คิณภัทรกลับไปที่ห้องนอนของเขา นอนก่ายหน้าผากว่าจะโทรหาเธอดีไหม? ถ้าโทรไปเธอจะวีนใส่เขาหรือเปล่า?
เขาตัดสินใจโทรไปซึ่งเธอไม่รับสาย จึงลองโทรอีกครั้งปรากฏว่าโทรไม่ติดอีกเลย ส่งข้อความก็ไม่มีการตอบรับใดๆ
โอ้โห..บล็อกกันเลยเหรอ? เด็ดขาดดีจริงๆ ไม่งั้นก็คงโดนเกลียดเข้าแล้วสินะ…
แต่ทางด้านเจตนิพัทธ์ เขาส่งข้อความหาเธอเพื่องอนง้อขอโทษ พร่ำพรรณนาว่าคิดถึงเธอมากแค่ไหน พราวตะวันตอบมาแค่สั้นๆทำเอาเขาใจแป้ว
“สำนึกผิดก็ดี นอนได้แล้วล่ะ”
สำหรับเขาที่นิสัยไทป์หมาน้อยบวกกับความรักที่คลั่งไคล้ตามประสาวัยรุ่น ทำให้ตัดสินใจคว้ากุญแจรถแล้วออกไป คิณภัทรได้ยินเสียงปิดประตูห้อง จึงรีบเปิดประตูบ้างก็เห็นหลังน้องชายไวๆเดินลงบันไดไป เขารีบเดินตามไปและเอ่ยห้ามเอาไว้
“เจต ยิ่งแกทำแบบนี้ พราวยิ่งหนีแกนะ ปล่อยให้เธออยู่เงียบๆคนเดียวสักพักดีกว่า”
“เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่เคยตัดการติดต่อแบบนี้ อะไรจะให้แค่ส่งข้อความ เราเคยคุยกันว่าจะไม่เงียบมีอะไรต้องคุยกัน”
คิณภัทรอ่อนใจที่เห็นน้องชายอ่อนไหวกับความสัมพันธ์เกินไปจนดูไม่โตเป็นผู้ใหญ่
“นี่มันเป็นเพราะเราสองคนผิดต่อเธอ แล้วมันละเอียดอ่อนกระทบความรู้สึกของผู้หญิง เข้าใจเธอหน่อย แกไปตอนนี้พราวก็จะยิ่งโมโหเปล่าๆ”
“เพราะพี่ไง ไม่มีพี่สักคนไปพูดแบบนั้นจะเกิดเรื่องมั้ย?”
เจตนิพัทธ์หันหลังกลับมาชนเขาอย่างแรงก่อนจะเข้าห้องปิดประตูเสียงดัง จนแม่ของเขาถึงกับออกมาถามไถ่
“คิณเถียงอะไรกับน้องหรือเปล่าน่ะ?”
“คนโปรดของแม่เกิดงี่เง่าขึ้นมาน่ะครับ โดนแฟนงอนแล้วพาลไปหมด ข้าวก็ไม่กิน”
แม่รีบไปเคาะห้องด้วยความเป็นห่วงจนลูกชายคนโปรดยอมเปิดประตู แม่รีบกอดเอวพาลงไปกินข้าว ส่วนคิณภัทรได้แต่กลอกตาบนใส่เบาๆ
พราวตะวันตื่นแต่เช้าเดินออกจากบ้านไปกดเงินสดออกมาแล้วเรียกแท็กซี่ไปที่แกลลอรี่ เนื่องจากเธอมาก่อนเวลาจึงไปแต่งหน้าและสำรวจความเรียบร้อยของชุดในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ พอออกมาก็เจอคนที่เธอไม่อยากเจอยืนพิงกำแพงรออยู่หน้าห้องน้ำหญิง
“เมื่อคืนคุณทำให้น้องชายผมคลั่งไปเลย เขาจะไปหาคุณที่บ้านให้ได้”
พราวตะวันยกมือสวัสดีตามมารยาทโดยไม่ค่อยมองหน้าเขาเท่าไหร่
“พี่คิณมาก็ดีค่ะ พราวอยากคุยธุระด้วยอยู่พอดี”
“เมื่อคืนไม่รับสายผม ข้อความก็ไม่ตอบกลับมา คุณบล็อกเบอร์ผม”
เธอถอนหายใจก้มมองแต่ที่พื้น
“ช่วยรอที่นี่สักครู่ได้มั้ยคะ? เดี๋ยวพราวกลับมาค่ะ”
“มีอะไรเหรอ?”
