“ก็คุณแม่กลัวพี่ชายสุดที่รักของผมเผลอใจไปรักกับผู้ชายไม้ป่าเดียวกัน ก็เลยจะให้แต่งงานซะเลยเพื่อลบข่าวแถมยังไม่ต้องกลัวว่าพี่ชายจะไปคว้าผู้ชายที่ไหนมาเป็นสะใภ้น่ะครับ” เตชินท์ร่ายยาว แต่สุดท้ายความหมายเดิมคือ ลบข่าวออกโดยการแต่งงาน !
แทนไทมองหน้าน้องชายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อย่างมีความสุข เขาอยากจะชกสักหมัดไปที่หน้าของเตชินท์สักทีสองทีจริงๆ “เพราะแกใช่ไหมที่แม่ต้องทำแบบนี้” ชายหนุ่มกัดฟันถาม มือแกร่ง กำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจ “เปล่า คุณแม่นั่งกลุ้มใจเครียดแทบจะเป็นลม ผมก็เลยเป็นที่ปรึกษาให้น่ะ” น้ำเสียงของเตชินท์ตอบโดยไม่คิดอะไร “ออกไปซะ” เขาออกปากไล่ เตชินท์ยิ้มรับพร้อมกับหลุดขำออกมา “ผมหวังดีนะ ไม่อยากให้พี่ชายเดินทางผิดคิดเป็นเกย์” แทนไทฟังคำพูดทิ้งท้ายของน้องชายที่เดินออกไปจากห้อง แต่เสียงหัวเราะก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูเขา “บ้าเอ๊ย !” แทนไทสบถออกมา เขาเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่เจ้าน้องชายตัวแสบถึงกลับเสนอวิธีแบบนี้ให้แม่เลยอย่างนั้นเหรอ...เขาไม่ใช่เกย์สักหน่อย ! แต่ถึงจะบังคับให้แต่งงานยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จเพราะจะมีผู้หญิงคนไหนยอมมาแต่งงานกับเขาล่ะ ! หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องน่ายินดีสำหรับณัฐกฤตาตลอดระหว่างอาหารมื้อเย็น เธอแทบรับประทานอาหารไม่ลง เพราะว่าในใจอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ แต่ถ้าส่งเสียงออกมาแล้วล่ะก็ท่านทั้งสองคงแปลกใจยิ่งกว่าเดิมที่เธอมีความสุขมากขนาดนี้ หญิงสาวกระโดดร้องเต้นดีใจอยู่ภายในห้องนอนสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้าเรียวสวยยิ้มเปิดบานจนแก้มทั้งสองข้างแทบฉีก ดวงตากลม ฝันหวานถึงเขาและงานแต่งขึ้นมาทันที...แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อว่าเขาเป็นเกย์ ถึงจะหลงชอบผู้ชายด้วยกันอาจเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบพาไป เธอจะทำให้เขากลับมาเป็นผู้ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมให้ได้ ! หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความสุข เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ณัฐกฤตาก็เดินออกมาจากห้องน้ำมายังโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อทาครีมบำรุง เป่าผมให้แห้ง ก่อนมาที่โต๊ะทำงานขนาดกลางซึ่งตั้งอยู่มุมห้องทางด้านขวามือของเตียงนอนเธอ พร้อมกับนั่งลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์เพื่อโทร.หาวรรณรดาให้ทราบถึงข่าวดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า [อะไรกันอีกยัยขวัญ ฉันกำลังรีบทำงานส่งหัวหน้าอยู่ ไม่ว่างหรอกนะ] “ข่าวดียัยดา ข่าวดีสำหรับฉันมาก ๆ เลย” ณัฐกฤตาเอ่ยเสียงสั่นด้วยความดีใจ [ข่าวอะไรของแกไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอไง ฉันจะทำงาน] หญิงสาวยังไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ตรงกันข้ามกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ฉันจะได้แต่งงานกับคุณแทนน่ะ” [หา ! ว่าอะไรนะ !] “ใช่แล้ว” หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างมีความสุข [แกพูดใหม่อีกทีสิ เผื่อแกนอนละเมอ] “ไม่ใช่ ฉันยังไม่ได้นอนย่ะ เป็นเรื่องจริง” [ไปใช้มารยาจับเขาวิธีไหนมาล่ะเนี่ย หรือแกวางยาเขาแล้วจับปล้ำ...] “เปล่า แต่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก” หญิงสาวตอบด้วยความเขิน [งั้นเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้นะ] “อ้าว แกไม่ต้องทำงานแล้วหรือไง ถ้าฉันเล่าแล้วยาวนะ” [เล่ามาเถอะ ฉันทำงานไปฟังไปได้ย่ะ] สุดท้ายเสียงพูดคุยหัวเราะก็ดังไปทั่วห้อง เป็นเวลานานจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหน กว่าที่ณัฐกฤตาจะวางสายหันมามองนาฬิกาก็เกือบห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เธอลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินมาล้มนอนที่เตียงอย่างหมดแรง เหนื่อยที่ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงหัวเราะคุยกันจนลืมดูว่าเลยเวลาเข้านอนของเธอ ในส่วนลึกของสมองเธอนั้นยังคงเน้นย้ำอยู่เสมอว่า เขาไม่ใช่เกย์ ! แทนไทเดินออกมาจากห้องประชุมในช่วงตอนเที่ยง เขาใช้เวลาประชุม เพื่อออกความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าตัวใหม่อยู่เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ก่อนจะ กลับเข้ามาภายในห้องทำงาน ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดู หมายเลขเกือบสิบสายเป็นของคนคนเดียวนั้นคือ... แม่ของเขา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก เขาหันไปมองทั้งที่โทรศัพท์ยังคงถืออยู่ในมือ “คุณแม่มาทำอะไรครับ” แทนไทถามพลางมองสีหน้าของมารดาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “มาชวนไปกินข้าวกับแม่ เพราะแม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มเหมือนเชิงสั่ง “ผมไม่ว่างครับ ชวนเจ้าเตไปแทนผมละกันครับ” เขาตอบปฏิเสธ “แม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา” นิตยลัภย์เน้นย้ำอีกครั้ง “เรื่องอะไรครับ งั้นคุณแม่บอกผมตรงนี้เลยก็ได้” แทนไทว่า นิตยลัภย์ถอนหายใจมองใบหน้าคมเข้มของลูกชายด้วยความไม่พอใจ ก่อนเดินมานั่งลงที่โซฟา ชายหนุ่มจึงเดินมานั่งลงที่โซฟา พลางมองใบหน้าของมารดาเหมือนจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร “เรื่องที่จะจับผมแต่งงานเพื่อลบข่าวสินะครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นทันที “เจ้าเตคงมาบอกแล้วสินะ” “ใช่ครับ” แทนไทรับคำสั้น ๆ ถึงยังไงข่าวที่ออกไปก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะแต่งงานกับเขาอยู่ดี “ก็ดี แม่จะมาบอกว่าแม่เตรียมงานแต่งเอาไว้แล้วนะ” เมื่อได้ยินแทนไทถึงกับมองด้วยความตกใจ “คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ ?!” “ก็แต่งงานไงล่ะ” นิตยลัภย์ตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าแทนไทถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง “ถ้าผมไม่แต่งละครับ” เขาถามขึ้น “ฮึ ! คิดเหรอว่าแม่จะยอมให้แทนปฏิเสธ อีกอย่างพ่อรู้ข่าวแล้ว วันนี้ตอนเย็นก็คงกลับมาถึง” แทนไทข่มสีหน้าทุกอย่างเอาไว้ “ผมไม่แต่ง อีกอย่างฝ่ายนั้นเป็นใครผมก็ไม่รู้” คำพูดของลูกชายทำให้นิตยลัภย์ถึงกับนิ่งเงียบ “ไม่รู้แต่รู้ว่าฝ่ายหญิงเขาตกลงเรียบร้อยแล้ว” แทนไทนั่งนิ่งไม่พูด สายตากลอกไปกลอกมาด้วยความว้าวุ่นใจ นี่เขาจะต้องแต่งงานจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ “ผมไม่ได้รัก...” “อย่าตอบว่าไม่ได้มีใจให้ผู้หญิงคนไหน ไม่งั้นแม่อกแตกตายพอดี” นิตยลัภย์พูดดักขึ้นอย่างรู้ทัน แล้วพูดต่อไปในทันที “เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ เรื่องอื่นแม่ไม่อยากฟัง” ชายหนุ่มนั่งนิ่งมองมารดาลุกขึ้นจากโซฟา “จะไปกินข้าวกับแม่ไหม ?” “ไม่ครับ” แทนไทตอบ ขณะมองมารดาสายตาที่เคร่งเครียด ในเวลาแบบนี้ใครจะมีอารมณ์ไปทานข้าวได้อีก อิ่มเลย จุกที่ลำคอไปหมด “งั้นแม่ไปก่อนล่ะ จะไปหาฤกษ์แต่งให้ด้วย” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ แต่งงานไม่ใช่ทางแก้ปัญหาทั้งหมดแต่อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่าได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย ! สายตาคมมองมารดาเดินออกไปจากห้อง พลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก คิดไม่ตกว่าควรจะแก้ปัญหาที่จุดไหนก่อนดี แต่สิ่งที่เขานึกคือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ? แล้วทำไมถึงตอบตกลงแต่งงานกับเขา !