"มันจะมากไปแล้วนะ ทอยส์"
"มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับสิ่งที่คุณทำกับผม ใครกันแน่ที่ปันใจกัน ผมรู้มาตลอดว่าคุณมีคนใหม่ซุกไว้ที่ทำไว้ที่ทำงาน รู้ตลอดว่าคุณพาใครอีกคนเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปกินข้าวร้านหรูอยู่เป็นประจำ ผมยอมไม่มีใครซะดีกว่า ที่จะกลายเป็นคนไร้ค่า มีแฟนเห็นแก่ตัวแบบคุณ กลับไปซะเถอะพอล แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ผมไม่ต้อนรับคุณ"
"นี่คุณไล่ผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะทอยส์ ได้ !ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ตามใจคุณเลย ระวังหน่อยแล้วกัน เกิดคุณฮีทขึ้นมา อย่าโทร.ตามผมกลับมาแล้วกัน"
ทอยส์ ถึงกับส่ายหน้า พูดไม่ออกกับถ้อยประโยคนั้นของอีกฝ่ายที่ก้าวออกไปจากบ้านของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้ที่ณดลถึงกับสตั๊นไป กับคำพูดประโยคท้ายของหนุ่มพอลนั่น
โอเมก้า งั้นเหรอ !
ณดลใจหายวาบ สีหน้าเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ยิ่งเห็นทอยส์ทิ้งตัวลงฟุบหน้าร้องไห้กับมือตัวเอง เขายิ่งพลอยเศร้าไปด้วย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ เลย
"ทอยส์ครับ...เอ้อ ผมขอโทษนะที่ทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายแบบนี้ คุณเป็นอะไรมากมั้ย"
"คุณต่างหาก เจ็บมากมั้ย"
"ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร เจ็บแค่ไหนก็ทนได้"
คนบอกทนได้ แทบซู้ดปากเอาเหมือนกัน
"ปากคุณแตก เลือดซิบอย่างนั้นยังจะปากดีอีกนะ กาแฟนี่คงซดไม่ได้แล้วมั้ง"
"ได้สิคุณ ขอแค่ผ้าเช็ดเลือดหน่อยก็พอ"
"เดี๋ยวผมไปเอาผ้าเย็นมาให้แล้วกัน"
ทอยส์ ทอดถอนใจ พยายามเลิกเศร้า เพราะแท้จริงแล้ว ก็ทำใจมาระยะหนึ่งแล้วล่ะ นับจากรู้เรื่องของพอลจากปากเพื่อนสนิทหลายๆ คนมาก่อนหน้านี้
บางที...นี่อาจเป็นวิธีเลิกแบบเนียน ๆ ไม่ให้ตัวเองเป็นฝ่ายผิดเสียล่ะมากกว่า !
พอล ช่างเห็นแก่ตัวสิ้นดี !
ทอยส์กลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าเย็นในมือ และด้วยความรู้สึกผิด ทำให้เลือกที่จะใช้ผ้าผืนนั้นซับเลือดที่มุมปากนั่นให้อีกฝ่ายเอง แม้ว่าเขาจะพยายามทัดทานอย่างไรก็ตาม และจะด้วยความใกล้ชิด หรือด้วยมือที่ประสานกัน เพื่อยื้อแย่งผ้าเย็นนั่นก็ตาม หากนั่นก็ทำให้ดวงตาคู่ที่สานสบกันนั่นแน่วนิ่ง หัวใจเต้นแรงจนแทบได้ยินเสียงจังหวะของหัวใจของกันและกัน
เฮ้อ เป็นอะไรมากไปรึเปล่านะ ทอยส์
ค่ำวันนั้นกว่าณดลจะเดินกลับบ้านได้...เขาอ้อยอิ่งอยู่กับเด็กหนุ่มเนิ่นนาน อ้างความปลอดภัยของการอยู่คนเดียวลำพังไปตามเรื่อง แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องของหัวใจที่รู้สึกดีกับทอยส์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขารู้แต่เพียงว่าที่คืนนั้น เขาหลับฝันดีตลอดทั้งคืน และเฝ้ารอวันใหม่ที่ได้พบกับทอยส์อีก หากเขาก็ต้องผิดหวังอย่างแรง กับสภาพที่ถูกปิดล็อกแน่นหนา ตั้งแต่ประตูรั้วจนถึงภายในบ้าน
แล้วกัน...เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย !
ไม่อยู่ ไปปฏิธรรมหลายวัน ห้ามรบกวน!
ณดล ถึงกับยืนอึ้งอยู่หน้าป้ายประกาศนั่นเนิ่นนาน...
เขารู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูก มันรวดเร็วเกินไป แต่ก็แน่ล่ะ เป็นเขา ก็คงใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นานแน่ ๆ สำหรับการเดินทางไปไหนสักแห่ง เพราะวิ่งทนีหัวใจตัวเอง หัวใจอันแสนเจ็บปวดรวดร้าวดวงนั้นก็คงไม่ต่างกัน
ณดล เหลียวซ้ายแลขวา ลังเลใจว่าจะทำอะไรต่อไป คราวครั้งก่อนที่ได้เจอกัน เขาตั้งใจจะขอเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ แต่ก็ลืมอีกจนได้ แล้วดูสิคนเรา ช่างเขียนป้ายปิดไว้ได้น่าซาบซึ้งใจมาก
เอาเถอะ เธอคงอยากปลีกวิเวกจริงๆ เพราะดูเหมือนจะหมดห่วงหมดกังวลกับเจ้าเหมียวไปด้วยเปราะหนึ่งนั่นล่ะ เขาบอกกับตัวเอง ก่อนกระชับสายสะพายไหล่ แล้วออกเดินต่อ นึกสภาพตัวเอง ถ้าเป็นเขา เห็นทีจะปลีกวิเวกยากสักหน่อย เพราะห่วงเจ้าโด่ง หมาน้อยหูตั้ง นี่ขนาดไปเป็นไกด์แทนเพื่อนไม่กี่วัน ยังละล้าละลังล่ำลากันอยู่นั่นเอง
คนเรานี่น่ะ พระท่านถึงได้ว่า ตัดห่วงตัดกังวลเสียบ้างนั่นล่ะ ถึงจะหาความสงบสุขเจอ !
