เมื่อเข้มกลับมาถึงบ้านพักเขาก็โทรหาพี่ดำเพื่อที่จะให้ช่วยสืบประวัติของฝน พี่ดำรับปากภายในสามวันรู้เรื่อง
"เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะเดินทางไปอุดรเลยครับ" แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่เข้มใช้ให้เขาซึ่งเป็นมือขวาสืบให้ แสดงว่าจะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดา "ให้เจ้าขาวไปด้วยไหมครับ" "ไม่ต้อง ให้พี่ขาวอยู่ดูแลงานทางโน้นนั่นแหละครับ เพราะอีกนานกว่าผมจะกลับ คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง" "ท่านสบายดี แต่บ่นว่าคิดถึงคุณเข้ม" "ครับ เดี๋ยวผมจะโทรหาท่านเอง" เมื่อวางสายจากพี่ดำแล้ว เข้มก็เปิดโน้ตบุ๊ค เพื่อเช็คงานและอีเมล์ งานไม่มีปัญหาอะไร พี่ดำกับพี่ขาวสุดยอดมาก สามารถทำงานแทนเขาได้แทบจะทุกอย่าง เข้มเจอสองคนนี้ตอนที่ยังเรียนอยู่ เป็นรุ่นพี่ของสถาบันคู่อริ เคยไล่ตีไล่ฟันกันหลายครั้ง จนกระทั่งเขาเรียนจบและกลับไปบริหารงานที่บริษัท สองคนนี้ไปสมัครงาน เขาจึงรับไว้ ตั้งแต่นั้นมาพี่ดำกับพี่ขาวก็เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเขาบริหารบริษัทจนเติบโตมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้ เข้มเหลือบมองนาฬิกา บ่ายสามกว่าแล้วเขาจึงได้ไปหาอมรที่บ้าน เขาอยากได้บ้านแบบนี้สักหลัง คงต้องให้อมรจัดการให้ ซื้อไว้เลยดีกว่าเพราะเขากะว่าจะอยู่อีกนานไม่อยากรบกวนเพื่อน แต่เมื่อไปที่บ้านปรากฏว่าอมรเข้าไปที่ผับแล้ว เข้มจึงตามไป เมื่อเห็นเพื่อนยุ่ง ๆ อยู่ เขาจึงเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วบริเวณผับ จนกระทั่งเจอเจ๊นก "พี่นก" ร้องทักออกไป เจ๊นกหันมาและเดินมาหาเขาทันที อยากรู้เรื่องที่เข้มไปหาฝนเหมือนกันเป็นยังไงบ้าง ไม่เห็นมันโทรมาบอกเธอเลย "คุณเข้ม เจอนังฝนไหมคะ" เข้มพยักหน้า เป็นเชิงบอกว่าเจอ "พี่นกจะไปใหนเหรอครับ" "พี่จะไปรับฝนมาทำงานน่ะค่ะ" เข้มพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ และคิดอะไรดี ๆ ออกมาได้เขาจึงบอกกับเจ๊นก "เดี๋ยวผมไปรับเธอเอง" "จะดีเหรอคุณเข้ม พี่เกรงใจ อีกอย่างบ้านนังฝนก็ไม่ใช่แค่ปากซอย แต่ว่าอยู่บ้านนอกไกลปืนเที่ยงโน่น" "ผมรู้หรอกน่า พี่นกไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมไปรับเธอเอง" เจ๊นกยอมให้เข้มไปรับฝนแต่โดยดี แม้จะไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ กลัวว่าเข้มจะยังไม่หายโกรธเรื่องที่ฝนตบหน้าเขาเมื่อคืน แต่ทำไงได้เธอเองก็มีเรื่องต้องให้จัดการอยู่ด้วยเหมือนกัน นักร้องคนสวย โดนผัวซ้อมเพราะดันไปมีอะไรกับมือกลอง ผัวจับได้เลยโดนชุดใหญ่ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ส่วนมือกลองนั่นก็เจ็บตัวอยู่ไม่น้อยคงไม่สามารถมาทำงานได้อีกหลายวัน แล้วเธอจะหาใครมาแทนได้ทันเนี่ย นักร้องน่ะยังพอมีสำรองอยู่ แต่มือกลองนี่สิ จะให้ใครตีแทน ฝนหลังจากเก็บร้านเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็กลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าและนั่งรอเจ๊นกอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน แม่โทรมาบอกว่าพ่อต้องนอนที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพราะโรงพยาบาลประจำอำเภอส่งตัวเข้าไป เธอค้างที่ผับอยู่แล้ว ในตอนเช้าค่อยไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล "ฟ้า กับ ฟาง อยู่บ้านดี ๆ นะ พี่ไปทำงานพรุ่งนี้สาย ๆ ถึงจะกลับพ่ออยู่โรงพยาบาลแม่ต้องเฝ้าพ่อด้วย กินข้าวกินปลาอาบน้ำอาบท่าแล้วก็รีบเข้านอน มีอะไรโทรหาพี่ทันที" ระหว่างที่รอเจ๊นกฝนก็กำชับน้อง ๆ สองคน เด็กสาวทั้งสองรับคำเสียงหนักแน่น "จ้าพี่ฝน" เธอถึงได้วางใจ นั่งรอเจ๊นกต่อ มองดูเวลาเลยมาเกือบสิบนาทีแล้วกำลังจะโทรหาเจ๊นก ก็พอดีได้ยินเสียงกระหึ่มของมอร์เตอร์ไซค์ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นี่เด็กแว้นที่ใหนวะเนี่ยหนวกหูจริง ๆ จนกระทั่งเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ 2 สูบวีนั้นมาหยุดที่หน้าบ้านของเธอนั่นแหละ ฝนก็ตกใจอีกรอบขยี้ตาตัวเอง เข้มดับเครื่องยนต์ก้าวลงจากรถมอร์เตอร์ไซค์ ขายาว ๆ ของเขานั้นดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์มาก หากพบเจอกันในสถานการณ์อื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ฝนคงกรี๊ดให้กับความหล่อแบบอบอุ่นของเข้มเป็นแน่ เขาก้าวยาว ๆ สี่ห้าก้าวก็เดินมาถึงตัวเธอที่นั่งห้อยขาอยู่บนแคร่ไม่ไผ่ ยื่นหมวกกันน็อคให้ ฝนยื่นมือไปรับแบบงง ๆ "พี่นกให้ฉันมารับเธอ" เมื่อเห็นสีหน้ามีคำถามของเธอเขาจึงคว้าข้อมือของเธอให้ลุกขึ้นยืน ดึงหมวกกันน็อคในมือเธอมาสวมให้ หยิบกระเป๋าเป้สีดำที่วางอยู่บนแคร่ยัดใส่มือเธอ "รีบไปเถอะ" พร้อมกับลากแขนเธอให้ไปยังมอร์เตอร์ไซค์ของเขา ฝนที่ยังงง ๆ อยู่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เข้มก้าวขึ้นคร่อมมอร์เตอร์ไซค์ ฝนก็ก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย เขาบิดกุญแจสตาร์ทรถเครื่องและบิดออกไปทันทีฝนแทบหงายหลังดีที่คว้าเสื้อของเขาไว้ได้ทัน เข้มจึงดึงมือของฝนมากอดเอวของเขาไว้ เร่งความเร็วขึ้นอีก ฝนกอดเอวของเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก หนีบรองเท้าช้างดาวแน่น หลับตาปี๋ใบหน้าแนบชิดกับแผ่นหลังของเขา ประมาณเกือบชั่วโมงเข้มก็พาฝนมาถึงผับ เธอกระโดดลงจากรถถอดหมวกกันน็อคคืนให้เขา และรีบวิ่งเข้าไปในผับท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของใครหลาย ๆ คน "เจ๊ จะให้คนอื่นไปรับหนูทำไมไม่โทรบอก" เมื่อเจอหน้าเจ๊นกเธอก็ถามพร้อมกับโวยวาย "อย่าเรื่องมาก รีบไปแต่งตัว" ฝนจึงวิ่งเข้าไปหลังผับที่จัดไว้เป็นโซนสำหรับแต่งตัวของพนักงาน เจ๊นกมองตามหลังฝนอย่างไม่เข้าใจในความโง่ของมัน จะมาโวยวายทำไมวะ มีผู้ชายหล่อ รวย ขนาดนี้ไปรับถึงบ้าน ถ้าเป็นอีนกนะจะรีบใช้มารยาหญิงมัดตัวไว้ให้ดิ้นไม่หลุดเลยแหละ เจ๊นกรีบตามฝนเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อไปตรวจตราความเรียบร้อยของบรรดาแดนเซอร์และนักร้อง