Search
Library
Home / LGBTQ+ / เมียอ้ายเข้ม | ฮักบ่ฮู้ลืม ที่บ้านโคกสะแบง / บทที่ 17 กลับมาอีกครั้ง🌾

บทที่ 17 กลับมาอีกครั้ง🌾

2025-06-24 12:13:29

เช้าวันใหม่ในเมืองกรุง พลปลืตาตื่นขึ้นมาพร้อมแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาว พลเองเขาก็ลุกทำกิจวัตประจำวันและในใจยังคิดถึงคนร่างสูงอย่างเข้มอยู่ตลอต ปัจบันนี้พลเขารู้สึกเหมือนทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเพราะไม่ได้เห็นเข้มที่คอยส่งรอยยิ้มหวานดังแดงตะวันในยามเช้า เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความคิดถึงอยู่เต็มอก

วันนี้เขาแต่งตัวในชุดสูทเรียบหรู ดูภูมิฐานแต่ยังคงแฝงความอบอุ่นไว้ในรอยยิ้มหวาน วันนี้เป็นวันแรกที่เขาต้องเข้าบริษัทเพื่อเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัว และโครงการใหม่ที่เขาคิดไว้ในใจเกี่ยวกับการสร้างโรงแรมที่สะท้อนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย และสร้างแบรนสินค้าของที่ระลึกในธีมภูมิปัญญาอีสานท้องถิ่น และมันกำลังเป็นเป้าหมายหลักของเขาและเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจทำสุดๆ โดยเหตุผลหลักก็คือเขาอยากจะช่วยผู้คนที่โคกสะแบงให้ได้มากที่สุด

เพราะเขาถึงแม้จะไปอยู่ที่นั้นได้ไม่กี่วัน แต่ทว่าเขาก็เล็งเห็นถึงความอบอุ่นของคนในหมู่บ้าน และการคอยช่วยสนับสนุนกันอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะพ่อแม่ของเข้มและน้องขิมที่คอยมอบรอยยิ้มให้กับเขาอยู่ตลอด และเข้มเองคนที่เขาหมายหมั้นปั้นมือ ว่าจะเอามาเป็นลูกเขยของนายหัวสิงหากับคุณหญิงฐาให้ได้

เมื่อมาถึงออฟฟิศห้องทำงานของพลตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพ สะท้อนถึงความหรูหราและความภูมิฐานของผู้บริหารระดับสูง ซึ้งผนังห้องทำจากไม้โอ๊คสีเข้ม พร้อมชั้นวางหนังสือสีขาวที่เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจ การบริหาร และของตกแต่งที่เป็นงานฝีมือพื้นบ้านที่เลขาอย่างนาเธอได้นำมาจากหมู่บ้านโคกสะแบง ไม่ว่าจะเป็นตะกร้าสานและโมบายจากหมู่บ้านโคกสะแบงทั้งหมด

โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ทำจากไม้แท้เคลือบเงา บนโต๊ะจัดวางคอมพิวเตอร์ โคมไฟตั้งโต๊ะดีไซน์โมเดิร์น และกรอบรูปภาพถ่ายที่พลถ่ายคู่กับชาวบ้านในช่วงเวลาที่เขาไปอยู่ที่โคกสะแบงเมื่อตอนไปลงพื้นที่ บริเวณหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพได้อย่างกว้างขวาง ผ้าม่านสีขาวโปร่งช่วยกรองแสงธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นและผ่อนคลาย

มุมหนึ่งของห้องถูกจัดเป็นพื้นที่ไว้สำหรับนั่งเล่นและประชุมย่อย มีโซฟาหนังสีเทาเข้ม โต๊ะกระจกใส และชั้นวางของเล็กๆ ที่วางของที่ระลึกจากงานต่างๆ ที่เขาได้ไปร่วมงานมา ไม่ว่าทั้งในประเทศหรือนอกประเมศเขาล้วนมีทั้งหมด บนผนังตรงข้ามโต๊ะทำงาน มีภาพวาดและภาพถ่ายที่สะท้อนวิถีชีวิตชนบท เช่น ทุ่งนาและกิจกรรมพื้นบ้าน ทั้งหมดช่วยเติมเต็มความทรงจำและสร้างแรงบันดาลใจให้กับพลในแต่ละวัน

