่นพี่ในบริษัทที่สอนงานให้กับฉัน ซึ่งตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน “แล้วเอกสารล่ะ ให้คุณเหนือเซ็นหรือยัง” “หะ ให้แล้วค่ะ” “เป็นอะไรหรือเปล่า คุณเหนือพูดอะไรให้ตกใจหรือเปล่า” พี่เอมยังคงย้ำถามด้วยสีหน้าที่เปป็นห่วง “ไม่ค่ะ คุณเหนือไม่ได้พูดอะไร” ฉันปฏิเสธไปอีกครั้งแล้วพยายามทำหน้าให้ดูปกติที่สุด “โอเคๆ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปทำงานแล้วนะ ^_^” “ค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อพี่เอมเดินไปไกลแล้ว จริงๆ ก่อนจะมาฝึกงานที่นี่ฉันก็พอจะได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนมาบ้างแล้วว่า เจ้าของบริษัทนี้ชอบกินกับนักศึกษาฝึกงาน แล้วก็เป็นเสือผู้หญิง แถมยังเป็นผู้ชายที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง มาฝึกงานที่นี่ร่วมเดือน นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้ประจันหน้ากับเจ้าของบริษัทอย่างคุณทิศเหนือ ทำเอาหัวใจแทบจะหยุดเต้น ยิ่งได้ยินคำที่เขาพูดมันยิ่งทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจสวัสดีดีฉันชื่อ วาริน หรือ ริน
ฉันพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อส่งตัวเองเรียนให้จบ และรักษาน้องที่ป่วย ส่วนพ่อกับแม่เสียไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ชีวิตของฉันไม่มีใครนอกจากน้องสาวที่ฉันรักและหวงแหนมากที่สุดเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ฉันก็ต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมน้องสาว
“ทำไมวันนี้ถึงมาเร็วจังละคะ” นาลิน น้องสาวของฉันทักขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใบหน้าของเธอซีดเผือดเหมือนคนไม่มีแรง เวลาที่ฉันมาเยี่ยมน้องฉันก็ต้องใจแข็งปั้นหน้ายิ้ม แต่พอกลับไปบ้านฉันก็มักจะร้องไห้ออกมา ฉันสงสารน้อง อยากให้คนที่ป่วยคือตัวฉันเองมากกว่า “วันนี้รถไม่ค่อยติดน่ะ ^_^” ฉันยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาว “เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ย” นาลินส่ายหน้าไปมาช้าๆ “เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมดเลยพี่ริน” “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็หาย คนเก่งของพี่” “หนูอยากไปโรงเรียนจังเลยค่ะ นอนอยู่แบบนี้มันน่าเบื่อ” “เอาไว้หายดีก่อนนะ ^_^” ฉันนั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวจนกระทั่งนาลินนอนหลับไป ตอนนี้นาลินเรียนอยู่ ม.6 ปีหน้าก็จะขึ้นมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่เธอป่วยออดๆ แอดๆ มาตั้งแต่เด็ก ทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้หนักที่สุด เพราะตอนนี้ก็สองอาทิตย์กว่าแล้วที่นาลินนอนอยู่โรงพยาบาล“ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…”
บ้าที่สุด ทำไมฉันถึงเอาแต่คิดถึงคำพูดของคุณเหนือแบบนี้กัน มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องเก็บมาใส่ใจไม่ใช่หรือไง เขามันคนหัวงู เลิกฟุ้งซ่านสักทีวาริน!10 เดือนผ่านไปตอนนี้ฉันกำลังนอนให้นมลูกอยู่ในห้อง พ่อกับแม่เพิ่งมาเยี่ยมแล้วกลับไปนี่เอง ส่วนพี่ติณเขามีประชุมที่บริษัท น้ำอิงลูกสาวของฉันตอนนี้ได้สิบเดือนแล้ว นั่งได้คลานได้ ตอนนี้กำลังหัดเดินแต่ยังเดินเป็นก้าวๆ ไม่ได้ต้องคอยจับ เวลาพูดอะไรเขาก็จะมองๆ พอเข้าใจบ้าง ยิ่งเวลาดื้อแล้วถูกดุนี่นะมองหาพ่อก่อนเลย พอเห็นพ่อก็จะร้องไห้ใหญ่ เอาแต่ใจใช่เล่นเลยแหละตอนนี้น้ำอิงอ้วนจ้ำม่ำมากๆ เลย เพื่อนๆ ของฉันต่างเอ็นดูความจ้ำม่ำจนต้องแวะเวียนกันมาคอยเล่นกับหลานบ่อยๆ พี่ติณก็ติดลูกมากๆ ตั้งแต่คลอดเขาเอางานมาทำที่บ้าน จะเข้าบริษัทก็แค่ตอนมีประชุม แถมพวกผ้าอ้อมของลูกแล้วก็เสื้อผ้าพี่ติณเป็นคนซักเองหมด ฉันมีหน้าที่แค่นอนให้นมลูกอย่างเดียวเลย พอให้นมลูกสาวของฉันก็หลับคาอก ฉันค่อยๆ ประคองตัวลูกอย่างเบามือเอามานอนที่เปล เป็นเปลไกวแบบไฟฟ้าพี่ติณซื้อเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าไกวเองแล้วฉันจะปวดแขน กริ้ง~ พอเอาลูกนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันรู้ได้ทันทีว่าคนที่โทรมาต้องเป็นพี่ติณแน่ๆ “ลูกหลับแล้วค่ะ” พอรับสายฉันก็รีบกระซิบบอก พี่ติณโทรมาแบบวีดีโอคลอ(ขอดูหน้าลูกหน่อย) เป็นแบบนี้ประจำเวลาที่ออกไปบริษัทถึง
