ชายหนุ่มเห็นนริยามีอาการเกร็งก็ยิ้มเอ็นดู เอื้อมมือไปคว้าต้นแขนกลมให้ขยับเข้ามาใกล้
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ไม่ทำอะไรหรอก”
“น้ำยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
“แหม เกร็งจนตัวจะเขียวอยู่แล้วแม่คุณ”
หญิงสาวส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ ก่อนจะค่อยๆขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆเขา ที่มองเธออย่างเอ็นดู
“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ”
“เช็กงานอีกนิดหน่อยน่ะสิ”
“แล้วกลับมากี่วันคะ”
“น่าจะ 4-5 วัน เดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำงานต่อ”
“มีวันหยุดก็น่าจะพักนะคะ ไม่น่าเหนื่อยเดินทางมา”
“ก็อยากมาเห็นหน้าไง อยากนอนกอด”
หญิงสาวมองเขาอย่างสำรวจ เพียงปีกว่าเขาก็ดูแตกต่างจากตอนที่เธอรู้จัก เขาดูโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ
ภาคินยิ้มให้หญิงสาว อันที่จริงตารางงานเขาแน่นจนแทบจะไม่ได้นอน เพราะที่บิดาส่งเขาไปที่นั่นเพราะกำลังขยายสาขาจึงส่งเขาไปดูแล แต่เขาพยายามจัดการตารางและรวบรวมงานที่สำคัญเพื่อเคลียร์ไปแล้วทั้งอาทิตย์ อาทิตย์นี้เขาจึงพอมีเวลามาหาหญิงสาวที่นี่แต่ก็ยังต้องทำงานไปด้วย
“คิดว่าน้ำเชื่อเหรอคะ”
“…..ก็เชื่อไปก่อนเถอะนะหลังจากนี้ค่อยว่ากัน”
“…..”
นริยาเอียงคอมองเขาเมื่อเห็นเขามองเธออยู่ ก่อนที่เขาจะกางแขนออกเพื่อเป็นการบอกให้เธอขยับเข้าไปหา
หญิงสาวลังเลอยู่อึดใจก่อนจะขยับเอนกายไปพิงร่างเขา พร้อมกับที่แขนแข็งแรงโอบกอดไหล่เธอเอาไว้หนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ดูงานที่ลูกน้องส่งมาให้ต่อ
มือเรียวบางจับมือที่โอบไหล่ตัวเองอยู่มาเล่นอย่างคนไม่มีอะไรทำ มือเขาใหญ่แต่นิ้วเรียวยาวสวย แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียด มันสมส่วนกับร่างกายที่สูงใหญ่ของเขา
หลังจากตอบข้อความและสั่งงานลูกน้องเสร็จ มือใหญ่ก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เขามองมืออีกข้างที่หญิงสาวจับเล่นอยู่ก่อนจะจับรวบข้อมือเล็กเอาไว้อย่างหยอกล้อ
“คะ”
“นอนได้แล้วค่ะคนสวย”
นริยาไม่ตอบอะไร เธอขยับกายลงไปนอนราบกับเตียงนอน โดยมีเขาขยับตามลงมาแล้วกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
“นอนเถอะ ทั้งอาทิตย์พี่นอนรวมกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลย”
เสียงทุ้มขาดหายไปพร้อมกับลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขาหลับไปแล้ว นริยาวางมือของเธอทับอ้อมแขนที่กอดเธอเอาไว้ก่อนจะหลับตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามเขาไป
เช้ามืดวันต่อมา ภาคินตื่นก่อนนริยาตามความเคยชิน เพราะเขานอนไม่กี่ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เขาพยายามทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้กลับมาที่บ้านเสียที
หลังจากลุกไปอาบน้ำแต่เช้าก็กลับมาที่เตียง ดวงตาคมกวาดมองร่างบอบบางที่นอนตะแคงข้าง กระโปรงชุดนอนผ้าซาตินสีหวานเลิกขึ้นมากองอยู่บนต้นขาขาว คอเสื้อที่เป็นเพียงสายเดี่ยวเส้นเล็กๆ เลื่อนต่ำลงเผยให้เห็นเนินขาวเบียดชิดกันอย่างน่าดูชม
“ให้ตายเถอะ โตขึ้นอีกเหรอเนี่ย” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองอย่างพยายามข่มอารมณ์
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะออกจากห้องไปโดยไม่ได้ปลุกหญิงสาว เขาตั้งใจจะลงไปหากาแฟดื่มโดยไม่ได้รบกวนใคร แต่เมื่อลงมาข้างล่างก็เจอแม่บ้านกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ จึงขอกาแฟจากหล่อนแล้วนั่งรอ จนเมื่อแม่บ้านนำกาแฟมาให้ เขาก็หยิบแก้วกาแฟแล้วถือกลับขึ้นไปบนห้องนอน
ระหว่างที่ภาคินตื่นลงไปข้างล่าง นริยาก็ตื่นมาเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับมานอนต่อเหมือนปกติ หญิงสาวสะลึมสะลือจนลืมไปว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนคนเดียว
เมื่อภาคินกลับมาที่ห้องก็เห็นหญิงสาวคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงนอนต่อพอดี เขาแอบยิ้มขำที่เธอน่าจะลืมว่าเขาก็อยู่ด้วย ไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนปกติ
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“…..” หญิงสาวเปิดผ้าห่มขึ้นมามองหาที่มาของเสียงก่อนจะเจอเขายืนมองเธออยู่
“…..”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นก่อนจะห่มผ้าแล้วนอนต่ออย่างไม่สนใจ เธอทำรายงานส่งตั้งหลายวัน แถมเมื่อวานก็ไปออกงานมาอีก ถ้าให้เดา เวลานี้นารินก็น่าจะยังไม่ตื่นเหมือนกัน
“…..” ภาคินหัวเราะเอ็นดูหญิงสาว เขาเดินไปนั่งที่โซฟาก่อนจะจิบกาแฟในมือพร้อมกับเช็กงานจากแท็บเล็ตไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งกาแฟหมดแก้ว และเขาก็สั่งงานเสร็จแล้ว จึงเดินไปที่เตียงแล้วมองก้อนกลมที่ห่มผ้าคลุมโปงอยู่อีกครั้ง
ขอบเตียงยุบยวบลงเล็กน้อยจากการที่ร่างสูงหย่อนกายนั่งลง ผ้าห่มถูกเปิดออกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพบว่าหญิงสาวได้หลับไปแล้ว
แต่ดูเหมือนว่านริยาจะลืมระวังตัวเอง เมื่อหลังจากที่ผ้าห่มผืนใหญ่หลุดออกจากร่างกายบอบบาง ก็เผยให้เห็นเรือนร่างขาวผ่องที่นอนตะแคงขดตัวเล็กน้อย ชุดนอนที่แนบไปกับเรือนกายส่งผลให้เห็นสรีระของหญิงสาวที่เติบโตเต็มวัยอย่างชัดเจน
ภาพที่เห็นทำให้ลมหายใจที่สม่ำเสมอเริ่มติดขัด ลำคอแห้งผากอย่างคนที่อดอยากสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาแรมปี หลังจากที่เขาหมั้นกับหญิงสาว เขาก็ไม่ข้องเกี่ยวและไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย จากคนที่เคยมีเรื่องบนเตียงทุกวัน วันละหลายรอบ กลายเป็นเหมือนเขาหยุดตัวเองจนทำให้เขากลายเป็นคนสูบบุหรี่จัดจนถึงตอนนี้