คิณภัทรนั่งดูพราวตะวันที่โดนนวดจนเผลอหลับไปด้วยความเสน่หา กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้องบวกกับการนั่งดูพนักงานสาวนวดคลึงร่างกายเธอด้วยน้ำมันจนผิวเงาวาวไปทั่วทั้งตัว เมื่อมาถึงตอนที่พนักงานสาวเอาผ้าขนหนูออกเพื่อนวดแผ่นหลังและสะโพก ก้นกลมที่งอนงามนั้น ทำเอาใจเขาหวาบหวามสุดๆ
สิ่งที่พราวตะวันไม่รู้คือ ห้องสปานี้เป็นแบบ Private Onsen สำหรับคู่รัก จึงมีอ่างแช่ขนาดใหญ่ในห้องด้วยนั่นเอง ซึ่งหมายความว่าหลังจากนวดเสร็จสองชั่วโมง คิณภัทรได้จ่ายเพิ่มไปอีกหนึ่งชั่วโมงสำหรับการใช้ห้องนี้ต่อ หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่เขานั่งดูเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของพราวตะวัน มันทำให้เขาลืมความผิดชอบชั่วดีไปขณะหนึ่งว่านี่คือ แฟนสาวของน้องชายตัวเอง พนักงานสาวดูเวลาท่าทางบ่งบอกว่าครบสองชั่วโมงแล้ว เขารีบลุกขึ้นทำท่าให้เธอออกไปเงียบๆ “ผมไม่ต้องการปลุกเธอ ให้เธออยู่แบบนั้นส่วนผมจะแช่น้ำอุ่น ครบเวลาพวกเราจะออกไปเอง ถ้าเวลาเกินไปก็คิดเงินเพิ่มได้เลย แต่จริงๆตัดบัตรผมเผื่อไปเลยก็ได้” เขากระซิบคุยกับพนักงานเบาๆก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้ไป “จ่ายเพิ่มไปอีกชั่วโมง ตอนจะกลับผมจะไปเอาบัตรคืนที่แคชเชียร์เอง” พนักงานสาวออกไปแล้ว คิณภัทรถอดเสื้อออกไปพาดไว้ที่เก้าอี้ เขาเดินไปใช้มือลูบขาเธอที่นอนคว่ำหลับปุ๋ย ลูบมาจนถึงแก้มก้นซึ่งมองเห็นกลีบกุหลาบงามของเธอได้เลย ก่อนจะก้มมองหน้าพราวตะวันที่หลับตาพริ้ม มือเขาลูบไล้แผ่นหลังของเธอจนพราวตะวันลืมตาขึ้นมา พอเห็นว่าไม่ใช่พนักงานเธอตกใจแทบเสียสติ ยันแขนขึ้นมาหันซ้ายหันขวามองหาผ้าเช็ดตัวซึ่งหายไปจากตัวของเธอแล้ว “ไม่นะ ทำไมทำแบบนี้!” เธอที่ร่างกายเปลือยเปล่ารีบลุกนั่งหันหลังพลางใช้สองแขนปิดหน้าอก คิณภัทรจับไหล่เธอกดให้นอนหงายลงบนเตียง มือข้างหนึ่งปิดปากเธอเอาไว้ แล้วขึ้นไปคร่อมบนตัวเธอทันที “อื้อ…อื้ออ” พราวตะวันพยายามจะแกะมือเขาออกจากปากเธอ ทำให้เปิดเผยหน้าอกที่เปลือยเปล่าให้เขาได้เห็นเต็มตา “ผมไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากใช้เวลาด้วยกันนิดหน่อย” เขายังปิดปากเธออยู่ ส่วนอีกมือก็จับแขนอีกข้างของพราวตะวันกดลงบนเตียง ใช้ร่างกายของเขาทับบนตัวเธอ จนแผ่นอกกว้างที่อบอุ่นนั้นแนบกับหน้าอกอวบอิ่มที่น่าเร้าใจ คิณภัทรซุกไซ้จูบที่คอและไหล่ของพราวตะวันเบาๆ เธอตัวเล็กกว่าเขาจึงสู้หรือขัดขืนได้ยาก น้ำตาเริ่มไหลออกมาเพราะความกลัวจะถูกข่มขืนโดยพี่ชายของแฟนตัวเอง เสียงร้องอู้อี้นั้นทำให้คิณภัทรใจอ่อนเอามือที่ปิดปากเธอออก “พี่คิณคะ ปล่อยพราวไปเถอะ..” “ไม่ทำอะไร สัญญา แค่ไปแช่น้ำอุ่นเป็นเพื่อนสักสามสิบนาทีพอได้ใช่ไหม?” “ไม่เอา…พี่คิณ ให้พราวกลับบ้านเถอะค่ะ” คิณภัทรออกจากที่คร่อมเธอ อุ้มเรือนร่างบอบบางนั้นไปที่อ่างแล้วหย่อนเธอลงไป เขาไม่รอช้าที่จะถอดกางเกงและบ๊อกเซอร์ออกแล้วตามลงไปนั่งในอ่างทันทีโดยไม่รู้สึกอายอะไร กลายเป็นพราวตะวันที่ไม่กล้าลุกขึ้นยืน นั่งกอดเข่าเกาะขอบอ่างหันข้างให้เพราะรู้ว่าเขาโล่งโจ้งจนไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง “คนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมหนึ่งก็คือการแช่น้ำอุ่นหรือที่เรียกว่าเซ็นโตะ ในน้ำอุ่นนั้นอาจมีการนำผลไม้หรือดอกไม้ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มสรรพคุณ กลิ่นและความผ่อนคลาย การแช่จะทำให้ร่างกายได้ปรับสมดุล ขับสารพิษ รับแร่ธรรมชาติที่เป็นประโยชน์เข้ามา แต่ถ้าแช่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการไข้หวัดได้ เพราะแบบนั้นเราแช่แค่ 40 นาทีก็พอ” พราวตะวันนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่ตรงกันข้ามกับเขา นั่นยิ่งทำให้รู้สึกว่าเธอดูน่ารักน่าใคร่เป็นพิเศษ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจตถึงหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้” ไม่พูดเปล่า คิณภัทรเหยียดขาไปจนโดนขาของเธอที่นั่งกอดเข่าอยู่ พราวตะวันไม่กล้ามองหน้า เธอกลัวจนตัวสั่นเทา เพราะเกิดมาเธอเคยเห็นเรือนร่างผู้ชายก็เพียงแค่แฟนหนุ่มเท่านั้น “ผมดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” “พี่คิณคิดว่าพราวกลัวพี่เพราะคำขู่ใช่มั้ย? เลยอยากทำอะไรก็ได้ พราวไม่รู้หรอกว่าลูกคนรวยที่นี่มีอิทธิพลแค่ไหน แต่พราวมีพ่ออยู่ฝรั่งเศส พราวเอาเรื่องได้นะถ้าคิดจะทำ” “งั้นพราวก็วิ่งหนีพี่ไปสิคะ หนูนั่งอยู่ทำไมล่ะ?” คำพูดยั่วเย้าเธอทำให้เขาสนุกแต่สำหรับเธอมันไม่ตลก จะให้ฉันลุกขึ้นโดยที่โป๊อยู่ให้เขาจ้องมองร่างกายฉันอย่างนั้นเหรอ…บ้าที่สุด… “ไม่ไปเหรอ?” เขาเอื้อมไปดึงแขนลากเธอมานั่งอยู่ในหว่างขาของเขา แก้มก้นเธอสัมผัสความแข็งแรงที่อยู่กึ่งกลางหว่างขานั้นได้ทันที