検索
本棚
ホーム / LGBTQ+ / เมียอ้ายเข้ม | ฮักบ่ฮู้ลืม ที่บ้านโคกสะแบง / บทที่ 13 จูบเพราะรัก🌾

บทที่ 13 จูบเพราะรัก🌾

2025-06-24 12:11:53

ยามเช้าที่สายลมอ่อนๆ พัดโชย พร้อมกับต้นข้าวที่โดนสายลมพัดจนล้มเป็นเกลียวคลื่น พลก้าวออกจากเถียงนาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย เขามองไปรอบๆ ทั่วทุ่งนากว่างในยามเช้าพร้อมกับต้นข้าวที่สะท้อนแสงอาทิตย์จนสีเหลืองทองอร่าม พร้อมกับเข้มที่เตรียมตัวไปช่วยงานในนาและช่วงบ่ายคล้อยก็ไปตัดไม้ไผ่ต่อ เพื่อนำมาทำซุ้มสำหรับขายของในงานที่วัด

สำหรับพลเองวันนี้เขามีจุดมุ่งหมายใหม่ ไม่ใช่แค่การช่วยงานหรือพักผ่อน แต่เป็นการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เขาหวังว่าสิ่งที่เขาเรียนรู้จากหมู่บ้านแห่งนี้จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในโครงการที่เขาตั้งใจโปรโมตในเมืองหลวง โดยเฉพาะการผสานเสน่ห์ของผ้าไทยและงานจักสานเข้ากับแนวคิดสมัยใหม่

ซึ่งบ้านหลังแรกเป็นงานสาน เมื่อมาถึงเสียงไม้ไผ่เสียดสีกันดังมาแต่ไกล พลและดินเมื่อจอดมอเตอร์ไซค์เสร็จ พลก็เดินตามดินเพราะดินเป็นคนอาสาว่าจะพาพลไป เมื่อมาเข้ามายังตัวบ้านที่เป็นเหมือนกระท่อมที่ทำจากไม้ไผ่พวกเขาพบลุงคำ ลุงคำเจ้าของบ้านในตอนนี้กำลังนั่งสานตะกร้าด้วยท่าทางคล่องแคล่ว พลเองก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ลุงคำอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับลุงคำ” ลุงคำเองเมื่อได้ยินก็เป็นอันเงยหน้าขึ้นจากงานสาน พร้อมกับรอยยิ้มกว้างก่อนจะเชิญชวนทั้งคู่ให้นั่งลงตรงหน้าที่แคร่ไม้

“อ้าวๆ วัดดีๆ มานั่งนี่มา ว่าแต่พลกับดินมาเฮ็ดอีหยังล่ะ?” (อ้าวๆ สวัสดีๆ มานั่งนี่มา ว่าแต่พลกับดินมาทำอะไรกัน)

“คือผมอยากมาเรียนรู้เรื่องงานสานครับ เห็นว่าเป็นภูมิปัญญาที่น่าสนใจมากเลยครับ” พลพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานลุงคำแกเห็นอย่างนั้นจึงพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะกล่าวขึ้น

“อ๋อ อยากมาเรียนสาน กะมานั่งนี่ มาเบิ่งดีๆ เด้อ อย่าละสายตาล่ะ” (อ๋อ อยากเรียนสาน ก็มานั่งนี่มา มาดูดีๆ อย่าละสายตาล่ะ)

พลหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงใกล้ลุงคำ พร้อมกับแสดงท่าทีสนใจ ลุงคำเริ่มเล่าถึงขั้นตอนการทำงานสาน พลเองเขาตั้งใจฟังคำอธิบายอย่างละเอียดตั้งแต่การเลือกไม้ไผ่

“ไม้ไผ่ที่ดีต้องต้นแก่กำลังดี ข้อปล้องต้องบ่แข็งจนเกินไป จากนั้นต้องเอาไปแซ่น้ำไว้อย่างน้อยสองคืน ให้มันนุ่ม จากนั้นค่อยนำมาผ่าเป็นเส้นน้อยๆ” (ไม้ไผ่ที่ดีต้องต้นแก่กำลังดี ข้อปล้องต้องไม่แข็งจนเกินไป หลังจากนั้นต้องเอาไปแช่น้ำไว้อย่างน้อยสองคืนให้มันนุ่ม จากนั้นค่อยนำมาผ่าเป็นเส้นเล็กๆ)

