เหตุเกิดจากการไปเยี่ยมคุณยายในวันฮาโลวีน ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆ ฉันก็ไปเก็บวิญญาณที่โคตรหล่อมาเลี้ยง ถามอะไรก็ไม่รู้เลยสักอย่าง แถมยังต้องมาตกกระไดพลอยโจนตามหาสาเหตุให้เขาอีกว่าทำไมวิญญาณเขาถึงไม่ไปไหน!!
View Moreตอนที่ 1
เธอมองเห็นฉันเหรอ
ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ นอกเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้ป่านานาพรรณ สร้างความร่มเย็นให้แก่ผู้อยู่อาศัยอย่างคุณตาคุณยายวัยหกสิบปี ที่ในทุกเทศกาลจะตั้งหน้าตั้งตารอลูกหลานมาเยี่ยมเยียนทุกครั้งตามประสาวัยชรา และปีนี้ก็เช่นกัน เมื่อถึงวันที่30ตุลาคม บรรดาลูกหลานก็จะเดินทางมาพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล ฮาโลวีน
'โซย่า' นี่คือชื่อของฉัน ในทุกปีคุณพ่อและคุณแม่จะพาฉันและน้องชายมาเยี่ยมคุณตาคุณยายทุกปีในทุกเทศกาล และฉันก็จะพบคุณน้าที่แสนจะใจดีของฉันเป็นประจำ รถครอบครัวขนาดพอเหมาะขับมาจอดที่หน้าบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านค่อนข้างเยอะพอสมควร พื้นสนามหญ้าที่กว้างจนสุดลูกหูลูกตาที่ฉันมักจะชอบมาวิ่งเล่น คอกแพะที่ฉันชอบมาให้อาหาร รวมถึงเจ้ามูมู่ สุนัขตัวใหญ่พันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์จอมขี้เล่นที่จะชอบวิ่งมาส่ายหางดุ๊กดิ๊กให้ฉันเสมอ
บรรยากาศทุกอย่างมันทำให้ฉันนึกถึงทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาแบบช้า ๆ ถึงแม้ครอบครัวของเราและคุณน้าจะแยกย้ายกันไปอยู่ในเมืองเพราะสะดวกแก่การทำงาน แต่เราไม่เคยห่างจากคุณตาคุณยายเลยแม้แต่น้อย เรากลับมาหาท่านเกือบทุกเดือนรวมถึงน้าเองก็กลับมาเยี่ยมท่านบ่อยครั้ง และท่านทั้งสองก็ยังคงแข็งแรงฟิตปั๋งราวกับเพิ่งผ่านวัยรุ่นมาไม่นาน ฉันเปิดประตูลงจากรถก็พบว่าเจ้ามูมู่มารอคอยต้อนรับถึงหน้าประตูรถ จึงนั่งลงไปลูบหัวมันอย่างมันเขี้ยว
“มูมู่! คิดถึงจังเลย”
“โซย่า ฟอร์ซ ช่วยแม่ถือของเข้าบ้านไปทำกับข้าวหน่อยลูก”
“ค่ะแม่!..เดี๋ยวออกมาเล่นด้วยนะมูมู่”
“พี่!”
“ว่าไงฟอร์ซ”
“เอ่อ.. ไม่มีอะไรครับ ช่วยแม่ขนของเถอะ”
“โอเค”
เราย้ายสัมภาระและอาหารสดที่ซื้อมาเข้ามาไว้ในบ้าน ก็เป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว เมื่อเห็นว่าคุณแม่จัดการกับอาหารในครัวกับคุณยาย และคุณตาก็นั่งคุยจิบน้ำชาที่หน้าบ้าน ฉันจึงชวนฟอร์ซออกไปเล่นกับมูมู่ และจะไปเดินดูฟาร์มแพะที่ห่างจากบ้านไปไม่ไกลนักของคุณยายเฉกเฉ่นทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ฟอร์ซบอกว่าอยากนอนเล่นเกมมากกว่าจึงเป็นเหตุให้ฉันได้เดินเล่นแค่กับมูมู่เท่านั้น
“มูมู่! มาเร็วไปเดินเล่นกัน”
งิ๊ง! งิ๊ง!
