คืนนี้ผับของอมรก็ยังคึกคักไปด้วยผู้คนเช่นเคย โดยเฉพาะคืนนี้เขาจ้างนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดังมาสร้างสีสันให้กับนักเที่ยวด้วย ผับของเขาก็แทบจะไม่มีที่ให้ยืน ส่วนโชว์ของฝนนั้นเล่นคั่นเวลาระหว่างรอให้นักร้องดังมาขึ้นเวที
"เอ้าทุกคนเตรียมตัวขึ้นเวทีได้" เจ๊นกตะโกนบอกเด็ก ๆ ให้เตรียมพร้อมเพื่อขึ้นโชว์บนเวที และหันไปกำชับกับนักร้องเพราะนักร้องคนนี้เป็นตัวสำรองที่มาแทนนักร้องตัวจริงที่โดนผัวซ้อม ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็มืออาชีพกันอยู่แล้ว ทุกคนจึงเดินเรียงแถวกันขึ้นเวที นักร้องก็แสดงเต็มที่ ส่วนแดนเซอร์ก็ลีลาสุดยอด "ไงวะเข้ม เคลียส์เสร็จแล้วเหรอเรื่องเอ็งกับแม่สาวเอวเด้งคนนั้นน่ะ" อมรพยักเพยิดไปทางฝนที่กำลังออกลีลาส่ายสะโพกอยู่บนเวทีเป็นเชิงถามเพื่อนรัก เข้มส่ายหน้า แล้วก็ยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียวหมดแก้ว "เฮ้ยใจเย็น ๆ ก่อนจะรีบไปใหน" อมรร้องเสียงหลง ขืนกินดุแบบนี้เขากลัวว่าเพื่อนจะน็อคไปซะก่อน "ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้จิ๊บ ๆ " เข้มก็ยังยกแก้วไม่มีแผ่วเลย หวังให้ความเย็นของน้ำแข็งและรสชาดของเหล้าช่วยดับความร้อนรุ่มในใจของเขาให้มันลดลงบ้าง ซึ่งอาการร้อนรุ่มนี้เข้มเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ รู้แค่ว่าเขารู้สึกไม่ชอบใจที่มีสายตาของใครหลาย ๆ คนมองไปบนเวทีที่มีฝนกำลังเต้นอยู่ ถ้าหากเป็นไปได้เขาอยากจะให้เธอเลิกทำงานที่นี่ไปเลย แต่ก็ไม่รู้จะบอกเธอในฐานะอะไร เขานั่งดูฝนแสดงจนจบ จึงได้เดินออกมาสูบบุหรี่เพื่อผ่อนคลาย ไม่ได้กินเหล้าหนัก ๆ แบบนี้มานานรู้สึกมึน ๆ เหมือนกัน "จ้ะแม่ เดี๋ยวหนูจะรีบไป" เข้มเงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ไม่นานเขาก็เห็นฝนรีบร้อนเดินมุ่งหน้ามาทางนี้ เขาจึงรีบดับบุหรี่และเดินไปดักหน้าเธอไว้ "ว้ายยยย !" ฝนแหกปากร้องลั่นด้วยความตกใจ แต่เมื่อเพ่งมองผ่านแสงสลัว ๆ ของลานจอดรถและรู้ว่าคนที่ยืนตระหง่านขวางทางเธออยู่นั้นเป็นใครก็คลายความตกใจลง "คุณเข้ม" นี่เขากะจะให้เธอหัวใจวายตายเลยรึไงนะ ในการปรากฏตัวของเขาแต่ละทีเล่นเอาเธอตกใจฉี่แทบราด "รีบร้อน จะไปใหน" ถามเธอเสียงเรียบ ๆ แต่ปนไว้ด้วยความอยากรู้ ฝนจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับเขา นึกสงสัยอยู่ครามครันว่าทำไมอีตาคุณเข้มคนนี้ถึงได้ปรากฏกายขึ้นในตอนที่จิตใจของเธอไม่ปกติทุกทีสิน่า เมื่อคืนก็ทีนึงแล้วเพราะตื่นเต้นจากหนังสดเมื่อคืนไม่ทันได้ดูตาม้าตาเรือก็ชนเขาจนก้นกระแทกพื้น