Mag-log in"ท่านแม่ น้องเล็กเป็นอย่างไรบางขอรับ" รลินที่รู้สึกตัวแล้วแต่ยังไม่สามารถลืมตาได้ ได้ยินเสียงพูดคุยของเด็กผู้ชายอายุ15-16ปี กับผู้หญิงอายุประมาณ 37-40ปี
"หลินเออร์ ยังไม่รู้สึกตัว ฮึก.. หลินเออร์ นอนนานไปแล้วลูก ฮึก..." เสียงผู้เป็นแม่ร่ำไห้มือก็ลูบหน้ารลินไปด้วย
"ท่านหมอหู่ว่าอย่างไรขอรับ น้องเล็กจะตื่นเมื่อใด" ผู้เป็นพี่ยังคงถามอาการน้อง แม้จะพยายามเข้มแข็งเพียงใดแต่เสียงที่สั่นนั้นรับรู้ได้ว่ากำลังเสียใจอย่างที่สุดเพราะกลัวคำตอบของผู้เป็นมารดาว่าน้องสาวนั้นจะไม่รอด
"หมอหู่บอกหมดทางช่วยแล้ว ถ้าวันนี้น้องไม่ตื่น ฮึก.. ฮืออออ" ผู้เป็นแม่เอ่ยได้เพียงแค่นั้นก็ร้องไห้เสียงดังจนคนด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาดู
"เหมยฮวา หลินเออร์เป็นอย่างไร"ผู้ที่เข้ามาใหม่จากที่รลินฟังน้ำเสียงเป็นชายอายุประมาณ 40-42 ปี
"น้องเล็ก ฮือออออ" เด็กคนนี้อะไร ยังไม่มีใครบอกว่าฉันตายเลยจะร้องอะไรขนาดนั้น รลินที่เริ่มจะหงุดหงิดจากเสียงร้องไห้ก็ขมวดคิ้ว พี่ชายคนโตที่สังเกตเห็นรีบร้องออกมาทันที
"ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องเล็กรู้สึกตัวแล้วขอรับ" พร้อมทั้งกระโดดมาถึงข้างเตียงเพื่อจับมือน้องแล้วเรียกชื่อตตลอด
รลินที่รู้สึกว่าถ้ายังนอนนิ่งๆต่อไป คนทั้งหมดคงจะพากันร้องไห้มากกว่านี้แน่นอนเลยพยายามลืมตาขึ้นมามองสำรวจ
"น้ำ ขะ ข้าหิวน้ำเจ้าค่ะ"แม้เสียงที่ออกมาจะเบาจนแทบไม่ได้ยิน ผู้เป็นพี่รองรีบวิ่งออกไปหาน้ำให้น้องสาวทันที
"หลินเออร์ฟื้นแล้ว ท่านเทพเมตตาเราแล้ว หลินเออร์ของแม่เจ็บตรงไหนอีกไหมลูก" ผู้เป็นแม่ก้มลงโขกศีรษะกับพื้นสามครั้งเพื่อขอบคุณเทพเจ้าที่ช่วยให้บุตรสาวฟื้นขึ้นมา
"ข้าหายแล้วท่านแม่ ไม่เจ็บปวดแล้ว ท่านอย่าร้องอีกเลย" แท้จะเพิ่งพบเจอแต่ความอบอุ่นที่ทั้งครอบครัวมอบให้รลินรู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้รักเธอจากใจจริง
"หลินเออร์ หิวแล้วใช่หรือไม่ พี่รองต้มข้าวมาให้เจ้า เจ้ากินข้าวแล้วจะได้กินยา" ข้าวต้มที่พี่รองเธอส่งมาให้ผู้เป็นแม่ป้อนนั้น อย่าเรียกว่าข้าวเลยเรียกน้ำข้าวดีกว่า แต่เธอก็ดื่มเข้าไปเกือบหมด ร่างกายนี้อดอาหารเป็นเวลาหลายวันทำให้กระเพาะนั้นรับอาหารได้ไม่มาก ผู้เป็นแม่ป้อนยาต่อแล้วบอกให้เธอนอนพัก เธอจึงได้มีเวลาสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว
จากความทรงจำของร่างเดิมนั้นบิดาเป็นบุตรของท่านปู่หวังเหล่ย กับ ท่านย่าซูกุ้ย ท่านย่าซูกุ้ยได้เสียชีวิตไปตอนที่บิดาหวังเจียวจิ้นอายุได้สองหนาว ท่านปู่หวังเหล่ยจึงได้แต่งนางจางซิงมาเป็นภรรยาคนที่สอง ได้กำเนิด บุตรชายหญิงอย่างละคนคือ หวังจง และ หวังลี่ถัง