ในขณะนั้นพลเองเขาก็ลองหยิบไม้ไผ่ที่ถูกเตรียมไว้ข้างๆ มาตามคำสอนของลุงคำสอน พลก็เริ่มเรียนรู้ตั้งแต่การผ่าตัดไม้ไผ่ด้วยมีดบาง ก่อนที่เขาจะเริ่มเรียนหัดสานอย่างจริงๆ จังๆ เมื่อเส้นแรกที่ถูกสานลงไปก็เรียกได้ว่าดูไม่เป็นรูปทรงนัก แต่ทว่าลุงคำเองก็หัวเราะเบาๆ พร้อมชี้แนะพลทีละขั้นตอนอย่างละเอียด

“เบิ่งนี่เด้อ บ่ต้องรีบร้อน งานสานมันคือจังหวะชีวิต เฮาเอาใจใส่ในทุกเส้นสานแล้วมันจะออกมางามเอง เบิ่งเอาไว้เด้อลุงสิเฮ็ดสู่เบิ่ง” (ดูนี่นะ ไม่ต้องรีบร้อน งานสานมันคือจังหวะชีวิต เราต้องเอาใจใส่ทุกเส้นสานแล้วมันจะออกมาดีเอง ดูเอาไว้นะลุงจะทำให้ดู) ลุงคำแกพูดพร้อมกับอธิบายให้พลฟังแต่ละขั้นตอนทีละช้าๆ และรอยยิ้มที่คอยส่งกำลังใจให้คนกรุงที่ตั้งใจนั่งฟังอยู่ตลอด

“วิธีสานสุ่มไก่แบบง่ายๆ เด้อ ขั้นตอนแรกให้เลือกเส้นไม้ไผ่ ต้องเป็นเส้นที่ยืดหยุ่นดีคือเส้นที่แช่น้ำไว้นานพอ ต่อไปเป็นการจัดโครงมัน ให้วางเส้นใหญ่ทำเป็นโครงหลัก แล้วให้ใช้เส้นเล็กขัดให้อยู่ ต่อไปกะจะเริ่มสาน ลุงสิใช้สานแบบ "ขัดสลับ" โดยเฮาต้องนำเส้นหนึ่งผ่านด้านล่างของโครงมัน แล้วอีกเส้นหนึ่งผ่านด้านบน สลับกันไปจนถึงปลาย ต่อไปกะเป็นกะสิเป็นการเก็บปลายเส้น ให้คุณพลค่อยๆ ใช้มีดตัดปลายไม้ไผ่ที่เกินออก และขัดเก็บให้เรียบเพื่อให้มันมั่น”

(วิธีสานสุ่มไก่แบบง่ายๆ นะ ขั้นตอนแรกให้เลือกเส้นไม้ไผ่ ต้องเป็นเส้นที่ยืดหยุ่นดีต้องเป็นเส้นที่แช่น้ำไว้นานพอ ต่อไปเป็นการจัดโครงมัน ให้วางเส้นใหญ่ทเป็นโครงหลัก แล้วใช้เส้นเล็กขัดให้มั่นคง ต่อไปเป็นการเริ่มสาน ลุงจะสานแบบ “ขัดสลับ” โดยเราต้องนำเส้นหนึ่งผ่านด้านล่างของโครงมัน แล้วอีกเส้นหนึ่งผ่านด้านบน สลับกันไปจนถึงปลาย ต่อไปก็จะเป็นการเก็บปลายเส้น ให้คุณพลค่อยๆ ใช้มีดตัดปลายไม้ไผ่ที่เกินออก และขัดเก็บให้เรียบเพื่อให้มันมั่นคง)

พลรับฟังอย่างตั้งใจ เขาเริ่มรู้สึกถึงความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในงานสานธรรมดานี้ หลังจากเก็บเกี่ยวความรู้ พลเองก็พลอยกล่าวลาลุงคำด้วยรอยยิ้ม ลุงคำเองก็บอกลาพลเช่นกันก่อนที่จะย้ำเตือนอีกครั้ง

“เวลาเฮ็ดก็อย่าลืมใส่ใจลงไปนำเด้อ มันสิออกมางาม” (เวลาทำก็อย่าลืมใส่ใจลงไปด้วนนะ เดี๋ยวมันจะออกมาสวยเอง)

พลเองเมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ก่อนที่เขาจะจะควบมอเตอร์ไซค์คู่ใจพร้อมดิน มุ่งหน้าไปยังบ้านหลังต่อไป ระหว่างทางดินก็คอยเล่าเกี่ยวกับการสานเพิ่มเติมให้กับพลฟัง

