คิณภัทรนั่งดูพราวตะวันที่โดนนวดจนเผลอหลับไปด้วยความเสน่หา กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องบวกกับการนั่งดูพนักงานสาวนวดคลึงร่างกายเธอด้วยน้ำมันจนผิวเงาวาวไปทั่วทั้งตัว เมื่อมาถึงตอนที่พนักงานสาวเอาผ้าขนหนูออกเพื่อนวดแผ่นหลังและสะโพก ก้นกลมที่งอนงามนั้น ทำเอาใจเขาหวาบหวามสุดๆ
สิ่งที่พราวตะวันไม่รู้คือ ห้องสปานี้เป็นแบบ Private Onsen สำหรับคู่รัก จึงมีอ่างแช่ขนาดใหญ่ในห้องด้วยนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าหลังจากนวดเสร็จสองชั่วโมง คิณภัทรได้จ่ายเพิ่มไปอีกหนึ่งชั่วโมงสำหรับการใช้ห้องนี้ต่อ หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่เขานั่งดูเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของพราวตะวัน มันทำให้เขาลืมความผิดชอบชั่วดีไปขณะหนึ่งว่านี่คือ แฟนสาวของน้องชายตัวเอง พนักงานสาวดูเวลาท่าทางบ่งบอกว่าครบสองชั่วโมงแล้ว เขารีบลุกขึ้นทำท่าให้เธอออกไปเงียบๆ “ผมไม่ต้องการปลุกเธอ ให้เธออยู่แบบนั้นส่วนผมจะแช่น้ำอุ่น ครบเวลาพวกเราจะออกไปเอง ถ้าเวลาเกินไปก็คิดเงินเพิ่มได้เลย แต่จริงๆตัดบัตรผมเผื่อไปเลยก็ได้” เขากระซิบคุยกับพนักงานเบาๆก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ไป “จ่ายเพิ่มไปอีกชั่วโมง ตอนจะกลับผมจะไปเอาบัตรคืนที่แคชเชียร์เอง” พนักงานสาวออกไปแล้ว คิณภัทรถอดเสื้อออกไปพาดไว้ที่เก้าอี้ เขาเดินไปใช้มือลูบขาเธอที่นอนคว่ำหลับปุ๋ย ลูบมาจนถึงแก้มก้นซึ่งมองเห็นกลีบกุหลาบงามของเธอได้เลย ก่อนจะก้มมองหน้าพราวตะวันที่หลับตาพริ้ม มือเขาลูบไล้แผ่นหลังของเธอจนพราวตะวันลืมตาขึ้นมา พอเห็นว่าไม่ใช่พนักงานเธอตกใจแทบเสียสติ ยันแขนขึ้นมาหันซ้ายหันขวามองหาผ้าเช็ดตัวซึ่งหายไปจากตัวของเธอแล้ว “ไม่นะ ทำไมทำแบบนี้!” เธอที่ร่างกายเปลือยเปล่ารีบลุกนั่งหันหลังพลางใช้สองแขนปิดหน้าอก คิณภัทรจับไหล่เธอกดให้นอนหงายลงบนเตียง มือข้างหนึ่งปิดปากเธอเอาไว้ แล้วขึ้นไปคร่อมบนตัวเธอทันที “อื้อ…อื้ออ” พราวตะวันพยายามจะแกะมือเขาออกจากปากเธอ ทำให้เปิดเผยหน้าอกที่เปลือยเปล่าให้เขาได้เห็นเต็มตา “ผมไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากใช้เวลาด้วยกันนิดหน่อย” เขายังปิดปากเธออยู่ ส่วนอีกมือก็จับแขนอีกข้างของพราวตะวันกดลงบนเตียง ใช้ร่างกายของเขาทับบนตัวเธอ จนแผ่นอกกว้างที่อบอุ่นนั้นแนบกับหน้าอกอวบอิ่มที่น่าเร้าใจ คิณภัทรซุกไซ้จูบที่คอและไหล่ของพราวตะวันเบาๆ เธอตัวเล็กกว่าเขาจึงสู้หรือขัดขืนได้ยาก น้ำตาเริ่มไหลออกมาเพราะความกลัวจะถูกข่มขืนโดยพี่ชายของแฟนตัวเอง เสียงร้องอู้อี้นั้นทำให้คิณภัทรใจอ่อนเอามือที่ปิดปากเธอออก “พี่คิณคะ ปล่อยพราวไปเถอะ..” “ไม่ทำอะไร สัญญา แค่ไปแช่น้ำอุ่นเป็นเพื่อนสักสามสิบนาทีพอได้ใช่ไหม?” “ไม่เอา…พี่คิณ ให้พราวกลับบ้านเถอะค่ะ” คิณภัทรออกจากที่คร่อมเธอ อุ้มเรือนร่างบอบบางนั้นไปที่อ่างแล้วหย่อนเธอลงไป เขาไม่รอช้าที่จะถอดกางเกงและบ๊อกเซอร์ออกแล้วตามลงไปนั่งในอ่างทันทีโดยไม่รู้สึกอายอะไร กลายเป็นพราวตะวันที่ไม่กล้าลุกขึ้นยืน นั่งกอดเข่าเกาะขอบอ่างหันข้างให้เพราะรู้ว่าเขาโล่งโจ้งจนไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง “คนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมหนึ่งก็คือการแช่น้ำอุ่นหรือที่เรียกว่าเซ็นโตะ ในน้ำอุ่นนั้นอาจมีการนำผลไม้หรือดอกไม้ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มสรรพคุณ กลิ่นและความผ่อนคลาย การแช่จะทำให้ร่างกายได้ปรับสมดุล ขับสารพิษ รับแร่ธรรมชาติที่เป็นประโยชน์เข้ามา แต่ถ้าแช่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการไข้หวัดได้ เพราะแบบนั้นเราแช่แค่ 40 นาทีก็พอ” พราวตะวันนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ตรงกันข้ามกับเขา นั่นยิ่งทำให้รู้สึกว่าเธอดูน่ารักน่าใคร่เป็นพิเศษ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจตถึงหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้” ไม่พูดเปล่า คิณภัทรเหยียดขาไปจนโดนขาของเธอที่นั่งกอดเข่าอยู่ พราวตะวันไม่กล้ามองหน้า เธอกลัวจนตัวสั่นเทา เพราะเกิดมาเธอเคยเห็นเรือนร่างผู้ชายก็เพียงแค่แฟนหนุ่มเท่านั้น “ผมดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” “พี่คิณคิดว่าพราวกลัวพี่เพราะคำขู่ใช่มั้ย? เลยอยากทำอะไรก็ได้ พราวไม่รู้หรอกว่าลูกคนรวยที่นี่มีอิทธิพลแค่ไหน แต่พราวมีพ่ออยู่ฝรั่งเศส พราวเอาเรื่องได้นะถ้าคิดจะทำ” “งั้นพราวก็วิ่งหนีพี่ไปสิคะ หนูนั่งอยู่ทำไมล่ะ?” คำพูดยั่วเย้าเธอทำให้เขาสนุกแต่สำหรับเธอมันไม่ตลก