เมื่อณดลเดินกลับมาถึงบ้านตัวเองในเวลาต่อมา...
เขาก็แทบจะจุ่มพู่กันระบายสีต่อไป ราวกับระบายอารมณ์เอากับผืนผ้าใบนั้น ด้วย...หากยังทำงานไม่ได้สักครึ่งหรอก เสียงโทรศัพท์มือถือในมือ ก็แทบจะแผดร้องจนแสบแก้วหูขึ้นมาดับฝันของเขาเสียก่อน
"ฮัลโหล เออ...ไอ้เขี้ยวเหรอ ฉันยุ่งอยู่ เร่งงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์นี้แล้ว ว่าไงนะ...จะรบกวนให้ฉันไปเป็นเป็นไกด์ให้ 2-3 วัน ฮะ...ให้เงินเท่าตัวเลยเหรอ เออ ค่อยน่าสนหน่อย แต่เดี๋ยว ๆ ฉันยังไม่กล้ารับปากสิวะ งานฉันยังไม่เสร็จ โอ.เค. งั้นก็ได้ แล้วฉันจะรีบโทร. ส่งข่าว โอเค.เพื่อน แค่นี้นะ ขอบใจว่ะ"
อีกครั้งที่ณดลวางสายโทรศัพท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้รับข่าวดี ทดแทนเรื่องร้ายเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้รกสมองเมื่อครู่ก่อน และนั่นเองที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ทำงานที่ตัวเองรักและรับปากมาได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ในที่สุด
หากเพียงงานเสร็จ เขาก็แทบทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาตัวยาวนั่นด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ด้วยเสียงโหวกเหวกหน้าบ้านนั่นล่ะ
ใครกันนะ มาโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแบบนี้ !
"ออกมาเลยนะคุณ ไอ้ฆาตกรโรคจิต"
ได้ยินแว่วๆ จำได้ว่าเป็นเสียงของหนุ่มหน้าละอ่อนข้างบ้าน ทำเอาปรี๊ดได้แต่เช้าอีกเหมือนกัน ก็นึกว่าเลือกบ้านเช่าทำเลดีสุดในจักรวาลแล้วนะ ยังจะต้องมารบกับบ้านใกล้เรือนเคียงทุกวี่วันเสียอีก
ลำพังรบยังไม่เท่าไหร่ นี่ยังจะหาคุกให้อีกต่างหาก ฆาตกรอะไรที่ไหนกันล่ะหว่า...
ณดล ถามตัวเอง ยกมือขึ้นเกาหัวแกร๊ก ๆ ขณะก้าวเดินออกไปทางหน้าบ้าน แล้วก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าเดิม ๆ ผมเผ้ายับยุ่งเหมือนเดิม จะต่างไปบ้างก็ตรงที่ยืนตาบวมปูดอยู่ตรงหน้านี่ล่ะ
"อ้าว คุณนั่นเอง อะไรอีก ถึงมายืนโวยวายอยู่หน้าบ้านผมแบบนี้ แล้วนั่นอะไร คุณหอบหิ้วอะไรมา"
"อยากรู้ ก็แหกตาดูเอาเองสิ"
เด็กหนุ่มที่อยู่เพียงขอบรั้วไม้เตี้ยๆ กั้นกลางระหว่างกัน แทบจะยื่นส่งห่อผ้าขาว ๆ นั่นให้เขามองเห็นถนัดชัดเจนขึ้น หากเพียงณดลก้มลงมอง เขาก็แทบผงะ ตาสว่างในบัดดลเลยทีเดียว