บรรยากาศที่สดชื่นแบบเต็มปอด ได้กลิ่นใบไม้และกลิ่นสะอาดที่พัดโชยมาตามลมเป็นระยะ ห่างไปไม่ไกลเป็นคอกแพะที่มีคุณน้าแถวบ้านมาคอยดูแล เขากำลังเลี้ยงแพะป้อนหญ้าและพวกมันก็กำลังกินกันอย่างเป็นระเบียบ สองเท้าจึงเดินเข้ามาทักทายน้าคนเลี้ยงแพะด้วยความสนิทสนม เพราะน้าเองดูแลคอกแพะนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ฉันเล็ก ๆ จนเรียกได้ว่าราวกับคนในครอบครัว
“วันนี้แพะไม่ดื้อเลยเหรอคะน้า”
“ไม่ดื้อเลยครับหนูโซย่า สงสัยรู้ว่าหนูจะมาเล่นด้วย”
“ฮ่า ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีซิคะ”
ฉันเดินไปใกล้แพะทั้งหลายด้วยความเคยชิน บางคนอาจจะมองว่าถ้าเลี้ยงสัตว์แบบนี้เรื่องกลิ่นและสภาพแวดล้อมจะเป็นยังไง ต้องบอกเลยว่าน้าคนดูแลคือมือหนึ่งของจริง จัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยจนแทบจะไม่เหมือนคอกแพะ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การถ่าย ทุกอย่างน้าฝึกแพะทั้งฟาร์มจนเป็นนิสัยราวกับฝึกเด็กน้อย
ฉันเดินป้อนหญ้า ป้อนนมลูกแพะไปเรื่อย ๆ จนเวลามืดลงพร้อมกับดวงไฟในบริเวณบ้านคุณยายเริ่มสว่างขึ้นมาแทนจนแทบจะเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยเป็นสีเขียวสดใสก่อนหน้านี้ ให้เป็นสีส้มทั่วทั้งพื้น เมื่อเห็นแบบนั้นจึงบอกลาน้าพร้อมกับจูงเจ้าโกลเด้นเดินเล่นไปเรื่อย ๆ
เดินกลับมายังตัวบ้านก็เห็นว่าคุณน้ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ จึงเดินเข้าไปทักทายคุณน้าและน้าเขย รวมถึงลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่ใบหน้าไม่ค่อยรับแขกสักเท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่กำลังคุยกันฉันเลยเลือกที่จะเดินออกมาเดินเล่นหน้าบ้านอีกครั้งเป็นการคร่าเวลา และสูดบรรยากาศของธรรมชาติให้เต็มปอด
ถึงแม้บรรยากาศจะเย็นลงมีความมืดเข้ามาปกคลุม แต่ก็ยังคงพอมองเห็นรอบ ๆ ได้อย่างรำไร เดินมาเรื่อย ๆ พร้อมกับเจ้ามู่มู่ ออกมายังนอกรั้วบ้านของคุณยาย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเพราะฉันเองก็เดินออกมาแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะที่นี่ปลอดภัยทั้งเรื่องสัตว์ร้ายและผู้ร้ายเป็นสิ่งที่เมืองนี้ดูแลและเข้มงวดมาก
“พี่! จะไปไหน”
ฉันหันหน้าไปมองน้องชายที่ตะโกนถามฉันจากชั้นสองของบ้าน ซึ่งปกติเวลามาบ้านยายฟอร์ซแทบจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าฉันจะไปไหน ที่ไหน กลับเข้าบ้านกี่โมง แต่ก็คงเพราะตอนนี้มันเริ่มมืดแล้วละมั้ง น้องคงจะห่วงก็ไม่น่าแปลก
“เดินเล่น เดี๋ยวกลับ”
ฉันตอบพร้อมกับเดินออกนอกบ้านตามถนนมาเรื่อย ๆ ที่นี่ดีอยู่ตรงที่ว่าต่อให้หมู่บ้านจะห่างไกลนอกเมืองแค่ไหน แต่ถ้ามีบ้านคนจะต้องมีไฟให้ความสว่าง นั่นทำให้ฉันสามารถเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้สึกกลัว การเดินเล่นบนถนนกว้างที่ข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้ และต้นไม้ขนาดย่อม สายลมที่พัดโชยเป็นระยะหอบหิ้วกลิ่นหอมของธรรมชาติพัดเข้ามาจนสดชื่น นั่นยิ่งทำให้ฉันชอบที่จะเดินเล่นสูดลมหายใจเข้าออกจนเต็มปอด
บรู๋ววว! โฮ่ง! โฮ่ง!