จะให้ฉันลุกขึ้นโดยที่โป๊อยู่ให้เขาจ้องมองร่างกายฉันอย่างนั้นเหรอ…บ้าที่สุด… “ไม่ไปเหรอ?” เขาเอื้อมไปดึงแขนลากเธอมานั่งอยู่ในหว่างขาของเขา แก้มก้นเธอสัมผัสความแข็งแรงที่อยู่กึ่งกลางหว่างขานั้นได้ทันที สองแขนที่กำยำนั้นโอบกอดเธอแน่น “พราวไม่อยากเลิกกับเจต ได้โปรดอย่าทำแบบนี้” “จริงมั้ยที่เจตเป็นคนแรกของหนู? แปลว่าประสบการณ์น้อยมาก เจตสอนอะไรบ้างล่ะ?” นั่นทำให้พราวตะวันหน้าแดงเพราะความอาย พยายามสะบัดตัวออกจากกอดของเขาจนน้ำกระเซ็นออกจากอ่างทั่วไปหมด คิณภัทรถือโอกาสเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสร่องรักของเธอ ทำเอาพราวตะวันหุบขาดิ้นรนรุนแรง “อย่า…พี่คิณ..” “รู้มั้ยว่าพี่โตมาแบบที่ต้องเสียสละให้น้องตลอดเพราะแม่รักเจตมาก เราห่างกันเจ็ดปีกลายเป็นพี่ที่ต้องมีอะไรก็ให้น้องก่อน แต่เจตมันไม่เข้าใจ มองแค่ตอนที่พี่ใช้เงิน ไม่เคยเห็นตอนที่พี่หาว่ามันเหนื่อยยังไง” ปากเขาพูดแต่มือก็ล้วงลึกไม่หยุด นิ้วที่ลูบไล้เขี่ยเบาๆอยู่ข้างในร่องรักนั้นชวนให้เธออ่อนเปลี้ยเหมือนจะหมดแรง “รู้สึกดีมั้ย? ไม่ต้องเกร็งนะ พี่จะทำให้หนูรู้สึกดีแบบที่ไม่ต้องล่วงเกินอะไรเลย” “ที่พี่ทำ..ตอนนี้..ก็..” พราวตะวันตัวงอเป็นกุ้งเพราะนิ้วของเขาบดบี้จุดกระสันของเธอไม่หยุด เขาหยุดทำแล้วจับคางเธอให้หันมาจูบกับเขาแทน พลางจับหน้าอกเธอคลึงเบาๆก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยเล่นที่ยอดอก จนพราวตะวันต้องสะบัดหน้าให้หลุดจากจูบที่ดูดดื่มนั้น “พี่คิณกำลังเล่นเกมอะไรอยู่? พราวเป็นของเจต มันจะไม่มีวันเปลี่ยน แม้เจตจะนิสัยเด็กไปบ้างแต่เขาไม่เคยทรยศใคร” “พี่รักเจตอยู่แล้ว แล้วก็อยากดูแลทุกอย่างที่เป็นของน้องชายพี่ด้วย” เธอทำหน้าว่าไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่คิดแบบนี้ได้ยังไง แต่ไม่ทันจะคิดอะไรได้มากกว่านี้ คิณภัทรรวบขาและโอบเธออุ้มออกจากอ่างน้ำไปพาดที่ขอบเตียงสปา โดยที่เขายืนเอาลำตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเธอจนแก่นกายนั้นทาบสัมผัสกับน้องสาวแสนสวย พราวตะวันพยายามถอยกรูดแต่ก็ไม่ทัน เขาจับแขนเธอสองข้างกดไว้ไม่ให้ถอยไปไหน แล้วก้มลงไปกอดรัดและทับตัวเธอพร้อมกับใช้แท่งเอ็นถูไถในร่องสวาทของเธออยู่แบบนั้น “อื้ออ..อาา พี่คิณ..หยุดก่อนค่ะ..