เจตนิพัทธ์ไปหาพี่ชายที่ห้องทำงานในตอนเที่ยงเพื่ออยากถามสิ่งที่เขาคาใจ
“ว่าไงเจต?”
คิณภัทรถามโดยเหลือบตามองแค่นั้น แล้วก้มดูเอกสารตรงหน้าต่อไป
“พี่ไปหาพราวมาใช่มั้ยเมื่อเช้า?”
“ใช่ ไปอธิบายว่าเป็นความผิดฉันเองไง”
“แล้ว..พราวว่าไงบ้าง?”
“สบายใจได้ ยังไงเธอก็ไม่เลิกกับแกหรอก”
“อธิบายชัดๆหน่อยได้มั้ย?”
“เธอบอกว่าแค่โกรธ ไม่ได้จะเลิก มีอะไรอีกมั้ย? ฉันจะทำงานต่อ”
“แล้วพี่ไม่กินมื้อเที่ยงล่ะ ไปด้วยกันสิ ไหนๆก็ไปหาพราวยังไม่ได้ด้วย กินคนเดียวเหงา”
“พอแกไม่มีใครถึงจะเห็นหัวฉันสินะ ไอ้น้องบ้า”
“สรุปจะไปมั้ย? จะเลี้ยงก็ได้อ่ะ”
”สภาพ..มีตังกี่บาท? แกไปกินเถอะ หัดใช้ชีวิตคนเดียวให้เป็นบ้างสิ ฉันยังเคลียร์งานไม่เสร็จ อีกนานอยู่”
เจตนิพัทธ์เลยออกไปเพียงลำพัง พร้อมกับส่งรูปและข้อความให้พราวตะวันว่าเขากินข้าวอยู่คนเดียว ส่วนเธอที่ออกมากินข้างนอกกับเพื่อนที่ฝึกงานเกิดใจอ่อนสงสารจึงโทรกลับไปหา
“ดีใจจัง พราวยอมโทรมาหาแล้ว”
“ดีแล้วล่ะ จะได้ประหยัดน้ำมันด้วย ไม่ต้องตัวติดกันตลอดก็ได้”
“แต่เจตคิดถึงพราวนะ ขอไปส่งที่บ้านได้มั้ยตอนเลิกงาน?”
“อย่าพึ่งเลย วันนี้จะกลับเอง”
“แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็นเหมือนเดิม?”
“ขอเวลาสักสามสี่วันแล้วกัน อยากตั้งใจฝึกงาน คิดหาลู่ทางว่าเรียนจบต้องทำงานอะไรที่ไหน เจตก็เหมือนกันนะ”
เขาวางสายไปด้วยความคิดที่ว่าแฟนสาวอาจเบื่อที่เขาทำตัวติดกับเธอเหมือนเด็ก ทำให้เริ่มคิดถึงคำพูดของพี่ชายที่ได้เตือนเขาให้คิดจริงจังกับชีวิตได้แล้ว
หลายวันที่เหลือก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ เจตนิพัทธ์จึงทำได้แค่คุยข้อความกับแฟนสาว โดยที่พี่ชายของเขาเองก็ขยันส่งข้อความให้เธอเช่นกัน
คืนวันเสาร์คิณภัทรได้โทรมาหาเธอกลางดึกเพื่อเตือนให้อย่าลืมไปนวดสปาที่เขาซื้อคอร์สชุดใหญ่ไว้ให้
“มันดูหรูมาก พราวไม่เคยไปอะไรแบบนี้เลย จริงๆพี่คิณไม่น่าเสียเงินเป็นหมื่นๆเพื่ออะไรแบบนี้”
“ให้น้องสาวจะเป็นอะไรไป คุณตั้งใจทำงานมากกว่าน้องชายผมอีก ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ผมก็อยากเทคแคร์คุณแทนเจตไง แล้วอย่าลืมใช้โทรศัพท์ใหม่ด้วยนะ เครื่องที่คุณใช้มันเก่าแล้ว”
“ไม่รู้สิคะ ยังไม่ได้แกะกล่องเลย”
“งั้นผมย้ายข้อมูลให้เอามั้ย? ไปรับคุณที่บ้านแล้วไปสปากัน ผมจะนั่งย้ายข้อมูลในโทรศัพท์ให้ คุณก็ทำสปาไป”
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพราวจัดการเอง”
“ทำไม? กลัวผมรู้ว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหนเหรอ? ถ้าผมอยากรู้ไม่ต้องถามคุณตรงๆก็ได้ มีวิธีเยอะแยะไป”
“ค่ะ งั้นก็เจอกันที่สปาเลยแล้วกัน”
ที่โต๊ะอาหารมื้อเช้าของวันอาทิตย์ คิณภัทรหิ้วถุงกอล์ฟลงมาด้วยทำท่าว่าจะไปออกรอบ เหมือนปกติที่เขาชอบไปไดร์ฟกอล์ฟกับเพื่อนบ่อยๆ
“คิณ จะไปตีกอล์ฟหรือลูก? เสียดายตอนเที่ยงแม่นัดกับเพื่อนไปกินข้าวกัน ลูกสาวเค้าสวยด้วยดีกรีจบนอกพึ่งจะกลับมาไทยเนี่ย อยากให้รู้จักกันไว้”
“ชวนเจตไปเถอะครับแม่”
เจตนิพัทธ์ถึงกับวางช้อนแล้วรีบปฏิเสธ
“เจตมีแฟนแล้ว พี่เพี้ยนไปแล้วรึไง”
“ให้ไปเป็นเพื่อนแม่ ไม่ได้ให้ไปดูสาวนี่”
“ไม่ล่ะ แล้วพ่อล่ะครับ?”
“ให้แม่เขาไปเถอะ ขอพักอยู่บ้านดีกว่า”
เจตนิพัทธ์โทรหาแฟนสาวหลังกินข้าวเช้าเสร็จ ก็ได้ความว่าเธอจะออกไปนวดขาเพราะยืนมาทั้งอาทิตย์
“ให้เจตไปเป็นเพื่อนมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอก วันจันทร์ค่อยไปกินข้าวด้วยกันตอนเที่ยงนะ”
“วันจันทร์เที่ยงเจตไปหานะ”
เขาดีใจมากที่เธอให้อภัย ในขณะที่คิณภัทรที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่มีทีท่าใส่ใจอะไรมากนัก เขาถือถุงกอล์ฟและเดินออกไปที่รถ ก่อนจะขับตรงไปรอพราวตะวันที่สปาหรูแห่งนั้น
นาทีที่เห็นเธอลงจากแท็กซี่ ผมยาวสีน้ำตาลเป็นลอนธรรมชาติของเธอทำให้ดูเด็กและน่ารักมาก ยิ่งโดยเฉพาะในชุดเดรสสั้นสีขาวแขนกุดหลวมๆ สะพายกระเป๋าสานใบกำลังพอดี คิณภัทรรีบเดินไปหาเธอที่ดูเกรงๆเขาอยู่
“เข้าไปห้องสปาเลย โทรศัพท์ใหม่เอามาไหม?”
เธอยกมือไหว้เขาพร้อมกับพยักหน้า
“จดไอดีรหัสอะไรให้ผม เดี๋ยวจะทำให้ ย้ายแป็บเดียวก็เสร็จ ผมนั่งกินกาแฟรอได้ หรืออาจทำนวดอะไรฆ่าเวลาด้วย”
พนักงานสาวที่ยิ้มแย้มได้นำน้ำมะตูมและผ้าเย็นมาต้อนรับ แล้วเชิญพราวตะวันให้เข้าไปที่ห้องสปาแบบส่วนตัว ซึ่งข้างในนั้นสวยมาก มีเตียงทำสปา มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในห้องเดียวกัน ซึ่งมีน้ำอยู่เต็มและหอมฟุ้งด้วยกลีบกุหลาบสีแดงมากมายภายในอ่าง
“เชิญทางนี้ค่ะคุณผู้หญิง ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดเลยนะคะ แล้วนอนคว่ำบนเตียงค่ะ เราจะนวดน้ำมันหอมระเหยหนึ่งชั่วโมงแล้วตามด้วยนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทางคุณผู้ชายแฟนของคุณย้ำว่าให้นวดขาเป็นพิเศษเพราะคุณผู้หญิงยืนเป็นเวลานานๆ อีกห้านาทีดิฉันจะเข้ามาค่ะ”
“อ่ะ..เอ่อ..”
พราวตะวันยังไม่ทันได้พูดอะไร พนักงานสาวก็ออกไปก่อน เธอเก็บกระเป๋าไว้ในตู้ มองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง ถึงแม้จะหรูหราสวยงาม แต่การที่ต้องแก้ผ้าในห้องที่เธอไม่คุ้นเคยมันออกจะเขินอยู่สักหน่อย
เธอถอดเสื้อผ้าและชุดชั้นในพับไว้ที่ชั้นแล้วขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียง เอาผ้าขนหนูขนาดกลางปิดช่วงลำตัวไว้ ไม่นานนักพนักงานสาวก็เข้ามาและเริ่มทำการนวดน้ำมันหอมระเหย มีเสียงน้ำตกคลอเบาๆ ทำให้พราวตะวันผ่อนคลายเหมือนตกอยู่ในภวังค์
ผ่านไปได้สามสิบนาที คิณภัทรที่ย้ายข้อมูลโทรศัพท์ของพราวตะวันเสร็จแล้ว เขาได้เปิดประตูห้องสปานั้นอย่างเบามือ พอพนักงานสาวหันมามอง เขาก็ทำท่าว่าไม่ต้องพูดอะไรให้นวดแบบนั้นต่อไป พนักงานสาวได้แค่ยิ้มเพราะเข้าใจว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจึงปล่อยให้คิณภัทรเข้ามานั่งเงียบๆในห้องไปแบบนั้น โดยที่คนถูกนวดไม่รู้ตัวเพราะเคลิ้มหลับไปแล้ว