“รชตครับ เรียกผมอาร์ตก็ได้”
เธอหันมามองเขาก่อนพยักหน้าขึ้นลงไปมา
“ค่ะคุณอาร์ต แล้วเจอกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สอน” แพรพิไลโค้งขอบคุณเขาอย่างสุภาพ
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยให้เธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ขณะที่หัวใจของเขากลับห่อเหี่ยวแปลกๆ
เธอจดจำเขาไม่ได้เลยหรือนี่...
...
‘ขโมย!’
เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากความหลับใหลทันที เขาก้มลงมองที่โคนต้นไม้ เห็นเพียงเด็กหญิงผมเปียในชุดพละกำลังปีนป่ายขึ้นมาทางเขาอย่างคล่องแคล่วราวกับลิง
เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ตามองร่างผอมบางของเด็กหญิงที่ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนกิ่งไม้ตรงข้ามกับเขาได้เป็นผลสำเร็จ ครั้นพอเธอนั่งได้นิ่งดีแล้ว เจ้าตัวก็ตวัดตามองเขาอย่างขุ่นเคือง
‘เป็นถึงพี่มอหกแล้วทำไมริอ่านเป็นขโมย’ ไม่พูดเปล่า เธอกลับชี้หน้าเขาด้วย...กล้าไม่เบา
‘นี่ยายเปี๊ยก พี่ไปขโมยของเราตั้งแต่เมื่อไร’ เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่คนกล่าวหาเขาทำหน้าตายแบมือออกข้างตัวแล้ววาดเป็นรูปครึ่งวงกลม
‘ก็นี่ไง ต้นไม้นี่เขามานั่งเกือบทุกวัน ตรงที่พี่นั่งน่ะที่ประจำเขาเลยนะ แบบนี้ไม่เรียกขโมยแล้วเรียกอะไร’
เห็นเจ้าตัวทำหน้าขึงขังแล้วเขาก็อดขำไม่ได้ เด็กอะไรหน้าตาก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ขี้ตู่ชะมัดยาดเลย
‘ไม่เห็นมีป้ายติดไว้เลยว่าของเรา เราเป็นคนมาปลูกไว้หรือไง นึกว่าต้นไม้ของโรงเรียนเสียอีก แล้วมานั่งตรงนี้ได้แสดงว่าโดดเรียนมาใช่ไหมเนี่ย อยู่ชั้นอะไร อ้อ! มอสามนี่เอง ชื่ออะไรน่ะเรา’ เขาขู่กลับไปพลางมองจุดสามจุดบนปกเสื้อพละของเธอ
‘ตัวเองก็โดดเรียนมาเหมือนกันนั่นแหละ โธ่เอ๊ย...ทำมาเป็นขู่’ เธอเชิดหน้าเล็ก ๆ ขึ้นอย่างจองหอง ทำเอาเขาหลุดหัวเราะขึ้นมาเสียงดังจนได้
บอกตามตรงว่าถูกใจยายตัวเล็กที่พองขนขู่เขาฟ่อ ๆ คนนี้เหลือเกิน
‘อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวคนเขาก็รู้กันหมดว่าตรงนี้มีคนอยู่’ เธอเอานิ้วชี้แนบปากตัวเอง เขาจึงต้องกลั้นหัวเราะเต็มที่
‘ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เสียสละต้นไม้ต้นนี้ให้พี่บ้างได้ไหม ไม่รู้จะไปไหนแล้วเนี่ย’ เขาลองใช้เสียงอ่อนอ้อนดู เห็นเจ้าตัวเล็กทำท่าลำพองเหลือเกินที่พี่มอหกอย่างเขาถึงกับอ้อนวอนก่อนจะพยักหน้ายินยอมอย่างเสียไม่ได้...แสบจริง ๆ
‘ชื่ออะไรหรือเรา พี่ชื่ออาร์ตนะ’ เขาอยากรู้จักเจ้าตัวแสบนี่ขึ้นมาทันที เพราะหากว่ากันตามจริงแล้ว ตึกมัธยมต้นกับมัธยมปลายเรียนแยกกันคนละตึก ยากที่จะมาเจอกันได้
‘ชื่อแพร...เรามาทำสนธิสัญญากันดีกว่า ว่าด้วยเรื่องการใช้สถานที่ลับแห่งนี้’
เขากลั้นขำแทบตายเมื่อเจ้าตัวดีทำราวกับว่านี่คือความลับระดับชาติ แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้ายอมเธอไป เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าอารมณ์เสีย
