ณัฐกฤตาออกมาพบวรรณรดาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากที่เมื่อตอนเที่ยงอีกฝ่ายได้โทร. มานัดเพราะต้องการคุยเรื่องการแต่งงานของเธอกับแทนไทให้กระจ่างรู้เรื่อง
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าพร้อมกวาดสายตามองหาร้านอาหารที่เพื่อนของเธอนัดพบก่อนจะเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว “มาแล้วเหรอ นึกว่ากำลังเพ้อฝันถึงคุณแทนไทจนลืมเพื่อนซะแล้ว” วรรณรดาแซวพลางมองใบหน้าของณัฐกฤตาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “บ้า ใครจะเพ้อถึงขนาดนั้น” หญิงสาวร้องด้วยน้ำเสียงเขินอาย “จะแต่งจริง ๆ เหรอ” สายตาของวรรณรดามองมาเหมือนกับบอกว่า...คิดให้ดีอีกครั้งเถอะ ! “ก็บอกแล้วไงว่าคุณแทนเขาไม่ใช่เกย์” หญิงสาวแก้ตัวแทนชายหนุ่ม แม้จะเคยคุยกับเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็รับรู้ว่าเขาต้องไม่ใช่ในแบบที่ทุกคนคิดอย่างแน่นอน “มีออกรับแทนด้วย เป็นหนักนะเนี่ย” วรรณรดาพูดด้วยความหมั่นไส้ “เปล๊า” คนตอบทำเสียงสูงยิ้มแก้มบาน “ช่างเถอะ แกแต่งฉันไม่ได้แต่ง แล้วกำหนดวันแต่งหรือยังว่าวันไหน” “ยังหรอก เห็นว่าจะดูฤกษ์แต่งงานกันอยู่น่ะ” หญิงสาวยิ้มเขิน ๆ “ก็ดี ยังมีเวลาตัดสินใจ” วรรณรดาเอ่ยขึ้นเหมือนว่าโล่งอกไปด้วย “อะไรกัน ทำไมเหมือนว่าไม่อยากให้ฉันสมหวังกับเขาเลยล่ะ แกน่าจะดีใจนะ” ณัฐกฤตามองเพื่อนสาวเหมือนน้อยใจ “ดีใจมาก ๆ ที่เพื่อนรักกำลังจะแต่งงานแล้วมีสามีเป็นเกย์” วรรณรดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชด เพราะไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผู้ชายดี ๆ มีมากดันไม่ชอบ ทำไมต้องเป็นคนนี้ด้วย ณัฐกฤตาได้แต่มองหน้าเพื่อนสาวอย่างทำใจ ใช่ว่าเธอจะเชื่อปักใจหมดว่าเขาไม่ใช่เกย์ ยังมีหลงคิดอยู่บ้างว่าบางทีอาจจะเป็นจริง ๆ ก็ได้ แล้วถ้าเขาเป็น ขึ้นมาล่ะเธอจะทำอย่างไร หัวใจของเธอต้องแตกสลายลง ไม่อยากจะให้เป็นอย่างนั้นเลย ไม่ได้ ! เขาจะต้องไม่เป็นเกย์ แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า แทนไทวางมือจากการทำงานตลอดทั้งวัน แผ่นหลังหนาเอนพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยความอ่อนล้า พลางถอนหายใจอย่างหนัก มือของเขายกขึ้นลูบใบหน้าพร้อมกับหลับตาลง เรื่องทุกอย่างกำลังเป็นที่เข้าใจผิด ควรทำยังไงดีในเมื่อไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างข่าวนี้ขึ้นมา ในวันที่เขาไปหาวศินเพื่อคุยเรื่องข่าวที่ออกมา ฝ่ายนั้นกลับทำท่าปฏิเสธด้วยความไม่รู้ที่มาของข่าว ‘ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ คุณแทนว่าทำไมข่าวมันออกมาเป็นอย่างนี้ ผมเองก็เสียหายเหมือนกัน แต่ในเมื่อออกมาแล้วผมก็ทำอะไรไม่ได้ครับ คงต้องรอให้ มันเงียบลงเท่านั้น’ แทนไทลืมตาขึ้นมา ชำเลืองมองนาฬิกาที่วางอยู่มุมโต๊ะ ก่อนขยับตัวจัดเก็บแฟ้มเอกสารที่ไม่ใช้แล้วสอดเข้าตู้ทางด้านหลัง ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมหยิบโทรศัพท์เดินออกจากห้อง ไปยังลานจอดและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดรับโทรศัพท์ “ว่าไง ?” เขาเอ่ยถามปลายสายเมื่อรู้ว่าเจ้าน้องชายโทรมา [พี่แทนกลับบ้านมาเร็ว ๆ นะครับ คุณพ่อกลับมาแล้ว ท่านกำลังรอพบพี่ชายสุดที่รักของผมอยู่] แทนไทถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความไม่พอใจ ขับรถต่อไปด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อรู้ว่าน้องชายหาเรื่องใส่ไฟให้อีกแล้ว