"เฮ้ย...นี่มัน..เจ้าแมวขโมยเมื่อเช้านี่"
"ก็ใช่ไง...คุณมันคนบาป ชั่วโฉดโหดร้ายที่สุด คิดจะวางยาเบื่อแมว แค่เรื่องมันไปขโมยของกินเนี่ยนะ"
"เฮ้ย ผมเปล่านะ ผมจะวางยามันทำไม คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงผมจะไม่ชอบให้มันมาขโมยปลาปลาทูผมกิน แต่คนอย่างผม ก็ไม่เคยใจบาปขนาดนั้นหรอก"
"คุณไม่ใจบาป แล้วทำไมแมวฉันถึงตายล่ะ"
“ห๊ะ ! ถึงตายเลยเหรอ นี่มันไม่ธรรมตาแล้วนะ เดี๋ยวๆ ปลาทูนั่น ไม่ใช่ของผม"
"เอ้า ! คุณนี่ยังจะไปได้น้ำขุ่น ๆ ปลาทูมันอยู่ในบ้านคุณ คุณยังพูดได้อีกนะว่าไม่ใช่ของคุณ"
"ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ปลาทูนั่น...เอ้อ!มีคนเอามาให้ผม"
"มีคนเอามาให้คุณ...อย่างนั้นเหรอ”
"ใช่ เพื่อนสาวของผมเอง"
“อ้อ ! เหอะ...สมล่ะ ถ้างั้นให้ผมเดานะ คุณนี่คงเจ้าประตูดิน จีบสาวไม่เลือก เขาถึงได้เอาปลาทูแช่แข็งผสมยาพิษมาให้คุณกินแบบนี้ เวรกรรมของเจ้าสีนวลของผมแท้ๆ ที่ต้องมาตายแทนคุณแบบนี้"
พูดจบ น้ำตาลูกผู้ชายก็หลั่งริน ให้ณดลถึงกับสะท้อนใจ เห็นภาพอีกฝ่าย ร้องไห้จนตาบวมปูด ป้ายน้ำตาทิ้งลวกๆ ก็ให้นึกสงสาร ซ้ำยังรู้สึกผิดได้อีก ก่อนทอดถอนใจออกมา เมื่อเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างที่หันหลังจะก้าวเดินจากไป จนเขาแทบกระโจนข้ามรั้วไม้เตี้ยๆ แล้วรีบฉวยข้อมืออีกฝ่ายเอาก่อนอย่างลืมตัว
"เดี๋ยวก่อนสิคุณ...ผม เอ้อ...ผมขอโทษ ผมเสียใจด้วย แต่ผม..."
"คุณก็แค่เสียใจ แต่สำหรับผม มันมากกว่าความเสียใจไม่รู้เท่าไหร่เลยนะ...เจ้าสีนวล มันเป็นเพื่อนที่มีอยู่ของผม ผมเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เสียอีก"
ทอยส์ พูดเพียงเท่านั้น ก็ก้าวเดินจากไป หลังสะบัดมือจากเขา ให้ณดล ได้แต่มองตาม รู้สึกผิด พร้อม ๆ กับรู้สึกเหงาหงอยไปด้วย ให้ตายเถอะ ! ภายในวันเดียว เขาเจอเรื่องอะไรมากมายได้ขนาดนี้นะ อะไรก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอนเสียจริง
ณดล ยืนนิ่งอึ้งอยู่นาน พักหนึ่งเชียวละกว่าที่เขาจะรีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแสนสุภาพ แล้วก้าวเดินผ่านทุ่งหญ้าที่กั้นกลางระหว่างบ้านเขากับบ้านของอีกฝ่ายไป หากปลายคิ้วหนาๆ ของเขาก็อดขมวดมุ่นนิดหนึ่งไม่ได้ เมื่อเห็นรถเก๋งคันงามที่จอดอยู่หน้าบ้านของอีกฝ่าย รถใครวะ !