เมื่อมีบุตรของตนเองแม่เลี้ยงก็คือแม่เลี้ยง ลับหลังท่านปู่หวังเหล่ย นางจางซิงก็ทุบตี หวังเจียวจิ้น ใช่งานเหมือนทาส จนหวังเจียวจิ้นแต่งเหมยฮวาหญิงสาวที่ไม่ทราบที่มา
เจียวจิ้นพบเหมยฮวาที่ริมแม่น้ำเลยช่วยชีวิตไว้ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าความจำเสื่อม เจียวจิ้นจึงดูแลอย่างดีและขอท่านปู่หวังเหล่ยให้ทำการตบแต่งเหมยฮวาให้ นางจางซิงคัดค้านเต็มทีเพราะตั้งใจจะแต่งหลานสาวบ้านเดิมคือนางจางชุนเข้ามาเป็นสะใภ้ตนจะได้ควบคุมได้ง่าย เมื่อคัดค้านไม่สำเร็จงานบ้าน งานในไร่ทั้งหมดจึงตกมาเป็นหน้าที่ของเจียวจิ้นและเหมยฮวา
ส่วนนางจางชุนสุดท้ายจึงได้แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้รองลูกชายของนางจางซิง นางจางชุนเมื่อแต่งเข้ามาก็ไม่หยิบจับอะไรทั้งหมดยิ่งมีนางจางซิงให้ท้ายยิ่งกลั่นแกล้งเหมยฮวาอย่างหนัก ทุกอย่างก็ได้แต่ทำลับหลังท่านปู่หวังเหล่ยทั้งสิ้น ท่านปู่เมื่อทราบเรื่องก็ได้แค่ดุด่า และโทษตัวเองที่แต่งูพิษอย่างยางจางซิงเข้ามา แต่เพราะมีบุตรด้วยกันถึงสองคนจะหย่าก็สงสารบุตรทั้งคู่
จุดแตกหักของหวังเจียวจิ้นกับบ้านใหญ่ เมื่อหวังจงลูกรักของนางจางซิงเล่นพนันแล้วไม่มีจ่าย จนคนทวงหนี้มาทวงที่บ้านนางจางซิงจึงจะขายหวังมู่หลินให้กับบ่อนพนัน หวังมู่หลินที่ไม่ยินยอมจึงโต้เถียงให้นางจางซิงขายบุตรสาวของหวังจงก็คือ หวังผู่เยว่ นางจางซิงกับนางจางชุนโมโหจึงลงมือ ทุบตีจนหวังมู่หลินจนไม้ในมือนางจางซิงฟาดเข้าที่หัวหวังมู่หลินจนสลบไป จนนอนไม่ได้สติถึงสามวัน ถึงได้จากไปกลายเป็นรลินเข้ามาแทน หวังเจียวจิ้นจึงขอแยกบ้านกับหวังเหล่ยโดยมีชาวบ้านที่สงสารครอบครัวหวังเจียวจิ้นเป็นพยาน
นางจางซิงที่โดนผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลกดดันทำให้ต้องยินยอมให้แรงงานชั้นดีแยกครอบครัว โดยระบุว่าที่ดินทำกินไม่ยกให้ เงินก็ไม่ให้ให้ออกไปแต่ตัว แต่ท่านปู่หวังเหล่ยไม่ยินยอม สุดท้ายจบที่ยกสินเดิมของท่านย่าซูกุ้ยที่ดินปลูกบ้านติดเขา 5 หมู่ พร้อมเงินสองตำลึง
หวังเจียวโจวบุตรชายคนโตของหวังเจียวจิ้นจึงให้ระบุลงไปด้วยว่า บ้านใหญ่และบ้านของหวังเจียวจิ้นแม้ยากจนหรือร่ำรวยขอไม่เกี่ยวข้องกันอีก ทางบ้านหวังเจียวจิ้นจะแสดงความกตัญญูโดยให้ ข้าวสาว 10 ชั่ง ธัญพืช 10 ชั่ง เงินห้าตำลึงทุกปี สำหรับครอบครัวที่ยากจน ของขนาดนี้แทบจะรีดเลือดจากปูเลยทีเดียว
บ้านที่รลินนอนอยู่ตอนนี้ที่คือบ้านที่ได้มาจากการแยกบ้าน ตัวบ้านถ้าหากโดนพายุคงถล่มลงมาแน่นอน ผนังที่ดำด่าง มีรอยแตก เครื่องเรือนที่แทบจะไม่มี เตียงที่นอนอยู่ก็เป็นพวกชาวบ้านที่เห็นใจช่วยทำขึ้นง่ายๆจากไม้ไผ่ บ้านหลังนี้มีทั้งหมดสามห้อง บิดามารดาสองห้อง พี่ใหญ่พี่รอง1ห้อง และห้องที่เล็กที่สุดเป็นห้องของรลิน แค่วางเตียงนอนที่เดินก็เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น