“พราวไม่อยากคุยต่อหน้าคนอื่นค่ะ”
“งั้นผมไปรอที่มุมเดิมเมื่อวานที่เรานั่งคุยกันนะ”
พราวตะวันพยักหน้ารับแล้วรีบผละไป เธอดูเวลาแล้วยังพอมีเหลืออีกนิดหน่อย
คิณภัทรนั่งรอไม่ถึงห้านาที พราวตะวันที่ดูท่าทางรีบก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นเงินสดให้เขาปึกหนึ่ง
“พราวคืนให้ค่ะ”
“ค่าอะไร? ที่ผมโดเนทให้คุณน่ะเหรอ? โกรธขนาดนั้นเลย? ผมให้ในนามบริษัท ไม่ได้ให้เป็นการส่วนตัว คิดสิ ถ้าผมเอาไปบอกคนอื่นว่าแกลลอรี่นี้พนักงานหยิ่งยโส ใครจะอยากมาสนับสนุนผลงานที่คุณใส่ใจพวกมันล่ะทีนี้”
“พี่คิณ..”
เธอเม้มปากไม่กล้ามองหน้าเขา ได้แต่มองแค่อกกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวนั้นแทน
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณกับเจตผิดใจกัน ผมผิดเองไม่ใช่เขา คุณจะว่าผมโรคจิตก็ได้ไม่ถือสาหรอก ตอนนั้นไม่รู้คิดอะไรอยู่เหมือนกัน อาจจะ..เพราะโกรธที่เจตไม่พาคุณมาทานข้าวกับที่บ้านผมด้วยละมั้ง”
“อย่าพยายามเข้าหาพราวเลยค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
เธอทำท่าจะผละไป แต่เขาคว้ามือเธอที่กำเงินเอาไว้
“ถ้าเลิกกับเจต เปิดใจให้ผมได้ไหม?”
“ฮ่ะ..? พี่คิณรู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา พราวแค่โกรธกับเจต ไม่ได้จะเลิกกันสักหน่อย ถึงเลิกก็คงไม่คบกับพี่คิณหรอกค่ะ มันจะมองหน้ากันไม่ติดไปหมดทุกคน”
“งั้นผมขอแค่ได้อยู่ในชีวิตคุณได้มั้ย? แค่ได้คุยได้เจอบ้าง ถ้าผมตัดใจได้แล้วจะไปเอง”
“ในฐานะเพื่อนหรือพี่ที่รู้จักก็พอได้ค่ะ แต่มากกว่านี้คงให้ไม่ได้”
“โอเค ปลดบล็อกเบอร์ผมด้วยนะ..น้องพราว”
พราวตะวันเดินกำเงินปึกนั้นกลับมาเก็บในกระเป๋า เธอเริ่มต้นเดินไปดูภาพวาดต่อ คิณภัทรเดินผ่านเธอพร้อมกับยิ้มให้ เธอโล่งใจที่เขากลับไปเสียที
คิณภัทรเข้ามาถึงออฟฟิศเลทไปเกือบชั่วโมง พอเดินผ่านห้องของผู้จัดการกองทุนที่น้องชายนั่งทำงานในนั้น เจตนิพัทธ์สังเกตว่าพี่ชายมาทำงานสายทั้งที่ออกจากบ้านไปก่อนเขา ทำให้เดาว่าอาจจะไปหาพราวตะวันที่แกลลอรี่ แต่เพราะติดที่นั่งทำงานอยู่จึงทำอะไรไม่ได้