แต่จู่ ๆ เจ้ามูมู่ก็ส่งเสียงเห่าและหอนขึ้นมาทำให้ฉันตกใจจนหัวใจแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่ม ฉันหันไปมองตามเสียงนั้นก็เห็นว่ามันวิ่งส่ายหางดิ๊กดิ๊กไปในซอยข้าง ๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ชูกิ่งก้านแผ่ขยาย ฉันเพ่งตามองตามก้นเจ้าสุนัขตัวแสบไปอย่างจดจ่อ ก็เห็นว่ามันนั้นวิ่งไปหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกับส่ายหางกระโดดไปมาราวกับกำลังเจอคนรู้จัก ซ้ำยังส่งเสียงทักทายไม่ขาดสาย
และเพราะความสงสัยทำให้ฉันต้องก้าวเดินตามก้นของมันไปช้า ๆ จนอยู่ในระยะสายตาก็พบว่าด้านหน้าเจ้ามูมู่นั้นมีผู้ชายคนหนึ่งที่มองจากสายตาอายุน่าจะมากกว่าฉันไม่กี่ปี กำลังนั่งลูบหัวเจ้าหมาสีน้ำตาลอ่อนอยู่ด้วยความคุ้นชิน เสื้อผ้า หน้าผมเรียกได้ว่าเป็นคนมีเงินเลยก็ว่าได้ ฉันเดินเข้าไปใกล้อีกพร้อมกับหยุดยืนมองผู้ชายคนนั้นในหัวก็คิดไปต่างๆ นานา ว่าเขามานั่งทำไมตรงนี้มืด ๆ เป็นคนหรือผี เป็นคนดี หรือผู้ร้าย
แต่คงเพราะความอยากรู้มักจะชนะทุกสิ่ง ฉันขยับตัวเข้าไปใกล้เจ้ามูมู่ที่กำลังส่งเสียงครางหงิง ๆ ให้คนด้านหน้าอย่างน่าหมั่นไส้ มาเข้ามาใกล้จึงเอื้อมมือไปดึงปลอกคอเจ้าสุนัขตัวแสบให้ถอยห่างจากผู้ชายคนนั้น แต่สายตาฉันกับจับจ้องไปที่ใบหน้านั้นไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อย และเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าฉันกำลังจ้องเขาอยู่ เขาหันใบหน้าที่หล่อเหลานั้นมามองฉันด้วยสายตาที่มองจากดาวอังคารก็เห็นว่าเป็นแววตาสงสัย
ในวินาทีที่สายตาของเราจ้องมองกัน ท้องฟ้าที่เคยมีสายลมพัดเบา ๆ แบบชื่นใจก็เกิดกรรโชกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ท้องฟ้าที่ไม่มีแม้แต่แนวโน้มว่าจะมีฝนหรือพายุก็ส่งเสียงร้องดังจนแสบแก้วหู เกิดเป็นฟ้าผ่าเสียงดังจนเกิดแสงสว่างวาบไปทั่วพื้นที่ ฉันรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไปทุกอย่างแต่กลับไม่ตกใจกับสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย มีแค่ความรู้สึกอยากจ้องมองผู้ชายคนนี้และไม่สามารถละสายตาจากเขาได้เลย
หงิง! หงิง!
“เธอ.. มองเห็นฉันเหรอ?”