พอมาคืนนี้แม่ก็โทรมาจากโรงพยาบาลบอกว่าพ่ออาการไม่ค่อยดีถ้าเสร็จงานแล้วก็ให้รีบไปหาที่โรงพยาบาลหน่อย ดีนะที่โรงพยาบาลกับผับแห่งนี้อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ แค่อยู่คนละฟากฝั่งของหนองประจักษ์ เดินอ้อมไปก็น่าจะถึง (หนองประจักษ์คือแลนมาร์คของตัวจังหวัดอุดรธานีเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มีเป็ดเหลืองตัวใหญ่อยู่ในหนองด้วย) "จะไปส่งหรือเปล่าล่ะ?" ไม่รู้นึกยังไงฝนถึงได้ถามเขาออกไปแบบนั้นถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเธอจะไม่คุยด้วยเลย จะรีบเดินเลี่ยงออกไปทันที แต่นี่เพราะเป็นเขาแม้จะพึ่งรู้จักกันได้แค่สองวันแต่ฝนกลับรู้สึกว่าเขามีความเป็นสุภาพบุรุษและความเป็นลูกผู้ชายมากพอซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันวัดจากอะไรแต่สัญชาติญาณของผู้หญิงมันบอกแบบนั้น อีกอย่างนึงเธอก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะไปส่งเธอจริง ๆ หรอก "ก็ไปสิ" แต่เมื่อได้ฟังคำตอบจากเขาเธอก็นิ่งไป เข้มไม่ยอมเสียเวลาคว้าข้อมือของเธอเข้ามาอยู่ในอุ้งมือแกร่ง และจูงมือเธอพาไปยังมอร์เตอร์ไซค์คันเท่ห์ของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นทันที ถอดเสื้อแจ็คเก็ตใส่ให้เธอ สวมหมวกกันน็อคให้ และเขาก็หยิบหมวกกันน็อคอีกใบออกมาจากถุงหนังสำหรับใส่สัมภาระต่าง ๆ ที่เธอเคยเห็นพวกแก๊งค์ฮาร์เล่ย์เขาแขวนไว้ที่มอร์เตอร์ไซค์ขึ้นมาสวม ขึ้นคร่อมรถและฝนก็นั่งซ้อนท้าย "ตกลงจะไปใหน" หันมาถามเธอ เนื่องจากชิดใกล้ขนาดนี้เขาจึงได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ไม่เหมือนใครของเธอลอยมาแตะจมูก เกิดอาการร้อนรุ่มตรงบริเวณใต้สะดือ ยิ่งเธอเอื้อมมือมาโอบเอวเขาเพื่อยึดไว้ไม่ให้ตกรถมอร์เตอร์ไซค์ด้วยแล้วล่ะก็เลือดในกายเขาก็แล่นพล่านขึ้นมาทันที เขากัดฟันข่มอารมณ์พลุ่งพล่านต่าง ๆ รอคำตอบจากเธอ "ไปโรงพยาบาลที่อยู่ตรงโน้นนนค่ะ" ฝนตอบคำถามพร้อมกับชี้จุดหมายปลายทางให้เขาดู ซึ่งจากบริเวณที่ทั้งสองคนอยู่นั้นสามารถมองเห็นตึกของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีได้อย่างชัดเจน เมื่อรู้สถานที่ที่เธอต้องการจะไปแล้ว เขาก็บิดกุญแจสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ประมาณสิบห้านาทีก็มาถึงโรงพยาบาล หาที่จอดรถได้แล้วฝนกับเข้มก็เดินตามกันเข้า ไป ระหว่างนั้นเธอก็โทรหาแม่เพื่อถามว่าอยู่ที่ใหน "แม่หมอบอกว่าพ่อเป็นยังไงบ้าง ?" เมื่อเจอหน้าแม่ เธอก็ถามถึงอาการของพ่อทันที นางฉวีเมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากโข แต่ใหนแต่ไรฝนก็เหมือนเสาหลักของบ้าน เป็นที่พึ่งให้กับทุกคนในครอบครัว ตั้งแต่สามีของเธอไม่สบาย ป่วยออด ๆ แอด ๆ มาสองสามปีนี้ก็ได้ลูกสาวคนนี้แหละที่คอยหาเงินเข้าบ้าน "หมอยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรเลย รอตรวจก่อน" ตอบลูกสาวไปเสียงแผ่ว "แม่กินอะไรหรือยัง ได้อาบน้ำอาบท่าหรือเปล่า ? หนูเอาชุดมาให้เปลี่ยนด้วย นี่ไง" ปลดกระเป๋าเป้ออกจากบ่า ค้นเอาข้าวของเสื้อผ้าออกมาและยื่นให้กับแม่ เนื่องจากเมื่อเช้าพาสามีมาโรงพยาบาลด้วยรถฉุกเฉิน และไม่คิดว่าจะได้นอนโรงพยาบาลจึงไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย นางฉวียื่นมือมารับข้าวของเครื่องใช้จากลูกสาวและเหมือนจะพึ่งสังเกตเห็นว่าลูกสาวไม่ได้มาเพียงลำพัง "แม่กินข้าวแล้วล่ะเมื่อตอนหัวค่ำ น้ำก็อาบแล้ว อาบที่บ้านพักญาติในโรงพยาบาลนี่แหละ อาบแล้วก็ใส่ชุดเดิม" ตอบคำถามลูกสาวพร้อมกับชำเลืองมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แถมหน้าตาดีท่าทางไม่ธรรมดาที่มากับลูกสาว ฝนก็เหมือนเพิ่งจะนึกได้ เธอจึงแนะนำเขาให้รู้จักกับแม่ของเธอ "แม่ นี่คุณเข้มจ้ะ เป็น..เอ่อ..เป็น" ฝนตะกุกตะกักไม่รู้จะบอกแม่ยังไงดี "สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้านายของฝน" เขายกมือไหว้และแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ นางฉวีรับไหว้อย่างเงอะๆ งะ ๆ "ลำบากแล้ว ขอบคุณที่มาส่งฝนมันนะคะคุณ" เข้มได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไรต่อ เขาเดินเลี่ยงออกมาสูบบุหรี่ปล่อยให้สองแม่ลูกปรึกษาหารือกัน ในหัวสมองเริ่มทำงานอย่างหนัก เขาคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และพอจะเห็นอะไรเกี่ยวกับฝนลาง ๆ แล้ว ที่เธอต้องมาเป็นแดนเซอร์ที่ร้านของอมรนี้น่าจะเพราะว่ามีปัญหาเรื่องเงิน เดี๋ยวรอให้พี่ดำสืบก่อนจะดีกว่า เพราะถ้าเขาถามเธอตรง ๆ ไก่อาจจะตื่นได้ เข้มคิดไปถึงขนาดไหนเนี่ย เกือบครึ่งชั่วโมงฝนก็เดินมาหาเขา "ขอบคุณคุณเข้มมากเลยนะคะที่วันนี้ไปรับและยังมาส่งฝนที่โรงพยาบาลด้วย แถมยังรับสมอ้างว่าเป็นเจ้านายให้ฝนอีกต่างหาก ไม่อย่างนั้นแม่ซักไม่เลิกแน่ เดี๋ยวฝนจะนั่งเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้รอให้สว่างก่อน เพื่อรอพบหมอ จะได้สอบถามอาการของพ่อด้วยเลย คุณเข้มกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะนี่ก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว ขอบคุณอีกครั้ง" เธอพูดขอบคุณเขายืดยาวและหันหลังเพื่อจะเดินออกไป