หยุดที ได้โปรด..” “ตั้งแต่วันที่ได้ยินเสียงพราวมีอะไรกับเจตตอนนั้น พี่ไม่เคยลืมมันได้อีกเลย…” ไม่นานนักเคมีทางร่างกายของเธอก็แสดงออกโดยสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์ แท่งเอ็นที่ถูไถแบบนั้นเริ่มลื่นไหลได้สะดวกขึ้น คิณภัทรใช้แขนรั้งขาเธอไว้ข้างหนึ่งโดยที่ตัวเขายังกดทับเธออยู่ “พี่คิณ…” เสียงเธออ่อนแรงลง ร่างกายที่ไม่สามารถต้านทานเขาได้ แถมยังโดนเล้าโลมอย่างเร่าร้อนจนลืมตัวใช้ขาอีกข้างรัดเอวคิณภัทรไว้แน่น เขาเริ่มถูไถเร็วขึ้น เร็วขึ้น… “อาาา น้องพราวว อ๊าาา…” น้ำอุ่นๆร้อนๆพุ่งแรงจนถึงกลางหน้าอกเธอเป็นทางยาว และอีกกองใหญ่บนหน้าท้องที่แบนราบ คิณภัทรหอบหายใจแรง หน้าและริมฝีปากแดงระเรื่อพอๆกับพราวตะวัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสุขสมโดยไม่ต้องโดนล่วงล้ำ ฉันจะทำยังไงดี…ถ้าเจตรู้เข้า… เขาผละไปเอาทิชชูมาเช็ดให้เธอที่ลุกขึ้นนั่งใช้สองแขนพยายามปิดบังหน้าอกอยู่ “เอาแขนออก แบบนี้พี่เช็ดให้ไม่ได้นะ” “พราวจัดการเองค่ะ พอเถอะ..เราไม่น่าทำอะไรแบบนี้เลย ไม่น่ามาที่นี่ตั้งแต่แรก” เธอเอาทิชชูมาเช็ดตัวเองพร้อมกับก้มหน้าเริ่มร้องไห้ เขาจับคางเธอให้เงยขึ้นมาแต่พราวตะวันสะบัดหน้าหนี “ขอให้การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วกันค่ะ ถ้าเจตรู้แล้วอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พราวคงต้องยอมรับมัน” “ไม่ต้องห่วงไปหรอก พี่จะไม่พูดเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายพี่จะรู้สึกยังไง ก็ต้องเป็นคนที่เสียสละให้น้องชายก่อนอยู่ดี ถึงแม้เรื่องนี้พี่จะมาทีหลังก็ตาม” พราวตะวันไม่ต้องการเข้าใจอะไรทั้งนั้น เธอรีบคว้าชุดมาแต่งตัวแล้วคว้ากระเป๋าวิ่งหนีออกไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านทันที โดยลืมโทรศัพท์ทั้งสองเครื่อง คิณภัทรที่แต่งตัวเสร็จพร้อมกับเธอได้ไปเอาบัตรเครดิตที่แคชเชียร์พร้อมกับออกรถและขับตามแท็กซี่นั้นไปทันทีคิณภัทรนั่งดูพราวตะวันที่โดนนวดจนเผลอหลับไปด้วยความเสน่หา กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องบวกกับการนั่งดูพนักงานสาวนวดคลึงร่างกายเธอด้วยน้ำมันจนผิวเงาวาวไปทั่วทั้งตัว เมื่อมาถึงตอนที่พนักงานสาวเอาผ้าขนหนูออกเพื่อนวดแผ่นหลังและสะโพก