ตอนพิเศษที่ 3แรกพบแห่งสรวงสวรรค์สวรรค์ชั้นเก้าถูกอาบไล้ด้วยแสงสีทองระยิบระยับ ผืนป่าศักดิ์สิทธิ์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้สูงตระหง่านผลิดอกออกผลเป็นอัญมณีหลากสี กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ทิพย์ล่องลอยไปตามสายลม ทุกสิ่งทุกอย่างดูสงบเงียบและงดงามราวกับภาพวาดจากฝีมือเทพเจ้าท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงัด จัสตินเทพผู้พิทักษ์แห่งแสงเดินทอดน่องไปตามแนวต้นไม้ ดวงตาสีทองของเขาสะท้อนแสงระยิบระยับพลางทอดมองวิวทิวทัศน์โดยรอบ แต่แล้วเสียงน้ำที่กระเพื่อมเบา ๆ กลับดึงดูดความสนใจของเขาชายหนุ่มรูปงามชะงักฝีเท้า ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้เรือนผมสีเงินละสายตาจากผืนฟ้าลงมายังลำธารศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านใจกลางป่าและที่นั่นเองที่เขาเห็นเธอโซย่า เทพีแห่งสายลมกำลังเล่นน้ำอยู่กลางลำธาร เรือนผมสีน้ำเงินครามของเธอสะท้อนประกายแสงจันทร์ นางเอนกายอยู่กลางผืนน้ำดวงหน้างดงามราวรูปสลัก ผิวกายขาวเนียนเปลือยเปล่าแหวกว่ายอยู่ในกระแสน้ำใส ม่านละอองน้ำที่ลอยฟุ้งยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางอัปสรจากสรวงสวรรค์จัสตินยืนนิ่งอยู่หลังแนวต้นไม้ร่างกายแข็งทื่อราวต้องมนตร์ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เธอไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้ เทพีแห่งสา
ตอนพิเศษที่ 2สูญสลายกลายเป็นเพียงหมอกดวงตาคมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บนสถานที่ที่แสนจะน่าเบื่อแห่งนี้ ถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะสวยสดงดงามราวกับว่าไม่มีอยู่จริงแต่มันก็แค่เปลือกนอก เขามองเห็นสายตาของเหล่าเทพีขั้นต้นมองตรงไปที่เขาด้วยท่าทางประหม่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ยังรื้นอยู่บริเวณหางตาออก ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ดั่งคนที่ปลงตก"แองเจล่า" จัสตินเพียงแค่เอ่ยเรียกเบา ๆ แต่เสียงที่ออกมานั้นกลับก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงแห่งนี้"เจ้าค่ะ" สตรีผู้หนึ่งในกลุ่มเทพีด้านล่างเดินออกมาด้านหน้าสามก้าว ทำความเคารพแล้วเงยหน้ามองผู้เป็นนาย เธอมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยไม่ได้รู้สึกประหม่าหรือกังวลเช่นผู้อื่นภาพความทรงจำทั้งหมดไหลเข้ามาในความทรงจำ ทำให้เขารู้ว่าความจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง.. ซึ่งมันไม่ใช่ความฝันครั้งแรก มันเคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน"นี่เวลาใดแล้ว" เขายืดตัวตรงขยับเล็กน้อยเพื่อไล่ความเมื่อยขบ ใช้สายตาคมกริบจ้องมองใบหน้าของสตรีด้านล่าง"ค่ำแล้วเจ้าค่ะ" แองเจล่าเอ่ยตอบเขาเพียงเท่านั้น จัสตินได้พยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินลงมาจากบัลลังก์ ทุกย่างก้าวของเ