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็หยุดชะงักไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ลืมความตั้งใจของตัวเอง ที่จะมาปลอบโยนอีกฝ่ายเรื่องเจ้าเหมียวน้อยนั่น และไม่ลืมที่จะเด็ดดอกไม้สวย ๆ หอม ๆ จากหน้าบ้านเขามาด้วย หากเมื่อก้าวพันประตูรั้วเข้าไป เขาก็แทบหยุดกึกอีกครั้งเพราะเสียงทุ้ม ๆ ของชายหนุ่มอีกคนนั่น
"อย่าไร้สาระไปหน่อยเลยน่าคุณ ก็แค่แมวตายตัวเดียว คุณตีโพยตีพายร้องห่มร้องไห้จนผมต้องเสียงานเสียการมาถึงที่นี่ ไม่ไหวเลยนะทอยส์ หัดทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กว่านี้หน่อยดีมั้ย"
ณคล แทบลืมหายใจ อดนึกถึงตอนตัวเองโวยวายไล่ฝ่ายนั้นไม่ได้ เรานี่ก็คงดูร้ายกาจในสายตาเขาไม่ต่างกันเลยนะ ที่สำคัญ การได้ค้นพบว่า ที่เขาหลีกหนีความวุ่นวายของโลกภายนอกมาอยู่ที่นี่ เพราะตัวเขาเอง ไม่อยากอยู่ในโลกที่หลายคนไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น อัลฟ่า เขาก็แค่อัลฟ่าคนหนึ่งบนโลกใบนี้เท่านั้น เพียงแต่เขาไม่คาดฝันเท่านั้น ว่าจะได้มาเจอกับเด็กหนุ่มอีกคน ที่แฟนหนุ่มมาคอยดูแล เด็กหนุ่มคนนั้น ชื่อทอยส์ สินะ
หรือเพราะเหตุนี้ ทอยส์ ถึงเลือกบ้านเช่าที่อยู่ลึกลับ สงบเงียบเรียบง่ายไม่ต่างกัน
"คุณไม่ไหว แล้วผมจะไหวมั้ยล่ะ ผมโทร. เรียกคุณมา เพราะต้องการกำลังใจนะ ไม่ได้ต้องการคำตำหนิด่าว่าสารพัดที่บั่นทอนจิตใจผมแบบนี้”
"ถ้างั้นคุณก็หยุดร้องไห้คร่ำครวญซะทีสิทอยส์ ผมรำคาญ เพราะผมก็ไม่ได้มาเพื่อต้องการฟังเสียงสะอื้นของคุณเหมือนกันนะ"
"รำคาญมากนัก ก็เชิญคุณกลับไปเลยไป ฉันมันงี่เง่าไร้สาระ ไหนจะเหมือนคู่ขาคนอื่นๆ ที่คุณเคยคบ เคยเจอมาล่ะ ถ้ามันจะน่ารำคาญขนาดนั้น เราเลิกๆ กันไปเลยดีมั้ย"
"ผมไม่ได้มาเพื่อขอเลิกกับคุณนะ นี่มันคนละเรื่องกันแล้ว"
"แต่ผมว่ามันเรื่องเดียวกัน เพราะในเมื่อเราไปด้วยกันไม่ได้ ก็อย่าฝืนเพื่อผู้ใหญ่ไปหน่อยเลยพอล คุณกลับไปเถอะ”
"คุณไล่ผมเองนะ จำไว้ด้วย...ผมไม่ได้เป็นคนผิดที่คิดจะก้าวออกไปจากชีวิตของคุณ"
หลังคำประกาศกร้าวท่าทางเอาจริงของอีกฝ่าย ใช่เพียงคำขู่ เพราะณดลเอง ยังกระโดดหลบแทบไม่ทันเมื่อฝ่ายนั้นผลุนผลันออกจากบ้านไป เวลานั้น...เขาทำตัวกลมกลืนกับพุ่มไม้หน้าบ้านนั่นอย่างที่สุด จนแน่ใจว่ารถเก๋งคันนั้นได้ขับผ่านออกไปจากซอยบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาจึงค่อยพ่นลมออกจากปากแรง ๆ อย่างโล่งอกโล่งใจ แล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้าน
ห้วงเวลานั้น เขาพบว่าอีกฝ่ายกำลังขุดหลุมเตรียมฝังเจ้าเหมียวน้อยแสนรักอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ใบหน้าของทอยส์หม่นเศร้า จนเขารู้สึกผิด เป็นเขาคงรู้สึกแย่ที่ต้องมาเจอเรื่องดราม่าสารพัดในเวลามันใกล้กันแบบนี้
"ให้ผมช่วยนะครับ..."