เพียงเวลาไม่ถึงชั่วโมง แทนไทก็กลับมาถึงบ้านด้วยความวุ่นวายใจ ยิ่งทุกคนอยู่รวมกันครบทั้งครอบครัว ยิ่งรู้สึกน่ากลัวขึ้นมากเท่านั้น ชายหนุ่มเดินมายังห้องทำงานส่วนตัวของบิดา ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปซึ่งทุกคนต่างเข้ามานั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว “นั่งลง” แทนไทมองใบหน้าของผู้เป็นบิดาที่จ้องไม่วางตาด้วยสายตาผิดหวังพร้อมกับนั่งลงอย่างช้าๆ “ฮึ ! ฉันไม่อยู่ทีไรเกิดเรื่องทุกที แกทำอะไรลงไปรู้บ้างไหม !” ธรรศเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห ทันทีที่ได้รู้ข่าวจากภรรยาในตอนดึกของเมื่อวาน เช้าวันนี้เขาจึงรีบนั่งเครื่องบินกลับมาจากญี่ปุ่นทันที “แทนรู้ไหมว่าพ่อกับแม่อยากจะอกแตกตาย” เสียงของนิตยลัภย์แทรกขึ้น สีหน้าแสดงถึงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน “บอกมาเจ้าแทน แกจะแก้ปัญหานี้ยังไง” ธรรศถามขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเครียดไม่ต่างจากบุตรชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า จะให้เขาแก้ปัญหายังไงในเมื่อเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหาทางออกอย่างไร “ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างนักข่าวต่างใส่สีตีไข่กันทั้งนั้น” เขาตอบ “แต่ภาพในข่าวมันฟ้องออกมา เป็นฉันเห็นก็ต้องคิดว่าแกเป็น !” น้ำเสียงของบิดาพูดด้วยความโมโห สายตามองที่หนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ “ผมไม่ได้เป็น !” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ต้องมาแก้ตัว แค่นี้ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว !” แทนไทได้แต่มอง ไม่กล้าที่จะเถียงต่อ “แกต้องแต่งงานให้เร็วที่สุด !” ธรรศพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนลุกขึ้นเดินเข้ามาหาแทนไท “ผมไม่แต่ง อีกอย่างผมไม่ได้เป็นเกย์” ชายหนุ่มยืนยันคำเดิม “แล้วแกจะทำยังไง” ธรรศพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ “ผมไม่รู้ แต่ผมไม่แต่งงานเด็ดขาด !” เขาตอบพร้อมกับลุกขึ้น มองบิดาด้วยความโกรธ ทำไมต้องให้แต่งงานในเมื่อทุกอย่างไม่ใช่ความจริง “พี่ชายครับ ผมเข้าใจว่าการแต่งงานเหมือนเป็นการคบผู้หญิงเพื่อ บังหน้า แต่ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วครับ” เตชินท์พูดพร้อมกับขำออกมา “หยุดพูดซะ !” แทนไทหันไปจ้องมองน้องชายตัวแสบ “ไม่มีข้อแม้ ยังไงซะงานแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน !” นั่นเป็นคำพูดที่เขาไม่มีทางปฏิเสธได้อีกแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาที่ห้องทิ้งตัวลงที่นอนด้วยความอ่อนล้าพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่จะแต่งงานด้วยไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นณัฐกฤตา เครียด ! เขาเครียดมากกว่าเดิมอีกเป็นหลายสิบเท่าตัว ทำไมหล่อนถึงตกลงแต่งงาน !หลังจากที่กลับมาในตอนหัวค่ำพาลินก็เอาแต่นิ่งเงียบ ภาพที่ปีเตอร์เดินควงกับหญิงสาวสวยคนนั้นกลับผุดขึ้นมาในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า พาลินนั่งขดตัวอยู่บนโซฟา มือทั้งสองข้างกุมไหล่ที่เหน็บหนาวเอาไว้ เธอไม่ควรจะคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป เพราะไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรจะไปกับใครก็ตามแต่...