#ภายในห้อง ตกดึกตอนนี้พี่ติณเริ่มงอแงหนักขึ้นเพราะว่าฉันไม่ยอมให้ทำเรื่องบนเตียงจริงๆ “ทำเบาๆ แค่เอาถูๆ ก็ได้” พี่ติณล้มมานอนบนตักของฉันแล้วพูดอ้อน “ไม่ค่ะ” “ถูๆ เองไม่เอาใส่เข้าไป”“หนูบอกว่าไม่เอาไง”“จะเอาๆ” “ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องหนูจะงดไปสองเดือนเลยนะคะ” ฉันยื่นคำขาดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำให้พี่ติณปิดปากเงียบแต่สายตาของเขากำลังมองค้อนฉันอยู่ “ไม่เป็นห่วงลูกเลยหรือไงคะ” “เป็นห่วงแต่พ่อมันก็หิวเป็นเหมือนกัน”“ใช้มือช่วยตัวเองไปก่อนก็ได้”“ไม่ชอบ ชอบทำในตัวเธอมากกว่า” “หนูจะกลับไปอยู่บ้านนะถ้าพี่ติณยังหื่นไม่เข้าเรื่องแบบนี้น่ะ” “ได้ไง แต่งงานกันแล้วนะน้ำมนต์”“ไม่รู้แหละ มันหงุดหงิดนี่คะ” ฉันดันศรีษะของพี่ติณออกจากตักเพื่อแสดงอาการไม่พอใจที่เขานั้นหมกมุ่นเรื่องบนเตียงมากเกินไป “ก็ได้ๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่หมกมุ่น” ฉันหันมองพี่ติณอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ทำได้หรอคะ”“เมียสั่งฉันก็ต้องทำให้ได้”“สามีของหนูน่ารักที่สุดเลยค่ะ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้พี่ติณแต่พอจะแตะตัวเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอก “ฉันจะไปห้องพระ”“ไปทำอะไรที่ห้องพระคะ ?” ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่ติณเข้าห้องพระเลยนะ วันนี้
“ผะ ผม….” อาจารย์หนุ่มแสดงอาการกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด “มานี่!!” พี่ติณจ้องฉันเขม็ง ฉันจึงรีบเดินไปหาเขาทันที จากนั้นพี่ติณก็พูดต่อ “ให้เวลาห้าวินาที รีบไปให้พ้นก่อนที่กูจะยิงมึง” สิ้นสุดคำพูดที่ดุดันของพี่ติณอาจารย์หนุ่มก็รีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาคงกลัวตายมากๆ “อย่ามองหนูแบบนั้นนะ พี่ติณสั่งให้ลูกน้องหาอาจารย์มาสอน หนูไม่ได้เลือกเองสักหน่อย” ฉันรีบบอกเพราะถูกสายตาเอาผิดของพี่ติณจ้องอยู่ “เธอยอมให้มันอยู่ใกล้” “หนูแค่ไม่เข้าใจที่เขาสอน เขาเลยเดินมาบอก”“แล้วต้องใกล้ขนาดนั้น ? กลิ่นตัวหอม ?” พี่ติณกำลังหาเรื่องฉันอยู่ ไม่คิดจะฟังที่พูดเลยหรือไง นิสัยเดิมอีกแล้ว “แต่หนูก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีนะคะ หนูรู้ว่าตัวเองมีสามีแล้ว” “แล้วตอนมันยืนใกล้ๆ ทำไมไม่ลุกหนี ถ้าฉันไม่มาเห็นเธอจะลุกขึ้นหนีมันหรือเปล่า ?”“การลุกหนีมันเสียมารยาทนะคะ อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการลวนลามหนูเลยด้วยซ้ำ”“ฉันไม่ชอบเธอก็รู้”“เปลี่ยนอาจารย์สอนเป็นผู้หญิงให้หมดทุกคนเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายแล้วพี่ติณไม่สบายใจ” “เปลี่ยนแน่!!” ฉันผิดอะไรหรอพี่ติณถึงได้มีท่าทางโกรธมากขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเสีย
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งถึงวันที่สำคัญมากที่สุดของชีวิต เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดอีกวัน วันที่ฉันกับพี่ติณเข้าพิธีแต่งงานกัน เราจัดงานแบบเรียบง่ายเชิญแค่แขกคนสนิท ถึงแม้จะจัดในโรงแรมหรู แต่เราคุยกันแล้วว่าอยากให้บรรยากาศมันอบอุ่นมากกว่ามีคนมากมายพลุกพล่าน ในงานจึงมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นญาติทางฉันและเพื่อนๆ ที่ฉันสนิทเพราะพี่ติณตัวคนเดียว จะมีก็แต่ลูกน้องของเขาที่มาร่วมแสดงความยินดี “เจ้าสาวของฉันทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ” พี่ติณพูดเสียงหวานเมื่อพ่อส่งมอบตัวฉันให้กับเขา “อย่าพูดแบบนั้นสินะหนูเขินนะ” ฉันบิดตัวไปมาเล็กน้อยเพราะความเขินอายเราทั้งคู่เดินไปบนพรมสีขาวสะอาดตา มีคนคอยโปรยกุหลาบตลอดทางที่เดินและมีเพลงคลาสสิคเปิดขึ้นมา บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนที่มาต่างแสดงความยินดีให้เราทั้งคู่จากใจจริง ทำให้งานวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในตอนนี้ฉันกับพี่ติณเราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะครองคู่กันไปชั่วนิจนิรันดร์…. วันต่อมา ฉันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพี่ติณเมื่อวานพ่อกับแม่มาส่ง พ่อร้องไห้ด้วย ฉันเองก็ร้องไห้ รู้สึกว่าแทบไม่ได้อยู
reviewsMore