สองแขนที่กำยำนั้นโอบกอดเธอแน่น “พราวไม่อยากเลิกกับเจต ได้โปรดอย่าทำแบบนี้” “จริงมั้ยที่เจตเป็นคนแรกของหนู? แปลว่าประสบการณ์น้อยมาก เจตสอนอะไรบ้างล่ะ?” นั่นทำให้พราวตะวันหน้าแดงเพราะความอาย พยายามสะบัดตัวออกจากกอดของเขาจนน้ำกระเซ็นออกจากอ่างทั่วไปหมด คิณภัทรถือโอกาสเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสร่องรักของเธอ ทำเอาพราวตะวันหุบขาดิ้นรนรุนแรง “อย่า…พี่คิณ..” “รู้มั้ยว่าพี่โตมาแบบที่ต้องเสียสละให้น้องตลอดเพราะแม่รักเจตมาก เราห่างกันเจ็ดปีกลายเป็นพี่ที่ต้องมีอะไรก็ให้น้องก่อน แต่เจตมันไม่เข้าใจ มองแค่ตอนที่พี่ใช้เงิน ไม่เคยเห็นตอนที่พี่หาว่ามันเหนื่อยยังไง” ปากเขาพูดแต่มือก็ล้วงลึกไม่หยุด นิ้วที่ลูบไล้เขี่ยเบาๆอยู่ข้างในร่องรักนั้นชวนให้เธออ่อนเปลี้ยเหมือนจะหมดแรง “รู้สึกดีมั้ย? ไม่ต้องเกร็งนะ พี่จะทำให้หนูรู้สึกดีแบบที่ไม่ต้องล่วงเกินอะไรเลย” “ที่พี่ทำ..ตอนนี้..ก็..” พราวตะวันตัวงอเป็นกุ้งเพราะนิ้วของเขาบดบี้จุดกระสันของเธอไม่หยุด เขาหยุดทำแล้วจับคางเธอให้หันมาจูบกับเขาแทน พลางจับหน้าอกเธอคลึงเบาๆก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยเล่นที่ยอดอก จนพราวตะวันต้องสะบัดหน้าให้หลุดจากจูบที่ดูดดื่มนั้น “พี่คิณกำลังเล่นเกมอะไรอยู่? พราวเป็นของเจต มันจะไม่มีวันเปลี่ยน แม้เจตจะนิสัยเด็กไปบ้างแต่เขาไม่เคยทรยศใคร” “พี่รักเจตอยู่แล้ว แล้วก็อยากดูแลทุกอย่างที่เป็นของน้องชายพี่ด้วย” เธอทำหน้าว่าไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่คิดแบบนี้ได้ยังไง แต่ไม่ทันจะคิดอะไรได้มากกว่านี้ คิณภัทรรวบขาและโอบเธออุ้มออกจากอ่างน้ำไปพาดที่ขอบเตียงสปา โดยที่เขายืนเอาลำตัวเข้าไปกลางหว่างขาของเธอจนแก่นกายนั้นทาบสัมผัสกับน้องสาวแสนสวย พราวตะวันพยายามถอยกรูดแต่ก็ไม่ทัน เขาจับแขนเธอสองข้างกดไว้ไม่ให้ถอยไปไหน แล้วก้มลงไปกอดรัดและทับตัวเธอพร้อมกับใช้แท่งเอ็นถูไถในร่องสวาทของเธออยู่แบบนั้น “อื้ออ..อาา พี่คิณ..หยุดก่อนค่ะ..หยุดที ได้โปรด..” “ตั้งแต่วันที่ได้ยินเสียงพราวมีอะไรกับเจตตอนนั้น พี่ไม่เคยลืมมันได้อีกเลย…” ไม่นานนักเคมีทางร่างกายของเธอก็แสดงออกโดยสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์ แท่งเอ็นที่ถูไถแบบนั้นเริ่มลื่นไหลได้สะดวกขึ้น คิณภัทรใช้แขนรั้งขาเธอไว้ข้างหนึ่งโดยที่ตัวเขายังกดทับเธออยู่ “พี่คิณ…” เสียงเธออ่อนแรงลง ร่างกายที่ไม่สามารถต้านทานเขาได้ แถมยังโดนเล้าโลมอย่างเร่าร้อนจนลืมตัวใช้ขาอีกข้างรัดเอวคิณภัทรไว้แน่น เขาเริ่มถูไถเร็วขึ้น เร็วขึ้น… “อาาา น้องพราวว อ๊าาา…” น้ำอุ่นๆร้อนๆพุ่งแรงจนถึงกลางหน้าอกเธอเป็นทางยาว และอีกกองใหญ่บนหน้าท้องที่แบนราบ คิณภัทรหอบหายใจแรง หน้าและริมฝีปากแดงระเรื่อพอๆกับพราวตะวัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสุขสมโดยไม่ต้องโดนล่วงล้ำ ฉันจะทำยังไงดี…ถ้าเจตรู้เข้า… เขาผละไปเอาทิชชูมาเช็ดให้เธอที่ลุกขึ้นนั่งใช้สองแขนพยายามปิดบังหน้าอกอยู่ “เอาแขนออก แบบนี้พี่เช็ดให้ไม่ได้นะ” “พราวจัดการเองค่ะ พอเถอะ..เราไม่น่าทำอะไรแบบนี้เลย ไม่น่ามาที่นี่ตั้งแต่แรก” เธอเอาทิชชูมาเช็ดตัวเองพร้อมกับก้มหน้าเริ่มร้องไห้ เขาจับคางเธอให้เงยขึ้นมาแต่พราวตะวันสะบัดหน้าหนี “ขอให้การพบกันครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วกันค่ะ ถ้าเจตรู้แล้วอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พราวคงต้องยอมรับมัน” “ไม่ต้องห่วงไปหรอก พี่จะไม่พูดเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายพี่จะรู้สึกยังไง ก็ต้องเป็นคนที่เสียสละให้น้องชายก่อนอยู่ดี ถึงแม้เรื่องนี้พี่จะมาทีหลังก็ตาม” พราวตะวันไม่ต้องการเข้าใจอะไรทั้งนั้น เธอรีบคว้าชุดมาแต่งตัวแล้วคว้ากระเป๋าวิ่งหนีออกไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านทันที โดยลืมโทรศัพท์ทั้งสองเครื่อง คิณภัทรที่แต่งตัวเสร็จพร้อมกับเธอได้ไปเอาบัตรเครดิตที่แคชเชียร์พร้อมกับออกรถและขับตามแท็กซี่นั้นไปทันทีหลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ชโลทรก็ส่งข้อความมาบอกพราวตะวันว่าอยู่ที่ปารีสกับครอบครัวโบว์ฟัว เพื่อทำงานศิลปะอย่างที่เคยฝันว่าอยากมีแกลลอรี่เป็นของตัวเองบ้าง แต่ช่วงนี้ต้องอาศัยแกลลอรี่ของกาเบรียลเพื่อวางผลงานไปก่อน พราวตะวันตกใจที่แม่ของเธออยู่ร่วมกับพ่อและภรรยาใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ “พ่อทำยังไงถึงโน้มน้าวแม่ได้คะ? เหลือเชื่อมาก”“ก็เพราะพ่อรู้จักเธอดีกว่าใครๆ เผลอๆรู้จักเธอมากกว่าตัวเธอรู้จักตัวเองเสียอีก แล้วก็ต้องให้เครดิตโคลเอ้นะ น้องสาวลูกตีบทแตกไปเลย”พราวตะวันหัวเราะคิก “พ่อเล่าหน่อยสิ”“ไว้ลูกมาที่ปารีสเดี๋ยวก็เห็นว่าโคลเอ้ทำยังไง?”ที่อเมริกาช่วงพักฟื้นได้จบลง คิณภัทรได้กลับมาประเทศไทยอย่างสุขภาพที่ดี จากการพักผ่อนเต็มที่ อาหารที่แม่ของเขาทำเพื่อลูกอย่างถูกสุขอนามัยทุกวัน แม่บอกรักเขา ดูแลและโอบกอดเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาอยากได้มาตลอด ทำให้ช่วงเวลาหนึ่งเดือนเป็นการฟื้นฟูความรู้สึกที่ขาดหายในวัยเด็กด้วยเลยทีเดียวพราวตะวันและเจตนิพัทธ์ที่ใส่ชุดนักศึกษาได้จูงมือกันเข้ามาในบ้าน ก็เจอกับคิณภัทรและแม่ที่บินกลับมาแล้ว“นี่ในบ้านนะ ไม่ต้องกลัวคนหายหรอก”“หายดีก็ปากเหมือนเดิมเลยนะพี่ค
ชโลทรหมดแรงที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคิณภัทรอีกแล้ว“เธอเป็นของคุณ..ดูแลเธอให้ดีก็แล้วกัน..”เธอพูดจบและจะเดินหนีขึ้นข้างบน พราวตะวันรีบเรียกและดึงแขนแม่เอาไว้“แม่!..”“ปล่อยแม่..พราว! รักเขามากกว่าแม่ก็ไปซะ”“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่”“ไม่ใช่แล้วมาปรึกษากันบ้างมั้ย?”“หนูขอโทษค่ะ..”“ให้แม่อยู่คนเดียวซักพักเถอะ ไปสิ..ไปอยู่กับพวกเขา ไปซะ” ชโลทรสะบัดแขนจากลูกสาวแล้วรีบเดินขึ้นไปบนชั้นสองและปิดประตูห้องล็อก คิณภัทรรีบมากอดเธอไม่ให้ตามขึ้นไป เขาจะสู้เพื่อไม่ให้เสียเธอ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นแม่ของเธอหรือใครก็ตาม “พี่คิณ..เอาไงดี?”“แม่ว่าพาหนูพราวไปที่บ้านก่อนดีกว่า บางทีปล่อยให้แม่เค้าคิดอะไรสักพักก่อนนะ”“พราว..ไปกับเรานะ พี่ไม่ได้บอกให้ทิ้งแม่ แต่พี่ไม่อยากให้ทุกคนสุขภาพจิตเสีย เดือนหน้าหนูอาจตั้งท้องแล้ว พี่ห่วงลูก เดี๋ยวพี่จะหาทางมาคุยกับคุณแม่ของพราวอีกที พี่ไม่ยอมแพ้หรอก”“เจตจะไปช่วยเก็บของ แม่กับพี่คิณรอนี่แป็บนึงนะ”เจตนิพัทธ์จับมือพราวตะวันให้ออกจากกอดของคิณภัทร เพื่อไม่ให้เสียเวลา“พราวไม่ไปได้ไหม? ขออยู่ที่นี่กับแม่…”“เชื่อเจตนะ เจตมีวิธี”ทั้งสองขึ้นไปเก็บแค่เสื้อผ้ามาไม่มากร
คุณเจตสุภาตัดสินใจจะไปคุยกับชโลทรที่บ้าน เพราะเจตนิพัทธ์ได้บอกกับทุกคนว่าท่าทางคุณแม่ของพราวตะวันดูสับสนกับสิ่งที่ลูกสาวบอกคร่าวๆ“แม่คิดว่ามีส่วนต้องช่วยรับผิดชอบ เพราะลูกชายของแม่ทั้งสองคนไปอีนุงตุงนังกับลูกสาวของเค้าก่อน อีกอย่างอยากทำอะไรให้ถูกต้อง ไหนๆก็จะเรียนจบอยู่แล้ว”พราวตะวันที่จัดของออกจากกระเป๋าอยู่ พอเห็นสายโทรเข้าจากเจตนิพัทธ์ก็รีบรับสายอย่างกระตือรือร้นทันที “ว่าไงเจต? พราวกำลังเครียดเลย”“เดี๋ยวอีกชั่วโมงนึงเจอกัน ที่บ้านเจตโอเคทุกอย่าง ราบรื่นไม่มีอะไร ไม่ต้องเครียดนะ พวกเราเอาอยู่”“เฮ้อ..