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เจอกันอาทิตย์ละสองวันเป็นอย่างต่ำ ส่วนใหญ่จะเป็นคาบบ่ายใกล้โรงเรียนเลิก เวลาเจอกันต่างคนต่างก็มีเรื่องเล่าของตนเองมาให้อีกฝ่ายฟัง แต่หากวันไหนใครมาไม่ได้ก็จะต้องมาเสียบกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ ไว้ที่ซอกกิ่งไม้เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าติดทำกิจกรรมหรือติดธุระอย่างอื่น
เขาไม่รู้ว่าความผูกพันมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีเขาก็เฝ้ารอคอยที่จะได้เจอเจ้าตัวแสบของเขาในคาบบ่ายของวันที่นัดหมายเสียแล้ว
แต่ในที่สุด เขากับแพรก็ต้องห่างกันไปจนได้เพราะเขาต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ในขณะที่แพรขึ้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเดิม แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยกลับมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าอีกเลย เขาก็เคยกลับมาบ้าง กลับมายืนใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เคยเป็นที่นัดพบระหว่างเรา แต่ตรงนั้นไม่มีร่างเล็ก ๆ ของแพรอีกแล้ว
อะไรก็คงไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาได้เห็นกับตาว่า เจ้าตัวเล็กของเขาเริ่มมีรุ่นพี่มาติดพัน และเริ่มมีแฟน ตั้งแต่นั้นมา เขาจึงไม่เคยกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าอีก
แพรพิไลกลับมานั่งที่โต๊ะได้ก็รีบกวาดตามองหาครองขวัญอีกครั้ง หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น เอาแต่โทษตัวเองไม่หยุดหย่อนที่มัวแต่พุ่งความสนใจไปกับการเต้นลีลาศกับหนุ่มหล่อเมื่อครู่
ครั้นพอนึกอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินออกไปตรงลานจอดรถทันที เมื่อเห็นรถของครองขวัญยังจอดอยู่ที่เดิมก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“แล้วไป สงสัยคงไปห้องน้ำมั้ง" เธอเดินกลับเข้าไปนั่งที่เดิมอีกครั้ง หยิบค็อกเทลสีฟ้าสวยขึ้นมาจิบพลางมองไปยังฟลอร์ เพราะชุดสีแดงระยิบระยับของครองขวัญกำลังพลิ้วไหวอย่างโดดเด่นเหนือคู่เต้นรำคู่อื่น
คราวนี้คิ้วของแพรพิไลเลิกขึ้น เมื่อเห็นคู่เต้นของครองขวัญอย่างชัดเจน เพราะเขาคือชายหนุ่มที่เพิ่งเต้นกับเธอไปเมื่อครู่ หญิงสาวหยิบกล้องแอบถ่ายในรูปแบบของกุญแจรถขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วกดบันทึกไว้ทันที
เธอนั่งมองทั้งคู่เต้นด้วยกันพร้อมกับปากที่อ้ากว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสังเกตว่าครองขวัญกับรชตดูจะสนิทสนมกันในระดับที่ไม่ธรรมดา เพราะการเต้นลีลาศแต่ละจังหวะ ต่อให้ใกล้ชิดกันแค่ไหนแต่ก็คงไม่ถึงกับ ‘บด’ กันขนาดนี้กระมัง
“หรือว่าจะเป็นคนนี้”
ต้องใช่แน่ ๆ ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นชู้รักของครองขวัญอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะรชตเป็นแค่ครูสอนลีลาศในคลับ ไม่น่าจะมีรายได้มากมายถึงขนาดใส่นาฬิกาเรือนละหลายแสนได้แน่นอน อีกทั้งดูจากเสื้อผ้าและการแต่งตัวของเขาก็ดูมีระดับ เทียบชั้นความไฮโซกับสุกำพลได้เลยทีเดียว
“ไม่น่าเลย หน้าตาก็หล่อดีหรอก” จะว่าไปเธอกลับรู้สึกคุ้นหน้ารชตอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ยิ่งตอนที่เขายิ้มกว้างจนเห็นฟัน เธอก็ยิ่งรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าเคยเห็นใบหน้าอย่างนี้ที่ไหน