เซี่ยซีห่าวนำทัพพร้อมพวกกบฏเดินทางถึงเมืองหลวงหลังจากที่ไป๋เฟยหรงถึงเกือบสิบวันฮ่องเต้สังประหารขุนนางฝ่ายกบฏทั้งหมด ขุนนางคนใดที่โทษไม่หนักก็เนรเทศออกไปใช้แรงงานที่ชายแดน ส่วนองค์ชายใหญ่นั้นทดพิษบาดแผลไม่ไหวชิงตายไปเสียก่อนวันตัดสินโทษเพียงแค่สองวัน หวงกุ้ยเฟย เสนาบดีเว่ย เว่ยซูเหิง โดนตัดสินให้แล่เนื้อเถือหนังจนกว่าจะสิ้นใจตายส่วนคนในจวนตระกูลเว่ยและตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่ตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดก็โดนเนรเทศสั่งห้ามทั้งหมดกลับเข้าเมืองหลวงและหมดสิทธิ์เข้าสอบขุนนางตลอดชีวิตเว่ยซูเม่ยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ แต่นางมีความผิดที่ส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมู่หลินหลายครั้ง จึงโดนตัดสินให้ประหารชีวิตด้วย ถึงแม้มู่หลินจะเสียดายที่นางไม่ได้เป็นคนจัดการเอง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเพราะโทษตายที่นางได้รับนั้นสมควรแล้วขุนนางกว่าครึ่งในท้องพระโรงที่โดยตัดสินโทษครั้งนี้ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ทรงร้อนใจเท่าใด เพียงแต่ตั้งขุนนางตงฉินเข้ามาแทนในตำแหน่งสำคัญที่หายไป ส่วนในตำแหน่งอื่นนั้น ทรงรอการสอบหน้าพระที่นั่งในอีกหกเดือนที่จะถึงนี้ คงเติมเต็มท้องพระโรงได้ครบทุกตำแหน่งเวลาที่ครอบครัวบ้านหวังรอก็มาถ
ไป๋เฟยหรงที่เดินทางถึงเมืองหลวง ก็ให้กงหยวนและคนของตนเข้าไปพบองค์ชายรองแต่ตัวเองนั้น เดินทางไปจวนตระกูลเซี่ย“ข้ามาขอพบคุณหนูหวัง”“เชิญท่านแม่ทัพด้านในขอรับ ข้าจะไปแจ้งคุณหนูให้ขอรับ”มู่หลินเดินเข้ามาในห้องโถงก็พบเชี่ยห่าวหรานนั่งดื่มชาอยู่กับไป๋เฟยหรง“คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”“องค์ชายรองบอกเจ้าบาดเจ็บ” มู่หลินเลิกคิ้วขึ้น นั่นมันผ่านมาเกือบสิบวันแล้วไหม“ข้าไม่เป็นอันใดมากเจ้าค่ะ”หลังมู่หลินกล่าวจบก็ไม่มีบทสนทนาต่อ เซี่ยห่าวหรานที่นั่งอยู่อย่างอึดอัดก็เอ่ยปากขอตัว"หลินเออร์ฝากท่านแม่ทัพด้วย พี่ขอไปจัดการงานต่อ""เจ้าค่ะ"ไป๋เฟยหรงเพียงนั่งมองมู่หลินเท่านั้น มองจนคนอึดอัดไปหมด"เอ่อ ท่านมาถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่เจ้าคะ""เดี๋ยวนี้""เลิกมองข้าได้แล้ว" มู่หลินถอนหายใจคุยกับคนแบบนี้อึดอัดเป็นบ้า"ข้าอยากเห็นหน้าเจ้า""ท่านก็เห็นแล้ว แล้วท่านไม่ต้องไปพบองค์ชายรองหรือ ""เดี๋ยวไป""ท่านไปเถอะ ข้าไปส่ง" มู่หลินกล่าวจบก็ลุกขึ้นไปส่งแขกไป๋เฟยหรงเมื่อเห็นมู่หลินไม่บาดเจ็บก็วางใจ จึงเดินทางไปพบองค์ชายรองเพื่อรายงานเหตุการณ์ทางเหนือให้ทรงทราบเซี่ยห่าวหรานที่เห็นไป๋เฟยหรงไปแล้วจึงเข้าไปคุยกับ