ก้นกลมที่งอนงามนั้น ทำเอาใจเขาหวาบหวามสุดๆ สิ่งที่พราวตะวันไม่รู้คือ ห้องสปานี้เป็นแบบ Private Onsen สำหรับคู่รัก จึงมีอ่างแช่ขนาดใหญ่ในห้องด้วยนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าหลังจากนวดเสร็จสองชั่วโมง คิณภัทรได้จ่ายเพิ่มไปอีกหนึ่งชั่วโมงสำหรับการใช้ห้องนี้ต่อ หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่เขานั่งดูเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของพราวตะวัน มันทำให้เขาลืมความผิดชอบชั่วดีไปขณะหนึ่งว่านี่คือ แฟนสาวของน้องชายตัวเอง พนักงานสาวดูเวลาท่าทางบ่งบอกว่าครบสองชั่วโมงแล้ว เขารีบลุกขึ้นทำท่าให้เธอออกไปเงียบๆ “ผมไม่ต้องการปลุกเธอ ให้เธออยู่แบบนั้นส่วนผมจะแช่น้ำอุ่น ครบเวลาพวกเราจะออกไปเอง ถ้าเวลาเกินไปก็คิดเงินเพิ่มได้เลย แต่จริงๆตัดบัตรผมเผื่อไปเลยก็ได้”เขากระซิบคุยกับพนักงานเบาๆก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ไป “จ่ายเพิ่มไปอีกชั่วโมง ตอนจะกลับผมจะไปเอาบัตรคืนที่แคชเชียร์เอง”พนักงานสาวออกไปแล้ว คิณภ
เจตนิพัทธ์ไปหาพี่ชายที่ห้องทำงานในตอนเที่ยงเพื่ออยากถามสิ่งที่เขาคาใจ “ว่าไงเจต?”คิณภัทรถามโดยเหลือบตามองแค่นั้น แล้วก้มดูเอกสารตรงหน้าต่อไป“พี่ไปหาพราวมาใช่มั้ยเมื่อเช้า?”“ใช่ ไปอธิบายว่าเป็นความผิดฉันเองไง”“แล้ว..พราวว่าไงบ้าง?”“สบายใจได้ ยังไงเธอก็ไม่เลิกกับแกหรอก”“อธิบายชัดๆหน่อยได้มั้ย?”“เธอบอกว่าแค่โกรธ ไม่ได้จะเลิก มีอะไรอีกมั้ย? ฉันจะทำงานต่อ”“แล้วพี่ไม่กินมื้อเที่ยงล่ะ ไปด้วยกันสิ ไหนๆก็ไปหาพราวยังไม่ได้ด้วย กินคนเดียวเหงา”“พอแกไม่มีใครถึงจะเห็นหัวฉันสินะ ไอ้น้องบ้า”“สรุปจะไปมั้ย? จะเลี้ยงก็ได้อ่ะ””สภาพ..มีตังกี่บาท? แกไปกินเถอะ หัดใช้ชีวิตคนเดียวให้เป็นบ้างสิ ฉันยังเคลียร์งานไม่เสร็จ อีกนานอยู่”เจตนิพัทธ์เลยออกไปเพียงลำพัง พร้อมกับส่งรูปและข้อความให้พราวตะวันว่าเขากินข้าวอยู่คนเดียว ส่วนเธอที่ออกมากินข้างนอกกับเพื่อนที่ฝึกงานเกิดใจอ่อนสงสารจึงโทรกลับไปหา“ดีใจจัง พราวยอมโทรมาหาแล้ว”“ดีแล้วล่ะ จะได้ประหยัดน้ำมันด้วย ไม่ต้องตัวติดกันตลอดก็ได้”“แต่เจตคิดถึงพราวนะ ขอไปส่งที่บ้านได้มั้ยตอนเลิกงาน?”“อย่าพึ่งเลย วันนี้จะกลับเอง”“แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็นเหมือนเดิม?”