รวมทั้งนักดนตรีด้วย เมื่อตรวจตราความเรียบร้อยต่าง ๆ เสร็จแล้วเจ๊นกก็เดินมาหาฝน "หล่อ รวย โสด นะโว้ยคนนี้" เจ๊นกหมายถึงคุณสมบัติของเข้ม ฝนทำหน้างง "ใครกันเจ๊ หล่อ รวย โสด" เจ๊นกเดินหนีไปอย่างเซ็ง ๆ ฝนไม่เข้าใจท่าทางของเจ๊แก ตั้งใจแต่งหน้าทำผมต่อ เมื่อมาส่งเธอที่ผับเรียบร้อยแล้วเข้มจึงกลับไปที่บ้าน และโทรหาพี่ดำ "ผมกำลังเตรียมตัวครับคุณเข้ม น่าจะไปถึงโน่นช่วงเช้ามืด" เมื่อวางสายจากพี่ดำแล้วเข้มก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวออกไปที่ผับ อยากจะหารือกับเพื่อนเรื่องซื้อบ้าน แต่ตัวเขารู้ดีว่าเรื่องซื้อบ้านเป็นเรื่องรอง ส่วนเรื่องหลักคือไปรอดูลีลาแม่สาวเอวเด้งคนนั้นมากกว่าหนึ่งปีต่อมา"อ้ายเข้ม ตื่นได้แล้วจ้า มื้อนี่เฮาต้องไปหว่านข้าวเด้ อ้ายลืมบ่ ?"ฝนเขย่าตัวปลุกสามีของเธอ เข้มงัวเงียลุกขึ้นมาดูเวลาในมือถือ ตีห้าครึ่งแล้ว รีบลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน พลางบอกกับตัวเอง ไม่ได้ลืมหรอกว่าวันนี้ต้องหว่านข้าว แต่ว่าเมื่อคืน..กับเมียมากไปหน่อยเลยลุกไม่ขึ้น ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มากินกาแฟอุ่น ๆ กับข้าวต้มมัดที่แม่ยายทำมาให้รองท้อง วันนี้เขาต้องไปไถนาและหว่านข้าวเพราะสองสามวันที่แล้วฝนแรกของฤดูโปรยปรายลงมา ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่ชาวนาจะเริ่มไถและเริ่มหว่านข้าวเข้มกับฝนแต่งงานกันได้ครบหนึ่งปีแล้ว เขาซื้อที่นาเพิ่มอีกหลายสิบไร่ จนคุณวิกรณ์กับคุณหญิงอมรรัตน์บ่น มัวแต่ทำไร่ไถนาจนไม่มีเวลาทำหลานให้ท่าน เมื่อคืนเข้มจึง..กับเมียหวังลบคำปรามาสของพ่อให้ได้'จุ๊บ'ทานกาแฟเสร็จก็จูบแก้มเมียรัก แล้วเดินไปที่รถไถขับออกไปยังท้องนา เพื่อไถนาเตรียมหว่านข้าว เข้มยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรแล้ว การอยู่อย่างเรียบง่ายแบบนี้ก็คือที่สุดของความสุขฝนเลิกขายน้ำแข็งใสเพราะเข้มไม่อยากให้เธอเหนื่อย อีกอย่างเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เดือนละครั้งเพื่อไปดูงานที่บริษัท แน่น
เข้มพาฝนแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทาง และพาเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านโดยขับมอเตอร์ไซค์คนละคัน เข้มขับมอเตอร์ไซค์ของฝน ส่วนฝนขับมอเตอร์ไซค์ของเข้ม ในตอนแรกฝนก็ไม่กล้าขับเพราะเธอไม่เคยขับรถมีคลัตช์มาก่อน และอีกอย่างมอเตอร์ไซค์ของเข้มคันใหญ่มากด้วย เครื่องยนต์มีขนาดถึง 1252 ซีซี เป็นทรงสปอร์ต แต่เพราะฝนหัวเร็วแทบทุกเรื่องเข้มแนะนำแค่นิดเดียวเธอก็ขับได้ปร๋อ แถมยังติดใจอีกต่างหาก"คุณเข้มขอขี่บ่อย ๆ ได้ไหมอ้ะ"เข้มยิ้มอ่อน"ตอบคำถามมาก่อน ระหว่างฉันกับรถ เธอชอบขี่อะไรมากกว่ากัน ?"ฝนตีผลัวะเข้าที่แขนเขาแก้เขิน"บ้าสิ ฝนยังไม่เคยขี่คุณเข้ม"พูดจบเธอก็หน้าแดง เข้มคิดในใจเดี๋ยวคืนนี้เธอจะได้ลองขี่เขาดู ถึงตอนนั้นเขาจะถามเธออีกทีระหว่างขี่พี่กับขี่รถของพี่อันใหนดีกว่ากันตอนแรกเข้มกะว่าถ้าพาเธอออกไปหาอะไรกินเสร็จแล้ว เขาจะยังไม่พาเธอกลับบ้านกะว่าจะนอนกกเธอสักสามวันสามคืน แต่เจ้าของร้านขายบ้านน็อคดาวน์โทรมาบอกว่ากำลังเอาบ้านเข้ามาส่ง แผนการณ์ที่วางไว้จึงต้องมีอันเปลี่ยนแปลง จำต้องเข้าไปดูเรือนหอสำเร็จรูปของตัวเองก่อน"ว้าว ๆๆ สวยมากเลยคุณเข้ม หลังกะทัดรัดน่ารักด้วย"เมื่อฝนเห็นบ้านไม้ไผ่ท