ช่างเถอะ! ผู้ชายที่ยิ้มแบบนี้มีถมไป อาจจะเป็นแค่คนหน้าโหลก็ได้
แพรพิไลปัดเรื่องที่รบกวนหัวใจทิ้งไปแล้วหันไปให้ความสนใจกับความสนิทสนมของสองหนุ่มสาวบนฟลอร์เต้นรำ ทั้งคู่นอกจากเต้น ‘บด’ กันแล้วยังกระซิบกระซาบหัวร่อต่อกระซิกกันราวกับคู่รักก็ไม่ปาน ท่าทีผิดกับตอนที่ครองขวัญเต้นกับชายหนุ่มคนก่อนหน้านี้ลิบลับ เพราะกับคนนั้นยังรู้สึกได้ถึงความห่างเหินและเกรงอกเกรงใจ
หญิงสาวหรี่ตาลงอย่างจับผิด...ผู้ชายสมัยนี้มองแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริง ๆ อย่างไรเสียเธอก็ต้องหาทางเข้าใกล้รชตอีกครั้งให้ได้ แล้วแกล้งหย่อนเบ็ดลงไปสักครั้ง อยากรู้จริง ๆ ว่าปลาตัวนี้จะงับกินเบ็ดของเธอหรือเปล่า
ทว่า...ดูเหมือนเบ็ดที่แพรพิไลเตรียมเอาไว้ยังไม่ได้ใช้เสียที เพราะครองขวัญกับรชตยังคงเต้นรำติดพันกันต่ออีกหลายเพลงราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนคนรออย่างเธอเห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน
หัวคิ้วของหญิงสาวเริ่มขมวดเป็นปมอีกครั้งเมื่อรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่สามารถเข้าไปแทรกคู่ของครองขวัญกับรชตได้ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงเมื่อเห็นครองขวัญเลื่อนมือลงไปจับบั้นท้ายของรชตแล้วลูบไล้ไปมา
อืม...ดูเหมือนฝ่ายหญิงจะรอไม่ไหวแล้วแฮะ...เจ๊คนนี้ไฟแรงชะมัด
แพรพิไลอมยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นครองขวัญทำหน้ากระเง้ากระงอดชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างรชต ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพลงจังหวะวอลซ์จบพอดีและกำลังจะขึ้นเพลงใหม่ เธอนึกว่าทั้งสองคนจะต่อกันอีกเพลง ไม่คาดว่าจะมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งเข้าไปคว้าตัวชายหนุ่มมาจากครองขวัญเอาดื้อๆ
“ว้าว...เนื้อหอมเสียด้วย” เธอเอนหลังพิงพนักโซฟา มองดูความสนุกเบื้องหน้าตาแทบไม่กะพริบ หญิงสาวที่มาใหม่อายุน่าจะประมาณสามสิบปลาย ๆ แต่ความสวยและทรงเสน่ห์สูสีเทียบเคียงกันได้กับครองขวัญเลยทีเดียว
น่าเสียดายที่ศึกชิงผู้ชายตรงหน้าไม่ดุเดือดอย่างที่คิด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะความมีหน้ามีตาทางสังคมของครองขวัญที่ต้องรักษา จึงไม่สามารถตบตีเพื่อแย่งชายหนุ่มกันในสถานที่แบบนี้ได้ หากข่าวแพร่สะพัดออกไปภาพลักษณ์ที่ดีงามก็คงไม่มีเหลือ
รชตเริ่มเต้นรำกับหญิงสาวที่มาใหม่ ในขณะที่ครองขวัญกลับไปนั่งที่ของตนเองอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อย ทุกความเคลื่อนไหวของบุคคลทั้งสามไม่อาจรอดพ้นสายตาของแพรพิไลไปได้โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นเป้าหมายอย่างครองขวัญ แต่ระหว่างนั้นแพรพิไลก็เริ่มคิด
หรือว่ารชตจะมีผู้อุปการะถึงสองคน หรือบางทีอาจจะสาม...สี่...ห้า...โอ! ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ชั่วขณะที่เธอเอาแต่มองตามการเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม จู่ ๆ รชตก็หันมามองเธอพร้อมกับโปรยยิ้มหวานละลายใจจนเธอสะดุ้ง
บ้าจริง! อย่ามามองฉันแบบนี้นะ
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