“คุณหนูหยูเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเจ้าคะ สีหน้าของท่านไม่สู้ดีเท่าที่ควร” เถียนต้านถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเจ้าค่ะ แต่ว่าข้ายังไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ท่านรู้เอาไว้ก็ไม่เสียหายเรื่องมันเป็นแบบนี้...” เถียนต้านฟังเรื่องที่เด็กหญิงอายุน้อย
ทั้งสองพี่น้องหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ยังไม่รู้ว่าต่อมาอีกครึ่งเดือนพวกเขาจะต้องเร่งเก็บเกี่ยวพืชผลกันชนิดลืมวันลืมคืน ในช่วงสายของวันหนึ่งที่หนิงอันและคนงานกำลังช่วยกันเก็บเกี่ยวพืชภายในไร่ในสวนของตนท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรง จู่ ๆ กุยเฮยก็ส่งเสียงเตือนในสิ่งที่หนิงอันต้องตกใจจนใบ
และหลังจากที่ผู้เป็นใหญ่รวมถึงเหลียนเซียวมู่ตงรู้เรื่องพวกเขาจึงได้ส่งองครักษ์ฝีมือดีมาให้หนิงอันอีกสี่คน แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าองครักษ์ของตนอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์ก็ตามเพราะแม้แต่องครักษ์เงาของเหลียนเซียวมู่ตงยังไม่ทันได้ออกตัวหนิงอันก็จัดการผู้คิดร้ายจนสลบไปก่อนแล้ว เหตุการณ
‘เอาเถอะถือเสียว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน’ ในขณะที่หนิงอันกับเต่าตัวน้อยสนทนากันชายคนหนึ่งในกลุ่มโจรได้นำผ้ามาปิดตาและปากของนางอีกทั้งยังมัดมือมัดเท้าของเด็กหญิงเพื่อป้องกันการหลบหนี หนิงอันทำเป็นขัดขืนเล็กน้อย “เจ้าอยู่เฉย ๆ ซะ หาไม่อย่าหาว่าพวกข้าใจร้าย” โจรคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงเหี้ยม
ไม่เพียงแต่เด็ก ๆ จะติดใจในรสชาติของมัน แม้แต่สองอาจารย์ชราก็ยังคงติดใจและได้พูดโอ้อวดถึงเรื่องนี้ออกมายามที่ต้องเข้ามาภายในเมือง ข่าวลือปากต่อปากจึงได้เรียกความสนใจให้ผู้คนมากขึ้น แม้ว่าผู้คนที่มาจะมีทั้งประสงค์ดีและประสงค์ร้าย ผู้ที่คิดมาลองของใหม่เมื่อได้ลิ้มรสของหวานทั้งสองชนิดเข้าไป
“ศิษย์รัก ขอไอศกรีมให้อาจารย์อีกสักถ้วยเถอะ” ฉู่เกอร้องขอต่อศิษย์ตัวน้อย “ไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านกินเยอะเกินไปแล้ว” หนิงอันไม่ยอมใจอ่อน เนื่องจากชายชรากินเข้าไปมากกว่าสามถ้วยใหญ่ “จะ..เจ้าช่างใจร้ายยิ่ง” ฉู่เกอแสร้งบีบน้ำตา หนิงอันคิ้วกระตุกเมื่อเห็นมารยาของคนแก่ “ท่านอาจารย์ปู่ให