พราวตะวันกำลังพูดคุยแนะนำภาพให้ลูกค้าอยู่ก็มีข้อความจากคิณภัทร เธอได้แต่ถอนใจเพราะสิ่งที่เขาพูดเอาไว้ จึงต้องยอมปลดบล็อกเบอร์โทรและข้อความเพื่อไม่ให้ทางแกลลอรี่เดือดร้อน
“ผมจะซื้อ voucher ให้คุณไปนวดสปาทุกวันหยุด อาทิตย์แรกยังพอทน แต่คุณต้องฝึกงานสามเดือน เสียดายขาสวยๆจะมีรอยเส้นเลือดขอดหมด ผมจะให้ Messenger ถือไปส่งให้นะ”
ช่วงที่ว่างเธอจึงตอบข้อความเขาไป
“ขอบคุณค่ะ พี่คิณไม่ต้องให้ขนาดนี้ก็ได้นะ”
“มากกว่านี้ก็ให้ได้ น้องสาว”
พอใกล้พักเที่ยงเจตนิพัทธ์ส่งข้อความมาหาถามไถ่ทั่วไปตามประสาซึ่งเธอก็ตอบกลับปกติ ก็พอดีกับมีคนส่งของเข้ามาถามหาเธอ
“คุณพราวตะวันใช่มั้ยครับ นี่ครับของ”
“ขอบคุณค่ะ”
เธอทำหน้าบึ้งไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่เห็น เพื่อนๆที่ฝึกงานด้วยพากันมองด้วยความสนใจ โทรศัพท์รุ่นใหม่ตัวแพงสุดและ Voucher ของสปาสุดหรูอย่าง SO/ SPA AT SO ย่านสาทรใต้ แต่ของพวกนี้ไม่ได้ทำให้พราวตะวันใจอ่อนง่ายขนาดนั้น
ถ้าฉันเลิกกับเจต เขาก็จะตามตื๊อและฉันต้องคอยหนีเขาไปตลอด แต่ถึงจะไม่เลิก เขาก็คอยหาโอกาสแบบนี้เพราะมันอาจตื่นเต้นดีสำหรับเขา แล้วยิ่งไม่รับของอะไรที่ให้มา เขาก็จะทำให้แกลลอรี่นี้และงานที่ฉันรักต้องเดือดร้อน
ผู้หญิงมีมากมายทำไมต้องเป็นฉันด้วย…
คิณภัทรกลับไปที่ห้องนอนของเขา นอนก่ายหน้าผากว่าจะโทรหาเธอดีไหม? ถ้าโทรไปเธอจะวีนใส่เขาหรือเปล่า? เขาตัดสินใจโทรไปซึ่งเธอไม่รับสาย จึงลองโทรอีกครั้งปรากฏว่าโทรไม่ติดอีกเลย ส่งข้อความก็ไม่มีการตอบรับใดๆโอ้โห..บล็อกกันเลยเหรอ? เด็ดขาดดีจริงๆ ไม่งั้นก็คงโดนเกลียดเข้าแล้วสินะ… แต่ทางด้านเจตนิพัทธ์ เขาส่งข้อความหาเธอเพื่องอนง้อขอโทษ พร่ำพรรณนาว่าคิดถึงเธอมากแค่ไหน พราวตะวันตอบมาแค่สั้นๆทำเอาเขาใจแป้ว “สำนึกผิดก็ดี นอนได้แล้วล่ะ”สำหรับเขาที่นิสัยไทป์หมาน้อยบวกกับความรักที่คลั่งไคล้ตามประสาวัยรุ่น ทำให้ตัดสินใจคว้ากุญแจรถแล้วออกไป คิณภัทรได้ยินเสียงปิดประตูห้อง จึงรีบเปิดประตูบ้างก็เห็นหลังน้องชายไวๆเดินลงบันไดไป เขารีบเดินตามไปและเอ่ยห้ามเอาไว้“เจต ยิ่งแกทำแบบนี้ พราวยิ่งหนีแกนะ ปล่อยให้เธออยู่เงียบๆคนเดียวสักพักดีกว่า”“เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่เคยตัดการติดต่อแบบนี้ อะไรจะให้แค่ส่งข้อความ เราเคยคุยกันว่าจะไม่เงียบมีอะไรต้องคุยกัน”คิณภัทรอ่อนใจที่เห็นน้องชายอ่อนไหวกับความสัมพันธ์เกินไปจนดูไม่โตเป็นผู้ใหญ่“นี่มันเป็นเพราะเราสองคนผิดต่อเธอ แล้วมันละเอียดอ่อนกระทบความรู้สึกของผู้หญิง เ