ณดลเอ่ยประโยคนั้นออกมาให้ทอยส์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง และโดยที่ยังไม่ทันได้ให้คำตอบใดๆ จอบในมือของทอยส์ ก็ถูกมือหนาๆ ของใครอีกคนคว้าเอาไปจัดการต่อ โดยไม่รอคำตอบด้วยความลังเลใจหรือประหลาดใจใดๆ สักนิด
"นี่คุณจะตามราวีผมไปถึงไหนนะ”
"ผมราวีคุณที่ไหน ผมตั้งใจเอาดอกไม้มาวางไว้ให้เจ้าเหมียวต่างหาก แต่ในเมื่อคุณยังจัดการสุสานให้มันไม่เสร็จ ผมก็ต้องยื่นมือมาช่วยจริงมั้ย ใจคอจะให้ผมยืนดูดายได้ไง ถึงผมจะไม่ใช่เจ้าของปลาทูตัวจริง ผมก็รู้สึกผิดกับคุณอยู่ดี”
ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น เขาพูดโดยไม่มองหน้า เพราะยังคงใช้จอบฟันดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเห็นว่าหลุมกว้างโตได้ที่แล้ว เขาก็รีบยื่นมือออกไปหาทอยส์
"ส่งเจ้าเหมียวมาให้ผมเถอะคุณ ได้เวลาส่งมันกลับดาวแมวแล้วล่ะ"
ทอยส์ ยื่นส่งร่างเจ้าเหมียวน้อยในห่อผ้าขาวสะอาดให้ ดวงตาที่แห้งผากปราศจากน้ำตา กลับไหลรินลงมาอีกครั้ง
“เดินทางปลอดภัยนะลูก สีนวล”
"เอ้า คุณ เลิกร้องไห้ได้แล้ว คุณเคยได้ยินรึเปล่าที่เขาบอกว่าอย่าให้น้ำตาตกลงในหลุมศพน่ะ เดี๋ยวเจ้าเหมียวมันไม่ไปเกิดนะ"
ความไม่รู้จะปลอบโยนทอยส์ยังไงดี เขาเลยเลือกที่จะปลอบแกมขู่ไปด้วย เผื่อว่าอีกฝ่ายจะหยุดร้องไห้เสียที น้ำตาของทอยส์มันทำเอาเขาใจคอไม่ดีเลย
"ก็ดีสิ ผมจะได้มีมันเป็นเพื่อน ไม่ต้องเหงาแบบนี้"
"คุณเหงาเหรอ"
"งั้นสิ ผมอยู่คนเดียวนะ ผมไม่ได้..."
"ไม่ได้อะไร...อ้อ คุณคงจะพูดว่าไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนอย่างนั้นใช่มั้ย ผมเข้าใจแล้วน่า เพราะตะกี้ ผมก็เห็นแล้วว่าแฟนหนุ่มของคุณ เขาฉุนเฉียวออกไป แต่เดี๋ยวเขาก็ต้องกลับมาใหม่ เชื่อเถอะ เขาคงแค่งอนคุณน่ะ"
อัลฟ่าหนุ่มอย่างณดล พูดไปเรื่อยให้ทอยส์ถึงกับเลิกคิ้วสูงสูง คาดไม่ถึงในสิ่งที่เขาบรรยายออกมาได้ละเอียดลออขนาดนั้น
"อะไรนะ นี่คุณ..แอบฟังผมกับ เอ้อ..พอลคุยกันเหรอ"
"ผมไม่ได้แอบ ผมได้ยินเต็มสองหู ตอนผมเดินเข้ามาต่างหาก จะบอกอะไรให้ แบบนั้นเขาไม่เรียกคุยแล้ว เขาเรียกทะเลาะ เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านขนาดนั้น แต่ก็ช่างเถอะคุณ...เอาเรื่องเจ้าเหมียวก่อนดีมั้ยมันควรสงบสุขได้แล้วละ"
เขาไม่รีรออะไรอีกต่อไปตามเคย นอกจากกลบหน้าดินลงไป ยังใช้จอบกระทุ้งสองสามที จากนั้นเขาก็บรรจงวางดอกไม้ที่เก็บมาตกแต่งอย่างสวยงามให้ทอยส์เผลอมอง แล้วยิ้มอ่อนออกมาได้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกขณะนั้น อย่างน้อย เขาก็ทำให้ทอยส์พอจะลืมความเศร้าไปได้ชั่วขณะนั่นล่ะ
"เออนะ คุณนี่ สงสัยจะเคยเป็นสัปเหร่อเก่าแน่ ๆ"
ณดลทำพิธีกรรมเล็กๆ นั่นเสร็จสิ้นพอดี เขาเงยหน้าขึ้นแล้วถึงกับส่ายหัว ให้กับความคิดของเด็กหนุ่มตรงหน้า
คนอะไรคิดแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ขอประชดหน่อยเถอะ !