ต้นไม้เล็กๆ อย่างฟิกส์ไทรและมอนสเตอร่า ถูกวางตามมุมต่างๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นและสีสันให้กับห้องทำงาน กลิ่นหอมละมุนของน้ำมันหอมระเหยจากดอกกระดังงาและมะลิที่ลอยมาจากเครื่องกระจายกลิ่น ช่วยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย ผสมกับเสียงเพลงสากลที่เปิดคลอเบาๆ

เรียกได้ว่าทุกอย่างในห้องสะท้อนถึงตัวตนของพลได้อย่างชัดเจน และความตั้งใจที่จะเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับรากเหง้าของตนเอง มือเรียลก็พลอยหยิบโทรศัพท์ราคาเฉียดแสนขึ้นโทรสายตรงหาเลขาส่วนตัวอย่างพี่นา ให้เขามาพบตนในเวลานี้

ก๊อก....ก๊อก

“ขออนุญาตนะคะคุณหนู”

นาเลขาส่วนตัวของพล เธอมาผมยาวตรงสีดำขลับถูกม้วนปลายเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความอ่อนหวาน ตามฉบับพี่สาวจีน การแต่งตัวของเธอเน้นความเรียบง่ายแต่ดูดี ชุดสูทเข้ารูปสีเบจหรือเทาอ่อนจับคู่กับกระโปรงทรงดินสอยาวคลุมเข่า รองเท้าส้นสูงสีครีมหรือดำ

เลขาคนนี้ของพลเธอมีบุคลิที่ดูมั่นใจและมีความเป็นมืออาชีพ เธอเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย โดยห้องทำงานของพลก็ได้เธอเป็นคนจัดและออกแบบให้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้บริหารอย่างพลเลยก็ว่าได้

“พี่นาครับ ผมอยากได้สินค้าท้องถิ่นที่สะท้อนวัฒนธรรมแบบแท้ ๆ มาใช้ในโปรเจกต์โรงแรมของเรา พี่นาคิดว่าพอจะทำได้ไหมครับ?”

นาเลขาส่วนตัวของพลเธอเองก็พลางเงยหน้าจากไอแพดเครื่องใหญ่ เมื่อได้ยินคำถามที่ถามขึ้นพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตอบออกไปอย่างฉะฉาน

“ทำได้คะคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะคะ เรื่องนี้พี่จัดการได้สบายๆ ว่าแต่คุณหนูคิดจะเริ่มหาสินค้าหรือลงพื้นที่จากที่ไหนดีก่อนคะ?” พลเองเมื่อได้ยินเธอถามขึ้นอย่านั้นก็พลางทำให้พลยิ้มกว้าง ก่อนที่ตนจะพูดเสนอด้วยความภาคภูมิใจ

“หมู่บ้านโคกสะแบงครับ ผมอยากสนับสนุนคนที่นั่น และที่สำคัญ... ผมมีความทรงจำดีๆ ที่นั่น อีกอย่างนะครับผมรู้จักผู้ใหญ่ที่เขาทำพวกจัดสาน และการท่อเสื่อ ท้อผ้า และไหมพรม”

นาเองเธอก็พลางจดไอเดียและข้อเสนอของพลองในไอแพดทั้งหมด พร้อมกับพยักหน้าไปมาแต่เมื่อเธอได้เห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของคุณหนูของเธอ เธอก็พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่ เพราะเธอเห็นว่าพลเมื่ออยู่ที่นั่นเขาดูมีความสุขกว่าอยู่ในเมืองเสียอีก

“ได้ค่ะ พี่จะช่วยคุณหนูจัดการเรื่องนี้เอง วางใจได้เลยนะคะ”

“ครับ”

“ว่าแต่พรุ่งนี้เลยไหมคะ เดี๋ยวพี่จะได้ไปจัดคนขับรถและคนไว้ขนสินค้า เผื่อคุณหนูตัดสินใจเอาสินค้ามาเลย เราค่อยจะไม่ได้ไปเสียเที่ยว” พลได้ยินดังนั้นก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้กับเลขาสาว

“ครับ ตามนั้น เอ่อพี่นา ผมวานด้วยนะครับไม่ต้องเอาบอดี้การ์ดไปนะครับ ผมอยากเป็นส่วนตัวนิดหนึ่ง”

“ได้คะ ไม่มีปัญหา”