น้ำอุ่นๆร้อนๆทะลักออกมาเมื่อเจตนิพัทธ์เอาแก่นกายที่อ่อนแรงแล้วออกจากช่องทางรักของคนรักสาวสวย แต่เขาก็ยังอ้อยอิ่งอยู่บนร่างกายที่นุ่มนิ่มจนพราวตะวันต้องท้วงขึ้นมา”เจต..เลอะหมดแล้ว ขอพราวไปห้องน้ำหน่อย“”ถ้าไปส่งบ้านแล้ว คืนนี้ออกมาอยู่กับเจตที่นี่ได้ไหม? ใกล้เช้าจะไปส่งกลับบ้านเหมือนเดิม”“แล้วเจตจะไม่กลับบ้านได้ยังไง? บ้าแล้ว”“ไม่มีโอกาสได้อยู่สองคนนานๆเลยอ่ะ อยากกอดอยากได้ทั้งคืน”“เจตยังไม่ตอบพราวเลย ทำไมถึงคาสายให้พี่คิณฟังเรามีอะไรกัน?”“ก็เขาบอกไม่ต้องวาง แล้วตอนนั้นเจตใกล้เสร็จเลยลืมตัวไปหน่อย”คำตอบของเจตนิพัทธ์ทำเอาพราวตะวันแอบช็อกนี่แปลว่า…พี่คิณจงใจอยากฟังคนสองคนร่วมรักกันอย่างนั้นเหรอ? แล้วแฟนฉันก็บ้าจี้ทำตามที่พี่ชายสั่งอีกต่างหาก…พราวตะวันใช้แรงผลักเจตนิพัทธ์ให้ออกจากตัวเธอ พอเธอลุกขึ้นได้ก็กระฟัดกระเฟียด หยิบกางเกงชั้นในไปด้วยแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง ”พราว..ที่รัก ออกมาหน่อยครับ โกรธอะไรอีกแล้วเหรอ?”เขาเคาะประตูห้องน้ำเบาๆเรียกเธออยู่แบบนั้น เงี่ยหูฟังก็ได้ยินแค่เสียงเหมือนอาบน้ำ สักพักพราวตะวันก็เปิดประตูออกมาโดยไม่มองหน้าเขา“พราว…เจตขอโทษ”“ไม่ต้องไปส่
เจตนิพัทธ์ออกจากบริษัทฝ่ารถติดไปที่แกลลอรี่เกือบไม่ทัน เพราะพราวตะวันกำลังจะออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านพอดี“ทำไมเจตเลิกงานไว? แล้วจะมาก็ไม่โทรบอก จริงๆไม่ต้องมารับก็ได้”“โกรธหรือเปล่า?”“คนที่เจตต้องขอโทษคือพี่คิณ พราวจะโกรธทำไมล่ะ ก็แค่เตือนเฉยๆ”เขารู้สึกได้ว่าแฟนสาวมีน้ำเสียงที่แข็ง พูดจาห้วนๆ สีหน้าตึงใส่ ส่วนพราวตะวันที่เก็บความไม่พอใจเรื่องที่เจตนิพัทธ์รับสายพี่ชายแล้วปล่อยให้ได้ยินว่าทั้งสองมีอะไรกันนั้น มันทำให้เธออึดอัดใจแต่ก็ไม่อยากพูด“เจตรู้สึกได้ว่าพราวไม่พอใจ แบบมากๆด้วย คบกันมาสองปี รู้สิ”“มารับกลับบ้านใช่มั้ย? งั้นก็ไปส่งพราว ขอไม่คุยอะไรตอนนี้นะเหนื่อยทั้งวันแล้ว”“โอเค”เขาตอบรับง่ายๆ แล้วคว้ากระเป๋าของเธอมาถือไว้เอง เดินนำไปที่รถและเปิดประตูให้ ระหว่างทางที่ขับรถเจตนิพัทธ์พยายามจับมือเธอแต่ก็โดนดึงมือกลับ “เดี๋ยวเจตโทรหาพี่คิณตอนนี้เลย พูดขอโทษต่อหน้าพราวก็ได้”“พราวไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้นะ เรื่องขอโทษไม่ขอโทษมันเป็นสิ่งที่เจตคิดเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาบอก”“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ? เรามีอะไรก็เปิดอกคุยกันตลอดนะพราว เจตไม่อยากให้เป็นแบบนี้อ่ะ”“ไม่มีอะไรหรอก”พ
พราวตะวันกำลังพูดคุยบรรยายเกี่ยวกับภาพวาดให้กับผู้ที่เข้ามาชมงานศิลป์ โดยไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆเธอ เขาแอบมองความงามนั้นอยู่ห่างๆเพราะทั้งแกลลอรี่นี้ งานศิลปะเดียวที่เขาสนใจคือ เธอ คิณภัทรยืนรอดูอยู่พักใหญ่เพราะพราวตะวันขยันเดินไปเทคแคร์ผู้ที่มาชมผลงาน เธอพูดเก่ง ดูมีพลังงานล้นเหลือ พลอยทำให้เขารู้สึกสดชื่นและไม่เบื่อเลยสักนิด จนกระทั่งเธอว่างแล้วและกำลังหันไปดูรอบๆก็สบสายตากันพอดี“พี่คิณ…”เธอพูดชื่อเขากับตัวเองเบาๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่พึ่งไปทานข้าวด้วยกันมา เธอยืนนิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่เขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา“ตกใจเหรอ? ผมคิดไปคิดมาอยากซื้อภาพเพิ่มสักหน่อยน่ะ”“อ้อ..ค่ะ พี่คิณชอบแนวไหนคะ? เอ่อ..ลองไปดูทางนู้นดีไหมคะ? ราคาไม่สูงมาก เป็นของศิลปินหน้าใหม่แนวร่วมสมัย”“เหนื่อยมั้ย? คุณดูปวดขานะ”“ไม่ค่ะ พราวโอเค สบายมาก”เขาจับแขนเธอดึงเบาๆให้เดินตามมา แต่พราวตะวันขัดขืนนิดหน่อย “พี่คิณคะ พราวอยู่ในเวลางานค่ะ”“ผมเป็นลูกค้านะ คิดว่าผู้จัดการถ้าเห็นคุณอยู่กับผมคงไม่ว่าอะไรหรอก ผมยินดีซื้อภาพพวกนั้นเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ได้อยู่กับคุณนิดหน่อย มาเถอะ“เขาเป