จากบ้านลุงคำก็เป็นบ้านของน้าเหมย พลเดินตรงเข้ามายังบ้านน้าเหมย เผยให้เห็นหญิงสาวที่นั่งถักไหมพรมด้วยท่าทีที่สบายๆ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าสบตาพร้อมกับยิ้มหวานทักทายคนที่พึ่งเดินทางมาถึง

“อ้าว คุณพล มาพอดีเลย น้ากำลังว่าจะเอาของไปขายในงานบุญ ที่คุณพลเสนอพอดีเลย” หญิงสาวเธอพูดพร้อมกับวางไหมพรมที่ยังถักไม่เสร็จวางลงข้างๆ พร้อมกับพลเองจ้องมองที่น้าเหมยด้วยความตื่นเต้น ในขณะนั้นเองน้าเหมยก็พลางเดินเปิดไปเปิดตู้ไม้ใหญ่ตู้หนึ่ง พร้อมกับเดินออกมาในมือเธอถือตะกร้าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสื้อ กระเป๋า และหมวกไหมพรมหลากสี เธอก็พลอยหยิบหมวกคู่ใบหนึ่งส่งให้พล

“อันนี้เป็นของที่น้าถักไว้ ฮู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณพล เอาไว้ใส่คู่กับอ้ายเข้มนั่นเด้อ” (อันนี้เป็นของที่น้าถักไว้ รู้สึกว่ามันเหมาะกับคุณพล เอาไว้ใส่คู่กับพี่เข้มนะ) พลรับหมวกมาอย่างด้วยเขินอาย ก่อนจะยิ้มรับ

“ขอบคุณมากครับน้าเหมย ผมจะเอาไปให้เขาใส่แน่นอนครับ”

ยามเย็น

พลกลับมาถึงเถียงนาในยามเย็น พร้อมไหมพรมคู่ที่น้าเหมยมอบให้ เขายืนมองบรรยากาศรอบตัวอย่างชื่นชม ท้องฟ้ายามเย็นถูกย้อมด้วยสีทองอ่อนและชมพูพาสเทล กลิ่นดินและต้นข้าวลอยมาแตะจมูก เสียงหัวเราะและบทสนทนาของชาวบ้านดังแว่วมา เป็นสัญญาณของการร่วมแรงร่วมใจในการช่วยกันเตรียมงานบุญ

สายตาพลหยุดอยู่ที่ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่กำลังตัดไม้ไผ่ข้างๆ เถียงนา ไม่นานนัก เขาก็สะดุดตากับร่างสูงกำยำของเข้มที่เดินกลับมาจากการช่วยงาน ขณะเปลือยท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและลอนซิกแพคที่ชุ่มด้วยหยาดเหงื่อ แสงแดดอ่อนสะท้อนผิวแทนของเข้มจนดูราวกับเปล่งประกาย

สายตาพลเขาไม่อาจละไปจากภาพตรงหน้าได้ จังหวะหัวใจเริ่มเต้นถี่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว เข้มหันมาเห็นพลยืนนิ่งจ้องมองตนด้วยสายตาที่เหมือนหลุดไปในภวังค์ เขายกมุมปากยิ้มขี้เล่น เดินตรงมาหาพลช้าๆ

“มองขนาดนี้…กินเลยไหมล่ะครับ หื้อ” เสียงทุ้มแหบที่เจือด้วยความขี้เล่นทำให้พลสะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาดึงสายตากลับมา

เข้มเดินเข้ามายืนประชิดตัวจนพลสามารถสัมผัสกลิ่นเหงื่อที่ผสมกลิ่นหอมอ่อนจากตัวของเข้มได้ พลเหมือนถูกสะกดไว้จนไม่อาจขยับหนีไปไหน สุดท้าย เข้มยกมือหนาไปลูบผมของพลเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

สัมผัสนั้นปลุกความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจของพลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเผลอยื่นมือไปสัมผัสแผ่นอกที่เปียกเหงื่อของเข้ม ความอบอุ่นและสัมผัสแน่นหนาที่ปลายนิ้วทำให้พลรู้สึกเหมือนกำลังจับต้องความจริงอันแสนหวาน

เข้มชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ห้าม รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่ เขายืนนิ่งปล่อยให้พลลูบไล้ไปตามใจที่อีกฝ่ายปรารถนา

มือของพลลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกและแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ทุกครั้งที่สัมผัส ความร้อนวูบวาบก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเข้ม สัมผัสนั้นเหมือนจะเบาบาง แต่กลับทิ้งร่องรอยความอุ่นร้อนเอาไว้ทุกที่

เข้มเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่อาจซ่อนเร้นไว้ได้ เขาจึงโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูพล เสียงทุ้มกระเส่าทำให้พลขนลุกซู่

“อย่าจับมาก…เดี๋ยวมันตื่น”

คำพูดนั้นทำให้พลใบหน้าแดงก่ำ ร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง เขารีบดึงมือกลับแต่ในใจก็ยังเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา พลมองหน้าเข้มที่ยืนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสะบัดผมที่เปียกเหงื่อด้วยความสบายใจ

“ยั่วกันแบบนี้…ไม่แฟร์เลยนะ” พลบ่นพึมพำเบาๆ แต่ก็ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

เข้มมองใบหน้าแดงก่ำของพลด้วยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งกว่าที่เคย ก่อนจะยกมือขึ้นแตะปลายคางของอีกฝ่ายเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ผมไม่ได้ยั่ว…แค่ชอบเวลาเห็นพลเขินเท่านั้นเอง ผมเลยปล่อยให้ให้จับ อยากจับมากกว่านี้ผมก็ให้ได้นะ”

คำพูดนั้นเหมือนจุดไฟในใจของพลที่เริ่มลามไปทั่วร่าง เขาได้แต่ยืนมองเข้มที่ยิ้มให้อย่างมีความสุข ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

ยามค่ำ

เสียงจักจั่นดังแว่วในบรรยากาศยามค่ำ กลิ่นหอมของต้นข้าวและลมเย็นโชยพัดผ่านเถียงนา พลเดินหอบผ้าขนหนูและสบู่มาที่ห้องน้ำข้างเถียงนา ก่อนที่จะปิดประตูที่ทำจากใบยาคาปูบางๆ ก่อนที่พลจะพาดผผ้าขุนหนูกับราวตากในห้องน้ำ พลเขามองน้ำเย็นในโอ่งที่กำลังระยิบระยับสะท้อนแสงจันทร์ พลถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มตักน้ำราดตัว เมื่อน้ำสัมผัสกายก็ทำเอาพลถึงกับสดุกเฮือกทันที

ไม่นานทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้น เข้มในชุดเสื้อกล้ามสีซีดและกางเกงผ้าขาสั้นปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ดวงตาคมจ้องมองพลจากรูข้างประตูห้องน้ำมองก้นสวยขึ้นรูปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะ....

ปัก......!

“อ้ายเข้ม! มาทำอะไรครับ” พลร้องถามเสียงหลง รีบดึงผ้าขนหนูขึ้นมาปิดตัว ด้วยความเขินอายเมื่อจู่ๆ เขาก็ดันมาล่อนจ้อนให้เข้มเห็นเสียดื้อๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

“ก็มาอาบน้ำเหมือนกันไงครับ จะให้รอพลอาบเสร็จคนเดียวพี่รอไม่ไหวหรอกนะครับ น้ำเย็นแบบนี้มันเหมาะกับสองคนมากกว่า” เข้มตอบพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ให้กับพลในตอนนี้ที่หน้าแดงอย่างกับมเขือเทศราชินี

“บ้าแล้ว! ห้องน้ำแค่นี้จะอาบยังไงครับ!” พลหน้าแดงรีบหันหลังหนี แต่เข้มไม่สนใจ เขาเดินเข้ามาพลางวางขันน้ำลงข้างโอ่ง

“แค่นี้พอได้อยู่หรอก พลหันหลังไปให้พี่ช่วยล้างหลังให้นะครับ” เข้มพูดหน้าตาเฉย พลเองเขาก็กัดริมฝีปากตัวเองด้วยความกระดากอาย แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของเข้มก็ยอมพยักหน้าเล็กน้อย

“ก็ได้ครับ แต่อ้ายเข้มอย่า... อย่าทำอะไรแปลกๆ นะ” เข้มหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตักน้ำจากโอ่ง เทราดลงบนแผ่นหลังของพล น้ำเย็นที่ไหลผ่านทำให้พลสะดุ้งเล็กน้อย

“เย็นไหมครับ?”

“ก็...นิดหน่อยครับ”

พลตอบเสียงเบา เข้มใช้มือหยาบกร้านค่อยๆ ถูสบู่ลงบนแผ่นหลังของพล พลรู้สึกถึงความอบอุ่นจากการสัมผัส แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันมาก แต่ความเงียบระหว่างทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สื่อถึงกัน ก่อนที่เข้มจะพูดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความเงียบ

“พล ตัวผอมไปนะ กินเยอะกว่านี้หน่อยสิครับ พี่จะได้กอดอุ่นๆ” เข้มพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับลูบแผ่นหลังของพลอย่างอ่อนโยน

“ผมก็กินเยอะแล้วนะ พี่นั่นแหละชอบบ่น” พลตอบเข้มด้วยเสียงตะกุกตะกัก แต่ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าหันกลับมามอง

“พี่ไม่ได้บ่น พี่เป็นห่วงต่างหาก?”

น้ำเสียงของเข้มอ่อนโยนจนพลเริ่มใจอ่อน พลเขาหันกลับมามองอีกฝ่าย จนใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนพลรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเข้มที่เป่ารดเขาอยู่ ก่อนที่ใบหน้าหล่อของหนุ่มไทบ้านอย่างเข้มจะเริ่มขยับเข้ามาใกล้ชิดดับใบหน้าของพล แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกผิดในใจ

“พล ขอโทษนะที่ทำให้พลรู้สึกไม่ดีในหลายๆ เรื่อง ต่อไปนี้พี่จะดูแลพลให้ดีที่สุดนะครับ” เข้มพูดพลางจ้องมองตาพลด้วยความจริงใจ พลเองก็เริ่มหลบสายตาเล็กน้อย แต่ทว่าแก้มเขาเริ่มแดงระเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“อ้ายเข้ม...ผมก็ไม่อยากโกรธพี่หรอกครับ แต่...ก็อย่าทำแบบนั้นอีกนะ”

“ครับอ้ายเข้มสัญญา.....”

ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า สินสุดเสียงคำพูดเงาของเข้มและพลทอดยาวอยู่บนพื้นดินข้างเถียงนา พลยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเข้ม รู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงของอีกฝ่าย มันดังชัดจนพลเองเขาก็เริ่มสับสนในความรู้สึก เขาไม่อยากจะคิดต่อเพราะเขารู้ตัวดีว่าสักวันเขาจะต้องกลับไปที่เมืองหลวง เผื่อดำรงตำแหน่งCEOของบริษัทต่อจากพ่อของเขา

“พล…”

เสียงเข้มเรียกชื่อของเขาเบาๆ ก่อนที่พลเองจะเงยหน้าขึ้นมองตาคมที่จ้องเขาอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดแก้ม พลพยายามเบือนหน้าหนี แต่มือใหญ่ของเข้มกลับประคองใบหน้าเขาไว้

“อย่าหนีพี่ไปได้ไหม พี่อยากขอโอกาสดูแลพลจริงๆ” เสียงเข้มแหบพร่าทำให้ใจของพลอ่อนลง

“อ้ายเข้ม...” พลเอ่ยชื่อเบาๆ ก่อนที่เสียงจะขาดหายไปเมื่อใบหน้าของเข้มโน้มเข้ามาใกล้จนริมฝีปาก ก่อนที่จะแตะกันเบาๆ

สัมผัสแรกนั้นแผ่วเบาราวกับกลีบดอกไม้ที่ปลิวตกลงบนผิวน้ำ แต่เพียงเท่านั้นกลับทำให้หัวใจพลสั่นไหว เขารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลและความอบอุ่นที่เข้มพยายามส่งผ่านมา

เข้มไม่ได้เร่งร้อน ริมฝีปากหนาค่อยๆ แนบชิดขึ้นอย่างอ่อนโยน ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวหรือผลักไส เขาทำเพียงแค่สัมผัสและเว้นจังหวะเพื่อให้พลมีโอกาสตอบสนอง

ในที่สุด พลก็หลับตาลงช้าๆ ปล่อยตัวไปกับความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามา เขายกมือขึ้นจับไหล่ของเข้มเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้ ความหวานซึมลึกผ่านริมฝีปากจนหัวใจทั้งสองเต้นประสานกัน

“พล… พี่รักพลนะ” เข้มเอ่ยออกมาเมื่อถอนริมฝีปากออก ดวงตาคมยังจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพลที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข

“ผมก็รักพี่เข้มครับ…” พลพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มบางที่เผยออกมา