"สาธุ !"
เพื่อนหนุ่มยกมือท่วมหัวเหมือนแกล้ง เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าของณดล ก่อนจะขึ้นรถทัวร์ออกเดินทางนั่น
"ฉันขออนุโมทนาบุญไปกับนายทอยส์อะไรนั่นของนายด้วยจริงๆ ว่ะเพื่อน อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยหลบลี้หนีหน้าบรรดาหนุ่มๆ จอมวายร้าย ทั้งแฟนเก่า แล้วยังหน้าใหม่อย่างนายด้วย"
"ไอ้เขี้ยว จะมากไป ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยวะ แล้วก็อย่าเที่ยวเหมารวมทอยส์เขาไม่ใช่ของฉันโว้ย"
"จะไปรู้เหรอ ดูเวลานายพูดถึงหนุ่มข้างบ้านนั่น ออกจะหูตาแพรวพราวขนาดนั้น"
"แพรวพราวบ้านนายสิ ฉันก็ยังเหงาเป็นหมาหงอยอยู่นี่ เอ้า...เอาโปรแกรมเที่ยวของนายมาเลย ฉันจะได้ไปเตรียมตัวบนรถ เดี๋ยวไม่ไปทำงานแทนให้เสียเลย ชักช้าจริง"
เขี้ยวส่ายหน้าแต่ก็ไม่วายอมยิ้มเมื่อยื่นส่งใบตารางการท่องเที่ยวสำหรับทริปนั้นให้กับเพื่อนหนุ่ม ให้เขารับมาอย่างเซ็งๆ ราวกับยังมีบางสิ่งบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ ต่อให้คิดว่าถือเป็นการไปเที่ยวพักผ่อนสมองก็คงจะหาความสนุกสนานไม่เจอง่ายๆ อยู่ดี
ไม่รู้ป่านนี้ ทอยส์จะเป็นอย่างไรบ้างสิน่า !
อดถามตัวเองอยู่ในใจเงียบๆ ไม่ได้ ก่อนก้าวขึ้นรถไป แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านรายละเอียดอยู่เพียงลำพัง โดยยังไม่สนใจเหล่านักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่ทยอยก้าวขึ้นมาบนรถเรื่อย ๆ นั่น จนเสียงเครื่องยนต์ติดเครื่องแล้วนั่นล่ะ เขาถึงได้ขยับหมวกแก๊ปของตัวเอง แล้วหยิบแว่นตาดำมาสวมกันแดดที่ลอดผ่านเจิดจ้าเข้ามา จากนั้นก็เก็บใบงานลงในกระเป๋าสะพายใบย่อมของตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองน้าเวกคนขับรถทัวร์ที่คุ้นเคย ก่อนยิ้มอ่อนให้
"สวัสดีครับน้าเวก วันนี้ขอแบบ เหยียบเต็มที่สองร้อย ใบสั่งรออยู่ข้างหน้าเลยดีมั้ยครับ"
ประโยคนั้นของเขาเหมือนเล่นสนุก ทำให้คนขับอย่างน้าเวกหัวเราะสดใส ได้อย่างเคย
"คุณณดลนี่น่ามาเป็นไกด์แบบถาวรจริงๆ นะครับ ทริปไหนทริปนั้น เฮฮากันตั้งแต่รถติดเครื่องเลยทีเดียว"
"ไม่ไหวหรอกลุง ผมวาดรูปขายของผมแบบนี้ดีแล้ว ลุงเตรียมตัวขับรถไปเถอะ ผมไม่กวนละ ขอเซ็กยอดลูกทัวร์ก่อน มาครบมั้ยเนี่ย"
ณดล ตัดบทก่อนเหลียวมองกวาดสายตาไปทั่วคันรถ ยังมีที่ว่างอยู่ที่หนึ่ง แสดงว่าขาดไปหนึ่งคน ไม่รู้จักรักษาเวลาเลยจริงๆ มันน่าให้ตกรถนัก
"ขาดไปคนหนึ่งครับลุง แต่เราจะไม่ให้ลูกทัวร์รอนานเด็ดขาด ภายในห้านาที ถ้าไม่มานี่ทิ้งได้เลยลุง"
"เด็ดขาดได้อีกนะคุณดล"
"ไม่เด็ดขาดได้ไงครับ คนทั้งรถต้องมารอคนๆ เดียว ผมว่าไม่ไหวหรอกนะ"
ณดลบ่นอย่างหัวเสีย หากเสียงแจ้วๆ ที่ร้องบอกให้รอก่อน ดังมาจากประตูด้านหน้านั่นต่างหากที่ทำให้เขาเบิกตากว้าง ด้วยความตื่นตะลึง เสียงนั่น...
"อย่าเพิ่งปิดประตูรถ อย่าเพิ่งไปนะครับ รอผมด้วย !"