องค์ชายรองเมื่อทราบข่าวจากเซี่ยห่าวหรานก็เดินทางมารับฮ่องเต้กับฮองเฮาไปดูแลต่อที่วังหลวง เพราะตอนนี้ทหารในวังทั้งหมดเป็นคนขององค์ชายรองและแม่ทัพไป๋ กองกำลังตระกูลเซี่ยจึงได้พักรักษาตัวได้อย่างเต็มที่หลังจากที่พักฟื้นได้สามวัน องค์ชายรองส่งข่าวมาว่า รู้ที่ซ่อนตัวขององค์ชายใหญ่แล้ว มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานจึงเดินทางเข้าวังเพื่อปรึกษาแผนการเข้าจับกุมตัว“พี่ใหญ่ใช้ทางลับที่หวงกุ้ยเฟยสร้างไว้เพื่อหลบหนี ครั้งนี้ข้านึกไม่ถึงว่าองครักษ์เงาของเสด็จพ่อจะโดนเปลี่ยนตัว” องค์ชายรองเอ่ยกับมู่หลินอย่างรู้สึกผิดเพราะหากเขาไม่ประมาทเรื่ององครักษ์เงาของฮ่องเต้ มู่หลินกับเซี่ยห่าวหรานคงไม่บาดเจ็บ กองกำลังเซี่ยก็จะไม่มีคนล้มตาย“พระองค์อย่าได้โทษตนเองเลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ก็รู้ที่ตั้งฐานทัพขององค์ชายใหญ่แล้ว พระองค์จะบุกเข้าไปเลยไหมพะยะค่ะ” เซี่ยห่าวหรานไม่โทษว่าเป็นความผิดขององค์ชายรอง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นแม้จะกันทุกทางก็ต้องมีพลาดบ้าง“ตอนนี้องครักษ์ของท่านเป็นเช่นใดบ้าง” องค์ชายรองถามเซี่ยห่าวหราน“องครักษ์ของกระหม่อมฟื้นกำลังดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ “"เช่นนั้นคืนนี้ ก็เคลื่อนทัพได้"ทางด้านขององค์ช
ทางแม่ทัพไป๋ก็เริ่มลงมือกับเจ้าเมืองเหิง โจวที่อยู่ชายแดนเหนือแล้ว เจ้าเมืองเหิงโจวเป็นด่านหน้าที่คอยส่งข่าวให้กับแม่ทัพถัง เมื่อกำจัดหนอนไปได้หนึ่งตัว กองทัพพยัคฆ์ทมิฬก็เข้าประชิดกองทัพของแม่ทัพถังไปอีกก้าวแม่ทัพถังได้ตำแหน่งมาเพราะอำนาจของเสนาบดีเว่ยช่วย หากถ้าถามถึงฝีมือถ้าออกรบจริงคงตายคาสนามรบแน่ คนข้างกายก็มีแต่พวกหาผลประโยชน์ ประจบสอพลอ ทหารในปกครองก็หละหลวม ดีแต่ดื่มสุราเค้านารี ไม่ฝึกซ้อมคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่แม่ทัพถังเรียกรองแม่ทัพ นายกองร่วมฉลองที่ชนเผ่านอกบางส่วนมารวมตัวเพื่อหารือแบ่งผลประโยชน์หลังฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ในคืนนั้นเองกองทัพพยัคฆ์ทมิฬจึงเข้าล้อมทั้งหมด แล้วเข้าจับกุมคนไว้ได้ เมื่อไม่มีการเฝ้าระวังอย่างที่ควร บวกกลับอาการเมามาย กองทัพทมิฬจึงมิต้องออกกำลังมากเท่าใดทางด้านเซี่ยซีห่าวก็เข้าบุกสังหารชนเผ่านอกด่าน เนื่องจากผู้นำกับลูกน้องคนสนิทเข้าร่วมหารือกับแม่ทัพถัง ในค่ายของชนเผ่าตอนนี้มีเพียงรองหัวหน้า เมื่อเซี่ยซีห่าวสังหารรองหัวหน้าได้ มังกรเมื่อไร้หัวก็หมดทางสู้ ชาวชนเผ่าที่หวาดกลัวก็หนีตาย เหลือเพียงส่วนน้อยที่ยอมสู้จนตัวตาย เมื่ออยากตายก็จัดให้
ทางด้านเมืองหลวงตอนนี้ในจวนเสนาบดีประดับไปด้วยโคมแดง ผ้าแดง บ่งบอกถึงงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นเว่ยซูเม่ย ไม่แสดงสีหน้ายินดีใดใดทั้งนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องในจวนครั้งนั้น นางแทบจะไม่ได้ออกนอกจวนเลย งานเลี้ยงน้ำชาก็เลือกไปเฉพาะที่จำเป็น คนส่วนใหญ่คิดว่านางเตรียมตัวออกเรือนแต่เปล่าเลยเป็นเพราะท่านปู่ของนางสั่งห้ามนางก่อเรื่องอีก ท่านพ่อของนางก็กลัวตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปจะตกเป็นของท่านอารอง จึงสั่งให้นางอยู่แต่ภายในจวนเท่านั้นขบวนรับเจ้าสาวขององค์ชายใหญ่ เกี้ยวแปดคนหาม คนโบยเหรียญทองแดง สินสมรส ถึง119หีบ จัดอย่างยิ่งใหญ่ (สินสมรสก็เป็นของเสนาบดีเว่ย 99 หีบแล้ว) สินเจ้าสาวก็ไม่น้อยหน้า ทบจากสินสมรสเพิ่มไปเป็น 199 หีบ เท่ากับคืนเข้าตำหนักองค์ชายใหญ่ทั้งหมดและเพิ่มเข้ามาอีกด้วยชาวเมืองต่างยกย่องจวนเสนาบดีที่รักบุตรหลาน สินสมรสที่ได้ก็ยกให้เป็นสินเดิมของเจ้าสาวทั้งหมด ช่างใจกว้างยิ่งนัก องค์ชายใหญ่ก็ดูจะรักใคร่พระชายายิ่งนัก ทำให้สตรีทั่วเมืองหลวงอิจฉาเว่ยซูเม่ยแทบบ้า นี่คือสิ่งที่คนภายนอกเห็นแต่ตัวเสนาบดีเว่ยนั้นแทบกระอักเลือดออกมา ที่จัดใหญ่โตที่เห็นทั้งหมด ล้วนเป็นเงินในคลังจวนเว่ย
หลังจากแยกย้ายกลับเรือนของตนแล้ว เฟยหรงก็เขียนจดหมายส่งถึงมู่หลิน ครั้งนี้เขาตั้งใจเขียนให้ยาวอย่างที่กงหยวนแนะนำผ่านมาสองวันจดหมายก็ถึงมือมู่หลิน มู่หลินยังคงทำเช่นเคยตื่นนอน ฝึกวรยุทธ์ กลับมาอาบน้ำ ไปกินข้าวกับครอบครัว แล้วจึงกลับเรือนเพื่อนำจดหมายออกมาอ่าน“อืม…” ครั้งนี้เขียนเยอะขึ้นจริงๆ ด้วยเผยอิงกับเผยอวี้ ทึ่งกับการแสดงสีหน้าของคุณหนูมาก หากเป็นคุณหนูตระกูลอื่นได้จดหมายจากบุรุษจะต้องเขินอาย แต่คุณหนูของพวกนางนั้น ไม่ขมวดคิ้วก็นิ่งเฉยไปเลย‘หลินเออร์เจ้าจงรอข้าก่อนอย่าเพิ่งหมั้นหมายกับผู้ใด หากข้าจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจะเข้าไปพูดคุยกับบิดามารดาของเจ้า ‘มู่หลินอ่านจบแทบจะฆ่าเหยี่ยวทิ้ง เจ้าคนแซ่ไป๋มีสิทธิ์อันใดสั่งให้นางรอ เคยพูดคุยกันก็นับครั้งได้ แล้วนางในตอนนี้เพียง 14 หนาวเท่านั้น มู่หลินต้องสงบใจก่อนที่จะตอบจดหมายไม่เช่นนั้นนางได้ด่าฝากไปเป็นแน่ไม่ใช่นางปิดกั้นแต่มันเร็วเกินไปที่จะปักใจกับคนคนนี้ หากต้องอยู่ด้วยกันจนตายก็ต้องเรียนรู้นิสัยกันก่อน ในยุคนี้แม้บุรุษจะเป็นใหญ่แต่ไม่ใช่สำหรับนาง นางไม่จำเป็นต้องพึ่งบุรุษมู่หลินยังคงให้เผยอวี้หาอาหารให้เหยี่ยวเช่นเ