“บ้า! บ้าที่สุด” เธอพึมพำกับตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่ชินเพราะปกติแล้วเขาไม่เคยเดินไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นยกเว้นกับเธอ ความรู้สึกนี้เหมือนกับตอนที่พี่แทนรักคุณขวัญ จนไม่สนใจเธอ เจ็บ!เธอเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุดเสียงออดดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง พาลินสะดุ้งจากภวังค์พร้อมกับมองไปที่ประตู หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปที่ประตูก่อนจะมองว่าเป็นใคร มือนั้นลังเลใจที่จะเปิด สุดท้ายแล้วก็เปิดและมองหน้าเขาที่ยิ้มให้กับเธอ“ยังไม่นอนใช่ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น พาลินส่ายหน้าเป็นคำตอบ“เข้าไปข้างในได้ไหม?”“อืม” เธอหลีกทางให้เขาเดินเข้ามาในห้องก่อนที่จะปิดประตูลงพาลินสบสายตามองแววตาคู่ที่อบอุ่น หัวใจ ของเธอระทวยลงเมื่อเห็นเขามองแบ
“ไปหาเจฟน่ะ เขาชวนฉันไปเดินเที่ยว”“งั้นเหรอ” เขาขานรับแบบไม่พอใจ แต่ก็ไม่อยากไปขัดขวางจึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วพูดว่า “งั้นผมกลับก่อน เที่ยวให้สนุกล่ะ” ขณะที่พาลินเดินเข้าไปในห้องนอนทำนองว่า เธอฟังแต่ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่ชายหนุ่มหัวเราะให้ตนเองอย่างสมเพช ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้...“คุณดูไม่มีความสุขนะเวลาที่อยู่กับผม” เจฟพูดขึ้น เพราะตั้งแต่เดินซื้อของก็ไม่เห็นเธอปริปากพูดสักคำ มีเพียงแค่เขาถามและเธอตอบเท่านั้น“เปล่าสักหน่อย แค่รู้สึกไม่สบาย” พาลินโกหก“งั้นเหรอ ให้ผมไปส่งดีไหม”หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก”“งั้นก็แล้วแต่นะ ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วยบอกได้นะ ยินดีเสมอ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยิ้มให้“ขอบคุณนะ”เจฟ คือเพื่อนที่เรียนอยู่มหา’ ลัยเดียวกับเธอแต่คนละสาขาวิชา เธอรู้มาตลอดว่าตั้งแต่เรียนอยู่หลายครั้งที่ชายหนุ่มแสดงออกกับความรู้สึกที่มีต่อเธอ...ทว่าคงเป็นไปไม่ได้“โอ้นั่น! ปีเตอร์นี่มากับสาว
“ตอนนั้นโกรธค่ะ โกรธมากด้วยแต่ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ เพราะฉันก็มีส่วนที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้”“ไม่หรอกครับ ผมต่างหาก ถ้าผมไม่คิดจะทำร้ายคุณผมคงไม่ต้องมาทรมานอยู่แบบนี้ คุณเป็นผู้หญิงที่ดี ผมดีใจที่คุณแทนรักคุณ” วศินพูดพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวสำหรับเขาแล้วความรักของเขาคงจะเป็นเพียงได้แค่การมองดูและแอบชอบต่อไป ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะไม่เคยลืม เพราะว่ารักไม่จำเป็นต้องได้อยู่ด้วยกัน สำหรับเขาขอแค่มองห่าง ๆ ต่อไปก็พอ…แทนไทเดินออกจากห้องน้ำพร้อมส่งสายตามองภรรยาที่นอนดูทีวีอยู่บนเตียงก็อดที่จะยิ้มขำออกมาไม่ได้ สองเท้าก้าวย่างเข้าไปหาแล้วนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนขยับเข้าไปหาอย่างช้าๆชายหนุ่มหันไปมองซีรีส์เกาหลีที่ภรรยาสาวกำลังดูอยู่นั้น คู่พระนางกำลังกอดกันอย่างหวานซึ้ง ก่อนหันมามองหญิงสาวที่กำลังจิกหมอนดูเพลินพลางหัวเราะยิ้มเขิน ๆ ออกมา เขาเอื้อมมือไปหยิบรีโมตที่ข้างตัวเธอขึ้นมาพร้อมเลื่อนนิ้วไปที่ปุ่มสีแดงเพื่อกดปิดจอให้ดับลงทันทีที่จอภาพดับสนิทเป็นสีดำณัฐกฤตาหันมามองสามีด้วยความไม่พอใจ พลางเอื้อมมือไปเพื่อแย่งรีโมตคืน“เอาคืนฉันมาเล