รุ่งเช้าของวันต่อมา

เสียงรถ SUV Bentley Bentayga 2024 คันหรูเคลื่อนออกจากตัวคฤหาสน์ พลแต่งตัวในชุดแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าตามตำแหน่ง พร้อมกับรถสิบล้อขับตามมาอย่างเคร่งครัด เขามองถนนเบื้องหน้าอย่างกระตือรือร้นด้วยความคิดถึง เขาตื่นเต้นเมื่อจะได้กลับไปยังหมู่บ้านโคกสะแบงที่อบอุ่นกำลังรอเขาอยู่ ซึ่งพลใช้เวลาเดินทางหนึ่งวันเต็มพร้อมกับจอดนอนพักอีกหนึ่งคืน

แสงแดดอ่อนยามสายลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เข้ามาในเถียงนา เสียงไก่ขันดังจากทางในหมู่บ้าน เข้มลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกมึนหนักในศีรษะจากฤทธิ์เหล้ายังคงหลงเหลืออยู่ เขานอนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะพลิกตัวมองไปยังแคร่ไม้หน้าเถียงนา

ดินยังคงนอนอยู่ที่เดิม ท่าทางที่เหนื่อยล้าบอกให้รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาไม่ได้นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน ใบหน้าที่คล้ำไปด้วยหยดเหงื่อทำให้เข้มรู้สึกผิดจนใจหาย

“ดิน... ตื่นเถอะ” เข้มลุกขึ้นเดินโซเซไปหาดิน ก่อนจะยื่นมือไปเขย่าไหล่คนที่กำลังนอนอยู่เบาๆ ดินขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย

“ตื่นแล้วบ่เข้ม?มึงโอเคขึ้นไป่?” (ตื่นแล้วบ่เข้ม มึงโอเคขึ้นยัง) ดินถามเสียงแหบพร่า พลางปาดเหงื่อบนใบหน้า เข้มนั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจยาว

“ขอบใจมึงนะ... เมื่อคืนกูคงเละเทะมากเลยแมนบ่อ”

“เอ่อ เละสุดๆ เลยละ กูต้องเซ็ดโตให้มึง หาข้าวหาน้ำมาให้ จนกูบ่ได้หลับบ่ได้นอน” (เอ่อ เละสุดๆ เลยละ กูต้องเช็ดตัวให้มึง หาข้าวหาน้ำมาให้ จนกูไม่ได้หลับไม่ได้นอน) ดินพูดปนหัวเราะ แต่แววตายังคงฉายความเป็นห่วงเพื่อนตรงหน้า

“มึงบ่ควรมาลำบากกับกูแบบนี้เด้ดิน” (มึงไม่ควรมาลำบากกับกูแบบนี้นะดิน) เข้มพึมพำเสียงเบา ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวเริ่มอ่อนลงด้วยความสำนึก

“กูเป็นหมู่มึงแดะ กูสิปล่อยมึงไว้คนเดียวได้จั่งใด๋?อย่าคิดมากเลยว่ะ” (กูเป็นเพื่อนมึงนะ กูจะปล่อยมึงไว้คนเดียวได้ยังไง อย่าคิดมากว่ะ) ดินตอบพลางยื่นแก้วไปตักน้ำให้เข้ม เข้มรับมาอย่างเงียบๆ พร้อมกับพลอยจิบช้าๆ

แสงแดดที่ลอดผ่านช่องไม้เข้ามาทำให้บรรยากาศในเถียงนาดูอบอุ่นขึ้น ดินลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าห่มที่กองอยู่บนแคร่มาคลุมให้เพื่อน

“เอาเถอะ มึงพักอีกหน่อย ถ้ามีอีหยังกูอยู่แถวๆ นี้เอิ้นได้เด้อ เว้นแต่กูสิไปหาซื้อแนวกิน” (เอาเถอะ มึงพักอีกหน่อย ถ้ามีอะไรกูอยู่แถวๆ นี้นะ เรียกได้นะ เว้นแต่กูจะไปซื้ออาหาร)

“เดี๋ยวกูไปหาอีหยังมาให้กินก่อน แล้วกูจะกลับมา อย่าเฮ็ดอีหยังโง่ๆ เด้อละ” (เดี๋ยวกูไปหาอะไรมาให้กินก่อน แล้วกูจพกลับมา อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ)

เข้มเองเขาก็พยักหน้ารับเบาๆ มองเพื่อนที่ขี่รถมอร์ไซค์ออกไป เอ้มเองก็ได้แต่นั่งมองท้องฟ้าพร้อมกับเฝ้าคิดถึงแต่พล และอยากพบเจออีกครั้ง ถ้าได้เจอในครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยพลไปอีกแล้ว