คิณภัทรกลับไปที่ห้องนอนของเขา นอนก่ายหน้าผากว่าจะโทรหาเธอดีไหม? ถ้าโทรไปเธอจะวีนใส่เขาหรือเปล่า? เขาตัดสินใจโทรไปซึ่งเธอไม่รับสาย จึงลองโทรอีกครั้งปรากฏว่าโทรไม่ติดอีกเลย ส่งข้อความก็ไม่มีการตอบรับใดๆโอ้โห..บล็อกกันเลยเหรอ? เด็ดขาดดีจริงๆ ไม่งั้นก็คงโดนเกลียดเข้าแล้วสินะ… แต่ทางด้านเจตนิพัทธ์ เขาส่งข้อความหาเธอเพื่องอนง้อขอโทษ พร่ำพรรณนาว่าคิดถึงเธอมากแค่ไหน พราวตะวันตอบมาแค่สั้นๆทำเอาเขาใจแป้ว “สำนึกผิดก็ดี นอนได้แล้วล่ะ”สำหรับเขาที่นิสัยไทป์หมาน้อยบวกกับความรักที่คลั่งไคล้ตามประสาวัยรุ่น ทำให้ตัดสินใจคว้ากุญแจรถแล้วออกไป คิณภัทรได้ยินเสียงปิดประตูห้อง จึงรีบเปิดประตูบ้างก็เห็นหลังน้องชายไวๆเดินลงบันไดไป เขารีบเดินตามไปและเอ่ยห้ามเอาไว้“เจต ยิ่งแกทำแบบนี้ พราวยิ่งหนีแกนะ ปล่อยให้เธออยู่เงียบๆคนเดียวสักพักดีกว่า”“เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่เคยตัดการติดต่อแบบนี้ อะไรจะให้แค่ส่งข้อความ เราเคยคุยกันว่าจะไม่เงียบมีอะไรต้องคุยกัน”คิณภัทรอ่อนใจที่เห็นน้องชายอ่อนไหวกับความสัมพันธ์เกินไปจนดูไม่โตเป็นผู้ใหญ่“นี่มันเป็นเพราะเราสองคนผิดต่อเธอ แล้วมันละเอียดอ่อนกระทบความรู้สึกของผู้หญิง เ
น้ำอุ่นๆร้อนๆทะลักออกมาเมื่อเจตนิพัทธ์เอาแก่นกายที่อ่อนแรงแล้วออกจากช่องทางรักของคนรักสาวสวย แต่เขาก็ยังอ้อยอิ่งอยู่บนร่างกายที่นุ่มนิ่มจนพราวตะวันต้องท้วงขึ้นมา”เจต..เลอะหมดแล้ว ขอพราวไปห้องน้ำหน่อย“”ถ้าไปส่งบ้านแล้ว คืนนี้ออกมาอยู่กับเจตที่นี่ได้ไหม? ใกล้เช้าจะไปส่งกลับบ้านเหมือนเดิม”“แล้วเจตจะไม่กลับบ้านได้ยังไง? บ้าแล้ว”“ไม่มีโอกาสได้อยู่สองคนนานๆเลยอ่ะ อยากกอดอยากได้ทั้งคืน”“เจตยังไม่ตอบพราวเลย ทำไมถึงคาสายให้พี่คิณฟังเรามีอะไรกัน?”“ก็เขาบอกไม่ต้องวาง แล้วตอนนั้นเจตใกล้เสร็จเลยลืมตัวไปหน่อย”คำตอบของเจตนิพัทธ์ทำเอาพราวตะวันแอบช็อกนี่แปลว่า…พี่คิณจงใจอยากฟังคนสองคนร่วมรักกันอย่างนั้นเหรอ? แล้วแฟนฉันก็บ้าจี้ทำตามที่พี่ชายสั่งอีกต่างหาก…พราวตะวันใช้แรงผลักเจตนิพัทธ์ให้ออกจากตัวเธอ พอเธอลุกขึ้นได้ก็กระฟัดกระเฟียด หยิบกางเกงชั้นในไปด้วยแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่พักหนึ่ง ”พราว..ที่รัก ออกมาหน่อยครับ โกรธอะไรอีกแล้วเหรอ?”เขาเคาะประตูห้องน้ำเบาๆเรียกเธออยู่แบบนั้น เงี่ยหูฟังก็ได้ยินแค่เสียงเหมือนอาบน้ำ สักพักพราวตะวันก็เปิดประตูออกมาโดยไม่มองหน้าเขา“พราว…เจตขอโทษ”“ไม่ต้องไปส่