“แพงไม่กล้าหรอกค่ะ...ในเมื่อพี่แทนพูดอยู่เสมอว่าแพงเป็นน้องสาวคนเดียวของเขา แม่คิดว่าแพงจะกล้าเหรอคะ แพงกลัว กลัวว่าพี่แทนเขาจะรังเกียจ กลัวว่าพี่แทนจะไม่คุยกับแพง...แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นเพราะแพงทำให้พี่แทนเกลียด แพงทำร้ายคุณขวัญ แพงเลวใช่ไหมคะคุณแม่”พาลินระบายความทุกข์ในใจออกมาให้ฟัง“ลูกผู้หญิงทุกคนก็อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรัก แล้วลูกได้ไปพูดกับ ตาแทนหรือยัง เราควรที่จะพูดทำความเข้าใจนะ” กรพรรณพูดอย่างเห็นใจ“ไม่ดีกว่าค่ะ แพงไม่อยากทำให้พี่แทนเกลียดไปมากกว่านี้” เธอส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า“แทนไม่เกลียดลูกหรอก เขาก็แค่โกรธที่ลูกทำร้ายเขา ถึงแม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแต่เราก็ผิดนะแพง แม่ว่าควรไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”“แพงคุยแล้วค่ะ แต่คงไม่มีประโยชน์ค่ะ”“แล้วเราจะหลบหน้าไม่คุยกับตาแทนไปทั้งชีวิตยังงั้นเหรอ แม่ว่ามันอึดอัดนะ” กรพรรณมองลูกสาวด้วยความห่วงใย“เป็นแบบนี้ดีแล้วค่ะ เพราะแพงเป็นคนก่อ แพงก็ต้องเป็นคนยอมรับผลที่แพงก่อ”พาลินยอมรับ
“คุณวศินตอนนี้เป็นอัมพาตครับ เพราะตอนกระแทกฝั่งคนขับถูกกระแทกเข้าอย่างแรงครับ”“เป็นเพราะฉันที่ทำให้...”“ไม่ใช่ความผิดคุณ แต่เป็นความผิดของวศินต่างหากละครับ ถ้าไม่คิดจะทำร้ายคุณคงไม่ต้องพบจุดจบแบบนี้หรอกครับ ดีนะที่ยังไม่พาคุณเข้าโรงแรมไม่ยังงั้นผมจะเป็นคนอัดคุณวศินเอง” แทนไทพูดตามความจริง เพราะถ้าวศินไม่คิดจะทำร้ายภรรยาเขาทุกอย่างก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ เวรกรรมตามทันเร็วราวกับติดปีก ก็ต้องให้วศินรับกรรมที่ก่อไว้“แล้วทำไมถึงรู้ว่าคุณวศินจะพาฉันเข้าโรงแรมล่ะคะ ในเมื่อฉันก็ไม่ได้โทร. บอก หรือว่าคุณไปเยี่ยมเขามาแล้ว ?” หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ“เปล่าครับ ผมไม่ได้ไปเยี่ยม แต่แพงเป็นคนบอกผม...เธอร่วมมือกับคุณวศิน” น้ำเสียงของแทนไทดูหมองเศร้าลงเมื่อพูดถึงพาลิน“คุณพาลิน ? เธอทำแบบนั้นทำไมคะ” ณัฐกฤตาเอ่ยขึ้น“แพงชอบผม เธอเลยทำแบบไม่ทันคิด”“แล้วคุณได้คุยกับคุณแพงหรือยังคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง สายตาคู่สวยมองชายหนุ่มที่ก้มหน้าลง เธอรู้ว่าเขาคิดกับพาลินเหมือ
สามวันแล้วที่ณัฐกฤตายังไม่ฟื้นขึ้นมา ทำให้แทนไทเริ่มเป็นห่วงว่าหญิงสาวจะเป็นอะไรไป เขาไม่ได้เข้าทำงานตลอดสามวัน เพราะว่าจิตใจตอนนี้ไม่อยู่กับงานเลยแม้แต่น้อย ส่วนวศินนั้นอาการสาหัสเพราะเป็นอัมพาตส่วนล่างโดยทั้งหมดเพราะถูกแรงกระแทกอย่างแรง จะกลับมาเดินได้ใหม่คงต้องใช้เวลาอีกสักปีหรือสองปีตามที่หมอบอกแทนไทเอื้อมมือไปลูบที่เส้นผมบางของภรรยาด้วยความรักแล้วความห่วง ส่งสายตามองหญิงสาวในยามหลับ เขาอยากจะให้เธอตื่นขึ้นมาคุย นี่ก็ผ่านมาแล้วสามวันช่างทรมานใจเขาเหลือเกิน คิดถึง...จนแทบปวดใจ“ที่รัก ตื่นขึ้นมานะครับ ผมคิดถึงคุณ” แทนไทพูดพร่ำพร้อมพรมจูบไปทั่วมือสวยของภรรยา“ได้เวลาเช็ดตัวคนไข้แล้วนะคะ”ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับถาดเช็ดตัวคนไข้แทนไทเดินออกจากห้อง ขณะที่พยาบาลเลื่อนผ้าม่านปิดล้อมเตียงไว้ เขาเดินออกมาตามทางเดินเรื่อย ๆ ก่อนหยุดเดินลงเมื่อเห็นพาลินเดินเข้ามาหา“พี่แทน”พาลินเรียกชายหนุ่มในสรรพนามที่เหมือนเดิม แต่แววตาที่เขามองแตกต่างออกไปอย่างชัดเจ