ตอนพิเศษที่ 1แหลกสลาย"คุณห้ามบอกเรื่องนี้กับลูกนะ" เสียงของผู้เป็นเจ้าของบ้านดังออกมาจากด้านในห้อง"เราจะทำยังไงกันดีคะ" นอกจากนั้นยังมีเสียงของคู่ชีวิตที่ดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวพร้อมทั้งเรือนผมสีเงินคราม กำลังยืนฟังทั้งสองอยู่ด้านนอกประตูบานนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกท่านถึงดูมีความกังวลเช่นนี้ มิหนำซ้ำสิ่งที่เขาได้ยินต้องเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เขารู้เป็นแน่"นายท่านคิดอะไรอยู่งั้นเหรอเจ้าคะ" เสียงของสตรีผู้หนึ่งที่ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนักดังขึ้นจากทางด้านหลัง ใบหน้าของเธองดงามราวกับสาวน้อยวัยแรกรุ่น"ทำไมคุณถึงมาอีกแล้ว" จัสตินเอ่ยถามสตรีท่านนี้ด้วยน้ำเสียงเอือมระอา แต่คนที่ถูกกระทำท่าทางเช่นนั้นใส่กลับไม่ได้ถือสาท่าทางของเขา"ข้าน้อยเพียงแค่อยากจะพาท่านไปท่องเที่ยวอีกครา หากท่องเที่ยวครานี้ลุล่วงนายท่านจะได้สมปรารถนาที่รอมาห้าร้อยปี" เธอยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดังเดิม แองเจล่าเธอมาในรูปลักษณ์ของมนุษย์ผู้หนึ่ง เพียงแต่ทุกย่างก้าวของเธอจะพิเศษและแปลกกว่าผู้อื่นเสมอ"ทำไมต้องเป็นผม" เพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเป็นดั่งละ
ตอนที่ 13ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ.. คุณก็จะเป็นของผมตลอดไปผมรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังล่องลอยอีกครั้ง ภาพสีขาวสว่างวาบราวกับแสงของสปอตไลต์ รอบตัวผมค่อย ๆ ปรากฏก้อนความทรงจำกลม ๆ รอบกาย ผมมองเห็นเรื่องราวที่ผ่านมาก่อนนี้ มองเห็นเด็กมัธยมปลายที่จูงหมาตัวอ้วนมาคุยกับผม เห็นพี่น้องคู่หนึ่งที่ชวนผมไปอยู่ด้วย ตอนนี้ผมจำได้ทุกอย่าง ผมเห็นภาพของตัวเองที่แอบไปนอนกับเธอบนเตียงเป็นประจำ ภาพของตัวเองที่แอบขโมยหอมหน้าผากเธอเวลาหลับบ่อย ๆ และความทรงจำทั้งหมดนั้นกำลังไหลเข้ามาในหัวของผมอย่างรวดเร็วติ๊ด~ ติ๊ด~ ติ๊ด~ ผมลืมตาขึ้นมามันช่างเป็นเหมือนภาพเดจาวูเหลือเกิน สภาพห้องในโรงพยาบาลที่คุ้นเคย เสียงเครื่องมือแพทย์ที่ได้ยินประจำ ผมกวาดตามองรอบ ๆ เห็นโซย่านอนอยู่ที่ข้างเตียง เธอไม่ใช่เด็ก 5 ขวบคนนั้น แต่เป็นโซย่าที่ผมรู้จัก ผมมองใบหน้าของเธอนิ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกมือมาเกลี่ยเส้นผมของเธอออกอย่างเบามือที่สุด"จัสติน! ฟื้นแล้วเหรอ" แต่ไม่รู้ว่าคำว่าเบา ๆ ของผมจะหนักไปหรือเปล่า เพราะเธอเด้งตัวตื่นมาทันทีที่นิ้วผมสัมผัส ผมยิ้มให้เธอบาง ๆ ก่อนจะมองตามเธอที่เดินไปกดเรียกพยาบาล แต่แล้วสายตาของผมก็ต้องสะดุดกับสิ่งหนึ
ตอนที่ 12เธอเป็นของผม"แม่คิดมาตลอดว่าอาจจะไม่ได้เห็นลูกตื่นขึ้นมาอีกแล้ว แต่ก็อ้อนวอนต่อพระเจ้ามาตลอดในที่สุด.. ลูกของแม่ก็ตื่นขึ้นมาสักที" คุณแม่พูดไปน้ำตาของท่านก็ไหลไป ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ท่านก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้"ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ลำบากแม่แล้วนะครับ" ท่านส่ายหน้าส่งมาให้พร้อมทั้งใช้มือลูบหัวผมเบา ๆ แอ๊ด~ เราสองคนหันไปทางประตู พบว่าคุณอาทั้งสองนั้นเดินเข้ามาพร้อมของเยี่ยมและรอยยิ้ม สายตาของผมมองเลยไปทางด้านหลังอย่างมีความหวังแต่กลับต้องเศร้าลงเพราะไม่มีใครอื่นนอกจากท่านทั้งสองคน"จัสตินเป็นยังไงบ้าง" คุณอาผู้หญิงเดินมาถามผมอย่างเช่นทุกครั้ง จากที่ผมสงสัยมานานว่าท่านคือใครในตอนนี้พอได้รับรู้ผมกลับรู้สึกผิดต่อพวกท่านเป็นอย่างมาก "อาโซเฟียครับ.. ผมขอโทษด้วยนะครับเรื่องอุบัติเหตุครั้งนั้น" แม้ว่ามันจะผ่านมานานแต่พอรู้ว่าครอบครัวเราเป็นคนที่ทำให้พวกท่านลำบาก ผมกลับรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ สองมือยกขึ้นไหว้ทั้งสองพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า พวกท่านมีท่าทางงงเล็กน้อยแต่ก็ยังเดินมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน"อุบัติเหตุไม่มีใครถูกใครผิด อาเองก็ไม่รู้ว่าหนูนอนอยู่ที่นี่มาถึง 10 ปี หากวันนั้นคุณอาม