เมื่อรถ SUV Bentley Bentayga 2024 ขับเข้ามาถึงในตัวหมู่บ้าน พลเองเขาก็ไม่ได้มุ่งหน้าไปหาพ่อแม่ของเข้มทันที แต่กลับแวะไปหาบ้าน ลุงคำที่เป็นคนทำเครื่องจัดสาร และน้าเหมยที่กำลังนั่งถักไหมพรมอยู่หน้าบ้าน

“อ้าว คุณพล!” น้าเหมยทักด้วยน้ำเสียงดีใจ

“น้าครับ วันนี้ผมมาซื้อของครับ อยากได้สินค้าทั้งหมดของน้าเลย” น้าเหมยได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับตาโตอย่างกับใข่ห่าน พร้อมกับยิ้มกว้าง เธอไม่รอช้าที่จะขนไหมพรมที่เธอถักมาทั้งหมดลงมากองกันอยู่ใต้ถุนบ้านให้กับพล

“เองทั้งหมดเลยบ่ คุณพล!?” (เอาทั้งหมดเลยเหรอ คุณพล) น้าใหม่พูดย้ำเพราะยังไม่เชื่อหูของตัวเองดีนัก

“ใช่ครับ เอาขึ้นรถได้เลย” พลยิ้มก่อนให้เธอก่อนที่จะส่งซิกให้เลขาลงบันทึกไว้ในไอแพดว่าตนเอาอะไรบ้างแล้ว ก่อนจะเรียกทีมงานช่วยขนของขึ้นรถสิบล้อคันใหญ่ และพลเองเขาก็ได้ควักกเงินสดให้หน้าเหมยเป็นเงินราวๆ เกือบหนึ่งล้านบาท

ถัดมา พลได้นำหน้าคนงานมายังบ้านลุงคำที่ตอนนี้มีกลุ่มชาวบ้านที่กำลังจัดสานอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าหาบ เสื่อกก กระติบข้าวเหนียว ฯลฯ พลและเลขาต่างพากันยิ้มกว้างเมื่อเห็นงานฝีมือชิ้นงามที่ชาวบ้านทำอย่างตั้งใจ พลเองก็อดที่จะเหมาไม่ได้

“ผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทุกชิ้นที่มี” ชาวบ้านต่างพากันมุงดูเขาด้วยความตื่นเต้น

“ลูกชายบ้านยายปลาพ่อมี คือใจดีแท้” (ลูกชายบ้านยายปลาพ่อมี ทำไมถึงดีจัง)

ชาวบ้านที่ยังไม่รู้เรื่องที่เขาได้กลับบ้านก็ต่างพากันพูดขึ้นว่าเขาเป็นลูกชายของแม่ปลาพี่อมี แต่ทว่าพลเองเขาก็รู้สึกอบอุ่นและคิดถึงพวกท่าน ก่อนที่จะยกมือขึ้นไว้ลาพร้อมกับยื่นเงินให้จำนวนหนึ่งล้านบาท และก่อนไปเขาบอกเล่าถึงแผนการของเขาในการที่จะใช้สินค้าเหล่านี้เป็นจุดขาย และยืนยันว่าจะกลับมาซื้ออีกในอนาคต

และบ้านสุดท้ายคือบ้านคุณแม่สายทอง พลได้ให้คนงานไปซื้อกันเอาเอง เพราะเขาและเลขาจะไปหาพ่อแม่ของเข้ม โดยที่ยังคงเหมือนเดิมคือเขามอบให้บ้านละหนึ่งล้านบาทเท่าๆ กัน

ที่ว่าการผู้ใหญ่บ้าน

รถคันหรูมาจอดลงหน้าบ้าน พร้อมกับพลเห็นพ่อแม่ของเข้มที่นั่งอยู่แคร่ใต้ถุนบ้านกำลังทำอะไรสักอย่าง พลเขารีบเดินเข้าไปหาพ่อแม่ของเข้มที่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับเลขาสาวที่เดินตามมา เมื่อมาถึงพลไม่รอช้าเมื่อพวกท่านหันมา เขาก็พลางก้มลงกราบพร้อมความรู้สึกที่ตื้นตัน

“พลขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้มาหาเป็นบ้านหลังแรก... แต่พลอยากให้ลุงมีกับป้าปลารู้นะครับ ว่าพลรักและนับถือพวกท่านเหมือนพ่อแม่แท้ ๆ ผมขอโทษที่โกหกมาตลอด ขอโทษที่ไม่ได้เล่าภูมิหลังให้พวกท่านฟัง ขอโทษครับ” แม่ปลาพ่อมีเองทั้งมองก็พรางโอบกอดพลด้วยน้ำตา จนเลขาที่ตามมาก็ถึงกับกลั่นน้ำตาไม่ได้