สิ้นสุดคำพูด เข้มเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะโน้มตัวลงอุ้มพลขึ้นในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม พลที่เพิ่งผ่านความรู้สึกหวานล้ำ แต่ทว่าเขาก็ยังคงเขินอาย มือเล็กยกขึ้นเกาะไหล่ของเข้มเพื่อพยุงตัว แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ร่างสูงก็พาเขาเดินขึ้นเถียงนาเสียแล้ว

แสงจันทร์สาดส่องหลังคาโปร่งของเถียงนา พร้อมกับสายลมเย็นพัดแผ่วเบา ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความโรแมนติก เข้มวางพลลงเบาๆ บนเสื่อผืนเล็กที่ปูไว้อยู่กลางเถียงนา ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เตรียมไว้ ก่อนที่เข้มจะยื่นมือมาสกิดตัวของอีกฝ่ายเบาๆ

“พลครับมานี่ เดี๋ยวพี่เช็ดผมให้” เข้มพูดเบาๆ พร้อมกับนั่งลงข้างๆ พล

พลยิ้มอายๆ มือยกขึ้นเสยผมเปียกชื้นก่อนจะพยักหน้า เข้มเริ่มต้นใช้ผ้าขนหนูซับเส้นผมของพลอย่างเบามือ ราวกับกลัวว่าจะทำให้คนตรงหน้าเจ็บ ความใกล้ชิดนี้ทำให้ใบหน้าของพลขึ้นสีแดงระเรื่อ เขารู้สึกดีและอยากหยุดเวลานี้ระหว่างเขากับเข้มไปนานๆ

“พี่เข้มไม่ต้องทำก็ได้นะครับ เดี๋ยวพลเช็ดเอง” พลพูดเบาๆ แต่ไม่ได้ดึงผ้าขนหนูกลับ

“ให้พี่ดูแลพลหน่อยเถอะ อย่าห้ามเลยนะคนเก่ง”

เสียงเข้มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พลเองเขาก็ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ก้มหน้าหลบสายตา แต่รอยยิ้มเล็กๆ ก็ยังเผยออกมาอยู่ริมฝีปาก เมื่อเช็ดผมให้จนแห้งสนิท เข้มก็ยื่นผ้าขนหนูให้พลบ้าง

“ทีนี้พลเช็ดให้พี่บ้างสิครับ” พลยิ้มพร้อมกับรับผ้าขนหนูมาแล้วหัวเราะเบาๆ

“ค้าบๆ อ้ายเข้มสุดหล่อ” พูดจบพลเขาเองก็ค่อยๆ ซับเส้นผมของเข้มอย่างตั้งใจ ใบหน้าจริงจังจนทำให้เข้มอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา พร้อมกับมือใหญ่ยกขึ้นจับแก้มของพลเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้นะ” สิ้นสุดคำพูดของเข้ม พลเองก็ต้องเงยหน้าขึ้นดวงตากลมพลอยเบิกกว้าง

“อ้ายเข้ม!พูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว...”

“ก็พูดความจริงนี่นา” เข้มตอบพร้อมกับหัวเราะ

หลังจากเช็ดผมกันเสร็จ ทั้งสองก็นอนลงบนเสื่อที่ปูไว้ เข้มเขาก็พลางดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้พล ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้มือพลอยรั้งร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดอุ่น

“คืนนี้หนาว อย่าดิ้นหนีไปไหนล่ะ” เข้มพูดพร้อมกับกระชับวงแขนแน่น พลที่อยู่ในอ้อมกอดเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านทั่วร่างกาย พลเองเขาพลางซุกหน้าลงกับอกกว้างของเข้ม สูดกลิ่นไออุ่นที่คุ้นเคย

“อ้ายเข้มนี่ จอมตื้อจริงๆ”

“ก็ไม่อยากให้พลห่างไปอีก” เข้มกระซิบตอบ

เสียงลมหายใจของทั้งสองประสานกันในความเงียบสงบของเถียงนา แสงจันทร์ก็พลางสาดส่องมาสู่ทั้งสองคนที่กอดกันแน่น ไม่นานนัก พลก็หลับไปในอ้อมแขนของเข้ม ใบหน้าที่เคยดูเหนื่อยล้ากลับสงบและน่าเอ็นดูจนเข้มอดไม่ได้ที่จะกดจูบลงบนหน้าผากเบาๆ ไม่ได้

“หลับฝันดีนะ คุณหนูของพี่”

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
ロックされたチャプター
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む