"อยากให้หยุดไหม ?"ฝนส่ายหน้าและหลับตาลง เข้มจึงอุ้มเธอไปที่เตียง ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างนุ่มนวลโยนออกไปไม่ใส่ใจทิศทาง ฝนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เอนกายลงบนเตียงกว้างช้า ๆ คิดจะคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย แต่เข้มรวบมือทั้งสองข้างของเธอไปไว้เหนือหัว พร้อมกับใช้สายตาสำรวจรูปร่างที่แสนงดงามของเธอ หน้าอกอวบที่มีขนาดใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่ว เรียวขายาว และผิวอันเรียบเนียนนั้นเป็นประกายยามต้องแสงไฟ ตัดกับผิวสีเข้มของเขาได้อย่างลงตัว"ไม่ต้องกลัว"เพราะเห็นร่างกายของเธอสั่นสะท้านเขาจึงกระซิบที่ข้างหูของเธอเป็นการปลอบใจ จูบแก้มเธอเบา ๆ และไล่ริมฝีปากอุ่นร้อนนั้นมาประกบกับริมฝีปากของเธออีกครั้ง ปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ เพื่อจะใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพราะเป้าหมายลำดับต่อมาของเข้มก็คือสองเต้าอวบใหญ่นั้น ฝ่ามือร้อนทั้งสองข้างของเข้มประกบลงบนสองเต้าอวบของเธอ ฝนสะดุ้ง เข้มบีบคลึงเบา ๆ สร้างความคุ้นเคยให้เธอผ่านความเสียวซ่าน ก่อนจะออกแรงขยำตามอารมณ์ที่คุกรุ่นของเขา "อือ .."ฝนครางประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บ เข้มจึงเบามือลงจากการบีบเค้นเป็นลูบไล้ ถอนริมฝีปากบางออกจากริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเ
ฝนนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เข้มซื้อให้เธอแทนเครื่องที่พวกมันทุบอย่างหงอยเหงาตลอดช่วงบ่ายนั้นเข้มไม่ได้โทรหาฝนเลย ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดว่าเข้มจะต้องโกรธเธอแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร ฝนจึงโทรไปปรึกษาฟองจันทร์คนที่เธอรักเหมือนพี่สาว ด้วยประสบการณ์อันมากมายของฟองจันทร์จะต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ "ว่าไงฝน ?""พี่ฟอง ฝนมีเรื่องอยากปรึกษาเดี๋ยวไปหาที่ร้านนะ""มีเรื่องอะไร ? ได้ ๆ เข้ามาหาพี่เลย"ฟองจันทร์เองก็รักและเป็นห่วงฝนเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเหมือนกัน ฝนจึงขออนุญาติพ่อกับแม่ไปหาฟองจันทร์ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไป ตาสอนกับนางฉวีไม่อยากให้ลูกสาวออกจากบ้านไปไหนเลยเพราะเพิ่งเกิดเรื่อง แต่ก็ทนลูกอ้อนและเหตุผลของลูกสาวไม่ไหว"แม่จ๋า พ่อจ๋า ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ คนที่ทำมันก็ถูกจับไปแล้ว อีกอย่างร้านพี่ฟองก็ไม่ไกลสักหน่อยเดี๋ยวหนูจะรีบไปรีบกลับน้า"พูดจบเธอก็รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และขับออกไปทันที ประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงร้านกาแฟของฟองจันทร์"พี่ฟอง สวัสดีจ้า พี่เพชรไปทำงานเหรอจ๊ะ ?""เปล่าจ้ะ พี่เพชรเขาพาแฟนของฝนไปธุระน่ะ นี่คุณเข้มเขาไม่ได้บอกฝนเหรอ"ฝนส่ายหน้า ดวงต
เมื่อจัดการยามหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยพวกของเข้มก็บุกเข้าไปในโกดังร้าง "หยุด ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มของคนร้ายและเจ้าหน้าที่ ส่วนอมรกับเข้ม พี่ดำและพี่ขาวรีบตรงไปยังอาคารหลังเล็กที่แยกออกมาจากโกดังหลังใหญ่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีเวรยามเลย ผิดกับตรงโกดังหลักที่มีเวรยามวางอยู่ทั้งห้าคน"สัญญาณแจ้งว่าอยู่ตรงจุดนี้แน่นะครับนาย ?"พี่ดำถาม เข้มพยักหน้า กระชับปืนในมือและค่อย ๆ ย่องไปตรงหน้าประตู ฝนที่ได้ยินเสียงปืนเธอรีบลุกขึ้นและเดินมะงุมมะงาหราในความมืดตรงไปยังประตู เธอวางแผนไว้ในใจว่าถ้ามีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจะวิ่งสวนออกไป ตายเป็นตาย เธอเอาหูแนบกับประตูไว้เพื่อฟังเสียงด้านนอกเสียงปืนทางด้านโกดังใหญ่เงียบลงแล้ว อมรจึงขอตัวไปดูทางนั้น เมื่อเป็นดังนี้แล้วเข้มก็รับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว เขาจึงส่งเสียงเรียกออกไป"ฝน ! เธออยู่ในนั้นไหม ?"ฝนดีใจแทบบ้าตาย ในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป แต่พอเขาตะโกนเรียกอีกเป็นครั้งที่สองเธอก็แน่ใจว่าเป็นเสียงของเข้มแน่ ๆ"คุณเข้ม ! ช่วยฝนด้วยค่ะ"เมื่อได้ย
ในใจของเข้มตอนนี้ร้อนรนราวกับไฟ เขารู้ได้ทันทีว่าคนที่จับตัวฝนไปจะต้องเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ชื่อเก่งคนนั้นแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้มีศัตรูที่ใหนนอกจากมันคนนี้ฝนงัวเงียตื่นขึ้นมาในห้องมืดสลัวห้องหนึ่ง เธอจำได้ว่าหลังจากออกมาจากห้องน้ำมีพวกวัยรุ่นสามคนจับตัวเธอมา โดยคนหนึ่งใช้ปืนจี้ที่เอวของเธอ และอีกสองคนประกบซ้ายขวา ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวมาเที่ยวงานบุญบั้งไฟทั่วไป หากไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นปืนที่จี้อยู่ที่เอวของเธอเลย เพราะพวกมันใช้ตัวบังเอาไว้ เธอพยายามตั้งสติและมองหาเข้มแต่มันพาเธอเดินออกไปทางหลังโรงเรียนซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับสนามฟุตบอลที่กำลังทำการแสดงอยู่ บริเวณนั้นเป็นทุ่งนาและป่ายาง มันบังคับให้เธอขึ้นรถตู้คันสีขาวที่จอดรออยู่ในสวนยางแห่งนั้น และตอนที่เธอขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในสามก็ควักเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกเธอไว้ ฝนเดาได้ทันทีว่านั่นคือยาสลบเพราะมันเหมือนฉากในละครไม่มีผิด เธอกลั้นหายใจไว้แต่ก็กลั้นไว้ได้ไม่นานจำต้องสูดเอาอากาศเพื่อนำมันเข้าปอดทำให้เธอสูดเอากลิ่นเหม็นเอียนบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้าไปเต็มรูจมูก สติของเธอค่อย ๆ ดับวูบลงเมื่อลำดับเหต