คิณภัทรทำหน้านิ่งหลังจากเจอคำถามของพราวตะวัน จนเธอคิดว่าตัวเองเผลอถามคำถามที่เสียมารยาทใส่เขาทั้งที่พาเธอมาทานข้าว “ขอโทษค่ะ พราวไม่ได้ตั้งใจ ที่พราวถามแบบนี้เพราะเห็นว่าพี่คิณยังไม่ได้ลงหลักปักฐานกับใครเท่านั้นเองค่ะ““ผมไม่ซีเรียสนะ กินต่อเถอะ”แต่ท่าทางของคิณภัทรทำให้เธอรู้ว่าเขาปากไม่ตรงกับใจ ส่วนแฟนหนุ่มของเธอก็ยังคุยเก่งร่าเริงปกติ โดยไม่สนใจพี่ชายที่นั่งก้มหน้าก้มตากินเงียบๆ เมื่อจบมื้อกลางวันที่คิณภัทรรู้สึกกร่อยๆ เขาขับรถไปส่งพราวตะวันกลับไปที่แกลลอรี่ ระหว่างขับรถก็นั่งฟังคู่รักหนุ่มสาวที่นั่งเบาะหลังด้วยกัน คุยหัวเราะต่อกระซิกกันเบาๆตลอดทางเหมือนเขาไม่มีตัวตน “พี่คิณ..ขอบคุณที่มาส่งนะคะ เอ่อ..พราวขอโทษที่ทำให้พี่โกรธด้วยค่ะ”เธอยกมือไหว้เขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง เจตนิพัทธ์จึงรีบพูดเพื่อปกป้องเธอตามประสา“พราวคิดมากไปแล้ว พี่คิณไม่คิดอะไรหรอก เก๊กไปงั้นแหละ ถ้าถามแค่นี้แล้วโกรธก็เกินไปแล้ว รักใครเป็นหรือเปล่าเถอะ”“อือ..ฉันมันไม่มีหัวใจสินะ”คิณภัทรพูดเสียงเนือยๆตอบน้องชายพร้อมกับเหลือบหางตามอง “เจต ทำไมต้องพูดแบบนั้นกับพี่คิณล่ะ พี่เขาทั้งช่วยซื้อภาพวาด ขับรถพาไปทานข้าว ต
สองพี่น้องเดินตามพราวตะวันที่มีพนักงานปลดรูปลงมาแล้วเดินนำไปอีกที เพื่อเอาภาพที่ถูกเลือกนั้นไปห่อด้วย Plastic wrap โดยรอบทั้งกรอบรูป รองมุมทั้งสี่ด้วยโฟมกันกระแทก ตามด้วยใส่กล่องกระดาษเป็นขั้นตอนสุดท้าย คิณภัทรยื่นกุญแจรถให้น้องชาย“เจตพาพนักงานไปที่รถสิ เอาแฟนไปด้วยเลยไหนๆก็ได้เวลาพักเที่ยงพอดี พี่จะจ่ายค่าภาพวาดนี่ก่อน สตาร์ทรถรอได้เลย”พอพวกเขาทั้งหมดไปกันแล้ว เขาจัดการรูดบัตรดำชำระค่าภาพวาดเสร็จ ตามด้วยคุยกับผู้จัดการแกลลอรี่ในอีกเรื่องหนึ่ง“เธอคนที่ขายภาพนี้ ผมต้องการโดเนทให้เธอเป็นการส่วนตัวนอกเหนือจากเปอร์เซ็นที่เธอจะได้”“เอ่อ คุณสามารถติดต่อเธอโดยตรงก็ได้นะคะ ถ้ากรณีให้ด้วยความเสน่หา”“ผมต้องการให้เธอมีกำลังใจในการทำงาน แต่อยากให้ในนามลูกค้าไม่ใช่จากส่วนตัว”“โอเคค่ะ คุณสามารถระบุรายละเอียดได้เลยค่ะ”“ผมจะโดเนทให้เธอเท่ากับราคาภาพในนามบริษัท Innova พวกใบเสร็จใบกำกับภาษีทั้งหมดขอให้ส่งไปที่ฝ่ายบัญชีของบริษัทนะครับ”ทำเอาผู้จัดการตาโตที่เขาให้เยอะขนาดนี้สำหรับนักศึกษาฝึกงาน แม้ราคาภาพวาดจะแค่ 12,000 บาทเท่านั้น“ขอถามได้มั้ยคะว่าอะไรที่ทำให้คุณอยากให้เธอมากขนาดนี้?”“แพชชั่นท