เจตนิพัทธ์ออกจากบริษัทฝ่ารถติดไปที่แกลลอรี่เกือบไม่ทัน เพราะพราวตะวันกำลังจะออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านพอดี “ทำไมเจตเลิกงานไว? แล้วจะมาก็ไม่โทรบอก จริงๆไม่ต้องมารับก็ได้” “โกรธหรือเปล่า?” “คนที่เจตต้องขอโทษคือพี่คิณ พราวจะโกรธทำไมล่ะ ก็แค่เตือนเฉยๆ” เขารู้สึกได้ว่าแฟนสาวมีน้ำเสียงที่แข็ง พูดจาห้วนๆ สีหน้าตึงใส่ ส่วนพราวตะวันที่เก็บความไม่พอใจเรื่องที่เจตนิพัทธ์รับสายพี่ชายแล้วปล่อยให้ได้ยินว่าทั้งสองมีอะไรกันนั้น มันทำให้เธออึดอัดใจแต่ก็ไม่อยากพูด “เจตรู้สึกได้ว่าพราวไม่พอใจ แบบมากๆด้วย คบกันมาสองปี รู้สิ” “มารับกลับบ้านใช่มั้ย? งั้นก็ไปส่งพราว ขอไม่คุยอะไรตอนนี้นะเหนื่อยทั้งวันแล้ว” “โอเค” เขาตอบรับง่ายๆ แล้วคว้ากระเป๋าของเธอมาถือไว้เอง เดินนำไปที่รถและเปิดประตูให้ ระหว่างทางที่ขับรถเจตนิพัทธ์พยายามจับมือเธอแต่ก็โดนดึงมือกลับ “เดี๋ยวเจตโทรหาพี่คิณตอนนี้เลย พูดขอโทษต่อหน้าพราวก็ได้” “พราวไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้นะ เรื่องขอโทษไม่ขอโทษมันเป็นสิ่งที่เจตคิดเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาบอก” “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ? เรามีอะไรก็เปิดอกคุยกันตลอดนะพราว เจตไม่อยากให้เป็นแบบนี้อ่ะ” “ไม่มี
พราวตะวันกำลังพูดคุยบรรยายเกี่ยวกับภาพวาดให้กับผู้ที่เข้ามาชมงานศิลป์ โดยไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆเธอ เขาแอบมองความงามนั้นอยู่ห่างๆเพราะทั้งแกลลอรี่นี้ งานศิลปะเดียวที่เขาสนใจคือ เธอ คิณภัทรยืนรอดูอยู่พักใหญ่เพราะพราวตะวันขยันเดินไปเทคแคร์ผู้ที่มาชมผลงาน เธอพูดเก่ง ดูมีพลังงานล้นเหลือ พลอยทำให้เขารู้สึกสดชื่นและไม่เบื่อเลยสักนิด จนกระทั่งเธอว่างแล้วและกำลังหันไปดูรอบๆก็สบสายตากันพอดี“พี่คิณ…”เธอพูดชื่อเขากับตัวเองเบาๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่พึ่งไปทานข้าวด้วยกันมา เธอยืนนิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่เขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา“ตกใจเหรอ? ผมคิดไปคิดมาอยากซื้อภาพเพิ่มสักหน่อยน่ะ”“อ้อ..ค่ะ พี่คิณชอบแนวไหนคะ? เอ่อ..ลองไปดูทางนู้นดีไหมคะ? ราคาไม่สูงมาก เป็นของศิลปินหน้าใหม่แนวร่วมสมัย”“เหนื่อยมั้ย? คุณดูปวดขานะ”“ไม่ค่ะ พราวโอเค สบายมาก”เขาจับแขนเธอดึงเบาๆให้เดินตามมา แต่พราวตะวันขัดขืนนิดหน่อย “พี่คิณคะ พราวอยู่ในเวลางานค่ะ”“ผมเป็นลูกค้านะ คิดว่าผู้จัดการถ้าเห็นคุณอยู่กับผมคงไม่ว่าอะไรหรอก ผมยินดีซื้อภาพพวกนั้นเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ได้อยู่กับคุณนิดหน่อย มาเถอะ“เขาเป