“พล... แม่ดีใจเด้อที่ได้พ้อลูกอีก” (พล...แม่ดีใจนะที่ได้เจอพลอีก)

“พ่อ.... กะดีใจเด้อที่ได้พ้อพลอีก” (พ่อ...ก็ดีใจนะที่ได้เจอพลอีก)

ทั้งสามกอดกันด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น พร้อมกับความรู้สึกตื้นตัน ก่อนที่เสียงใครที่คุ้นหูจะพูดขึ้น ก็ถึงกับทำให้พลร้องให้ออกมาหนักกว่าเดิม

“อ้ายพลลลล!!!” ขิมที่พึ้งออกมาจากทางหลังบ้าน เมื่อเห็นพลเธอก็ถึงกะวิ่งหน้าตั้งเข้ามากอดด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

“อ้ายพล อ้ายกลับมาแล้วแม่นบ่ กลับมาหาขิมแล้วแมนบ่” (พี่พล พี่กลับมาแล้วใช่ไหม กลับมาหาขิมแล้วใช่ไหม) ขิมเธอพูดพลางสะอื้นหนักจนพลเองก็โน้มตัวลงมาเช็ดน้ำตาให้กับเธอ พร้อมกับโอบกอดและปลอบเธอ

“พี่ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยหรอกนะ แต่พี่สัญญาว่าจะมาเยี่ยมบ่อยๆ นะ อย่าร้องไห้เลย” พลกอดเธอพร้อมกับลูบหัวของเธอไปมาจนสูทตัวแพงก็เปือนเป็นวงไปด้วยรอยน้ำตาของเธอ

แปล๊นๆ ....

เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าตรงมาด้วยความเร็ว พร้อมกับดินที่ถือปิ้งไก่ในมือ ก่อนจะตะโกนมาตั้งแต่ไกลๆ เมื่อเห็นเข้มที่นั่งเหม่ออยู่

“บักเข้ม! พลกลับมาแล้ว!” (ไอ้เข้ม! พลกลับมาแล้ว) เข้มเองที่นั่งเหม่ออยู่ก็ถึงกับลุกขึ้นทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง พร้อมกับรอยยิ้มกว้าที่แสดงขึ้นในรอบหลายวัน

เมื่อดินมาจอดที่หน้าเถียงนา เข้มเองก็กระโดดก้าวขึ้นด้วยความเร่งรีบ ก่อนที่ดินจะปัดทายรถมอเจอร์ไซค์คันเก่าจนติดเกิดเป็นรอยยางรถ พร้อมกับดินที่ซิ่งสุดขีดตรงกลับมายังบ้าน

เข้มก็ต้องพรานน้ำตาไหลที่เห็นคนที่เขารักมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้พลมาในชุดสูทที่ดูภูมิฐาน และกำไลข้อมือเครื่องประดับนับมูลค่าเฉียดหลักสิบล้าน เรียกได้ว่าทิ้งคราบพลคนเดิมที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างสิ้นเชิง เมื่อรถจอดลงเข้มก็เดินตรงไปยืนตรงหน้าของพลก่อนที่จะจับสองมือของพลขึ้น

“อ้าย....เข้ม”

พลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น พร้อมกับเข้มที่ยื่นมือมาเสยผมพลขึ้นที่ในตอนนี้มีเหงือไหลซึมออกจากไรหน้าผาก พร้อมพลเองที่จับไปยังใบหน้าของเข้ม พบว่าเข้มใต้ตาคล้ำเล็กน้อย แต่ก็เรียกได้ว่าไม่สามารถปิดบังความหล่อได้เลย

“พล...” เข้มพูดเสียงสั่น

“เข้ม... พลขอโทษที่ไม่ได้บอกอะไรเลย” พลยิ้มทั้งน้ำตา

เข้มเองก็พรางดึงพลเข้ามาเข้มกอดไว้นาน ก่อนที่จะบรรจงจูบ ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มองด้วยความซาบซึ้ง ก่อนที่ทั้งสองจะผละริมฝีปากออกจากัน พร้อมกับพลจะเดินเข้าไปหาเลขาสาวที่ยืนซับน้ำตาอยู่

“พี่นา พลขออยู่ที่นี่สักคืนได้ไหมครับ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP