หลัวซางหันกลับมาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ และมิได้เอ่ยคำใด
เห็นเช่นนั้น ฉินซูก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่
เขาส่ายหัวเบา ๆ จากนั้นก็เดินมาถึงห้องโถงใหญ่ชั้นเจ็ด
เมื่อเข้ามาในห้อง ซ่างกวนอวิ๋นซีก็ยื่นฝ่ามือขาวนวลไปทางเขาทันที
ฉินซูขมวดคิ้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยื่นมือออกไปหมายจะจับมือของอีกฝ่าย
ซ่างกวนอวิ๋นซีตบฝ่ามือของเขาออก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “อย่ามาเล่นลิ้นกับข้าเช่นนี้ ไหนเคล็ดวิชาเล่า?”
“เคล็ดวิชากระไร?”
“ก็เคล็ดวิชาแยกร่างพันแสงที่เจ้าสัญญาไว้เมื่อคืนอย่างไรเล่า”
ฉินซูแบมือสองข้างพลางพูดว่า “เมื่อคืนข้าเพียงพูดว่าจะพิจารณา หาได้เอ่ยตกลงว่าจะให้ท่านไม่”
ใบหน้าสวยของซ่างกวนอวิ๋นซีเย็นชาขึ้นทันใด เสียงของนางเย็นเยียบเสียดถึงกระดูก!
“เช่นนั้นเจ้าล้อข้าเล่นรึ?”
ระหว่างที่พูด กลิ่นอายสังหารหนาแน่นปะทุออกมาจากดวงตาคู่งามของนาง
ฉินซูถอนหายใจอย่างหมดทางเลือก และพูดว่า “มิใช่ว่าข้ามิอยากถ่ายทอดให้ท่าน แต่ด้วยเพราะแม้ว่าข้าจะถ่ายทอดให้ท่าน ท่านก็ฝึกมิได้อยู่ดี!”
“ตลกรึไร ข้าซ่างกวนอวิ๋นซีแม้จะมิใช่สุดยอดอัจฉริยะ แต่ก็สามารถฝึกฝนจนถึงระดับนี้ได้ ข้าถามตัวข้าเองแล้ว มิว่าจะพรสวรรค์หรื