ไม่รู้สิ กลัวไปหมด”“เจตจะปกป้องพราวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ช่าง เราต้องได้อยู่ด้วยกัน”วันนี้ชโลทรลางานจากมหาวิทยาลัย จึงว่างครึ่งวันโดยเธอนั่งวาดรูปเงียบๆที่ห้องรับแขก ไม่นานนักก็มีรถยนต์คันใหญ่ที่หรูหรามาจอดที่หน้าบ้าน เธอที่เห็นแบบนั้นจึงออกไปดู พอเห็นหน้าสองพี่น้องและหญิงวัยกลางคนที่ดูก็รู้ทันทีว่าคือคุณแม่ของพวกเขา ซึ่งดูอายุอานามมากกว่าเธอ จึงเป็นฝ่ายยกมือสวัสดีขึ้นก่อน“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”“โอ้..ยินดีมากค่ะ อยากเจอคุณแม่หนูพราวมาสักพักแล้ว”คุณเจตสุภารับไหว้และจับมือของชโลทรอ
ถึงเวลาบินกลับไทยก่อนหน้าเปิดเทอมสุดท้ายสามวัน ครอบครัวจิรวราพงศ์มารับคิณภัทรและพราวตะวันที่สนามบิน โดยมีชโลทรคุณแม่ของพราวตะวันได้มารอรับลูกสาวเช่นกัน ซึ่งเธอประหลาดใจมากที่ลูกสาวลงเครื่องมากับคิณภัทร ขณะที่แฟนหนุ่มอย่างเจตนิพัทธ์มารอรับทั้งคู่ด้วยและนี่เป็นครั้งแรกที่พ่อแม่ของพวกเขาได้รู้จักคุณแม่ของแฟนสาว ทุกคนดูไม่แปลกใจกับทุกสิ่งที่เห็นยกเว้นชโลทรที่รู้สึกแปลกๆพราวตะวันยกมือไหว้พ่อแม่ของแฟนหนุ่มทั้งสอง และปรี่เข้าไปกอดแม่ของเธอแน่น เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันถึงสองเดือนกว่า คิณภัทรกอดกับแม่ของเขาแล้วก็เดินมาหาชโลทร “สวัสดีครับคุณแม่ พอดีผมกลับมากับน้อง วันนี้ผมจะขออนุญาตไปคุยกับคุณแม่ที่บ้านนะครับ เออ..เจต ของเยอะมากเลย ต้องช่วยกันขนใส่รถนะ”คิณภัทรคุยกับชโลทรแล้วหันไปบอกน้องชาย ก่อนจะหันมากระซิบกับพราวตะวันเบาๆ“ที่รัก ตอนเย็นผมกับเจตจะไปหาที่บ้านนะ ขอคุยกับที่บ้านก่อน”พราวตะวันพยักหน้ารับ ขณะที่เจตนิพัทธ์มากอดเธอเป็นคนสุดท้าย “เจตไม่เจอแป็บเดียว พราวสวยขึ้นนะ คิดถึงจะตายละ”“เย็นนี้เจอกันนะ”เธอกล่าวลาทุกคนแล้วกลับบ้านไปกับแม่ ระหว่างอยู่ในรถ แม่ของเธอสังเกตว่าลูกสาวดูสวยขึ้นจร
พราวตะวันไม่เคยไปที่อื่นนอกจากฝรั่งเศส เธอจึงตื่นเต้นมาก ชุดว่ายน้ำทูพีชสีสดใสหลายชุดที่ไปช็อปปิ้งมา เธอจึงใส่ไม่ซ้ำกันสักวันเพื่อว่ายน้ำทั้งในโรงแรมและที่ชายหาดใกล้กับ Brook Point ในเวลาที่สามีทำงานอยู่ในห้อง เธอถ่ายรูปส่งให้เจตนิพัทธ์และแม่ของเธอมากมาย จนแม่ต้องส่งข้อความมาหาว่าทำไมถึงไปอยู่ที่นั่นได้ “แล้วหนูจะกลับไปอธิบายให้แม่ฟังนะคะ”คิณภัทรโทรเข้ามาหาเพราะตามหาภรรยาไม่เจอ “ที่รัก อยู่ไหน? ห้ามไปที่ไหนไกลเกินไปคนเดียวสิ พี่เดินหาไม่เจอเลย”“มานั่งเล่นใกล้กับซากเรือเก่าค่ะ สวยมากๆ ถ่ายรูปส่งไปให้แม่ด้วยเผื่อเป็นแบบให้วาดภาพ มีประภาคารด้วยพี่คิณ ปลาก็เยอะน้ำก็ใสสีฟ้าสุดๆ”“เดี๋ยวๆ ทำไมไปไกลจากโรงแรมแบบนั้น? อยู่นั่นเลยห้ามลงน้ำ พี่กำลังไปหา”เขาเอารถของโรงแรมขับอ้อมไปหาเธอ 1.7 กิโล ใช้เวลาห้านาทีก็ถึง พอดูพิกัดในโทรศัพท์ก็รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน “แพริส ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำแบบนี้มาคนเดียว เห็นมั้ยว่าคนท้องถิ่นอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ไม่มีใครสักคนน่ะ ถ้าจะมาให้รอพี่สิ”เธอเงยหน้ามองแบบไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไร พลางใส่เสื้อและกางเกงขาสั้นทับชุดว่ายน้ำไปเลย แล้วทำหน้าหงิก“เดี๋
ตอนนี้สุขภาพของคิณภัทรดีขึ้นแต่ก็ยังต้องจำกัดอาหารและดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เหมือนเดิม พวกเขาได้รับเอกสารการจดทะเบียนเรียบร้อยและบินไปนีซอีกครั้งเพื่อแสดงเอกสารให้กับทางโบสถ์ รวมถึงไปดูการรีโนเวทโรงแรมอยู่สามวันเหลืออีกครึ่งเดือนเขาและพราวตะวันต้องกลับไทย การใช้ชีวิตด้วยกันกับครอบครัวของเธอสองเดือนกว่านี้ทำให้ชีวิตเขาสงบและร่างกายได้พักผ่อนยาวๆเป็นครั้งแรก ทางด้านเจตนิพัทธ์รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์กับพราวตะวันดีขึ้นมาก พออยู่ไกลกันกลับห่วงหาคิดถึงกันมากกว่าเดิม ไม่มานั่งทะเลาะกัน ได้คุยกันทุกวันแม้จะไม่นานมาก ลมทะเลที่พัดปลิวผ้าม่าน ผมยาวเป็นลอนสวยที่ปลิวตามแรงลม พราวตะวันนั่งที่ระเบียงห้องเพลินๆระหว่างที่คิณภัทรนั่งทำงานคุยซูมประชุมอยู่กับลูกน้องที่ต่างประเทศ เธอนึกอะไรขึ้นได้จึงลุกไปค้นอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพาย มองมันในมืออยู่ครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจ สุดท้ายก็ทิ้งมันลงถังขยะ..ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ..อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วด้วย…พราวตะวันเห็นว่าคิณภัทรยังคุยงานอยู่ เธอจึงหยิบบางอย่างในตู้เสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไป ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งแล้วเดินผ่านเขาไปนั่งเอนหลังบ