ตอนที่ 11พบกันอีกแล้วนะหลังจากที่พูดคุยกับฟอร์ซจนรู้เรื่องแล้ววันรุ่งขึ้นฉันก็มุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลทันที สองเท้าหยุดมองป้ายของโรงพยาบาล ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตามตึกที่ฟอร์ซบอก สองเท้าเดินขึ้นมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพิเศษในมือถือกระเช้าผลไม้และของกินอีกสามสี่อย่าง ดวงตากลมโตจ้องมองป้ายชื่อของคนไข้ความรู้สึกตื่นเต้นจนเหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ ฉันยืนจ้องอยู่ที่หน้าประตูอยู่นาน ใจหนึ่งก็อยากเปิดเข้าไปด้านในอีกใจก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน แอ๊ด~ แต่ยังไม่ทันที่ฉันนั้นจะได้ถกเถียงกับตัวเองจนจบประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก พร้อมกับพยาบาลในชุดขาวที่เดินเข็นรถผู้ป่วยออกมา สายตาของเราสองคนจ้องมองกันใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ในเวลานี้ร่างกายของเขานี้ดูซูบผอมกว่าตอนเป็นวิญญาณไปเสียหน่อย ฉันส่งยิ้มให้กับจัสตินบาง ๆ ด้วยความดีใจ"พบกันอีกแล้วนะ" ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยคำพูดนั้น ///ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงด้านหน้านี้คือใคร แต่ใบหน้าของเธอช่างคุ้นเคยเสียจริง ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายกำลังตื่นเต้นจนพองโตราวกับว่ามันเจอสิ่งที่รอคอย"พบกันอีกแล้วนะ" เธอเอ่ยมาเพียงแค่ห้าคำแต่กลับทำให
ตอนที่ 10เราจะต้องกลับมาพบกันอีกครั้งผมนั่งนิ่งมองหน้าของผู้ชายคนนี้อย่างใช้ความคิด โซย่า.. ชื่อนี้รู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก คุ้นมากและรู้สึกคิดถึงมากแต่กลับจำไม่ได้เลยว่าเธอคือใคร ผมส่ายหน้าให้ฟอร์ซช้า ๆ เป็นคำตอบ เห็นสีหน้าของผู้ชายคนนี้ก็พอเดาออกว่าเขาไม่ค่อยชอบใจคำตอบนี้เท่าไหร่"เธอคือใครเหรอ" ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงสงสัยพอ ๆ กับในใจที่รู้สึกคุ้นเคย"เธอคือคนที่รอใครบางคนกลับมาจนตายไปแล้ว" ฟอร์ซพูดด้วยเสียงประชดประชันแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางคุณอาทั้งสอง ผมมองตามหลังของเขาไปแต่ในใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ"เป็นยังไงบ้างจัสติน.. ดีขึ้นบ้างไหม" คุณอาผู้หญิงเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม"ดีขึ้นมากแล้วครับคุณอา" "แบบนี้ก็ใกล้ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะสิ" ส่วนนี่เป็นน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความยินดีของอาผู้ชาย"ใกล้แล้วครับ ถ้ากายภาพจนช่วยเหลือตัวเองได้แล้วอาหมอก็บอกว่ากลับบ้านได้ครับ" ผมยิ้มให้กับทั้งสองท่าน พร้อมทั้งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่สักพักใหญ่ แต่ในใจผมกลับไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่พวกท่านคุยเลยแม้แต่น้อย ในสมองมีเพียงคำถามเดียวที่ยังติดอยู่ในใจ.. โซย่าเธอคือใคร///
ตอนที่ 9นายเป็นใครผมยังคงนอนมองรอบ ๆ ห้องที่ดูก็รู้ว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นโรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทุกคนตรวจเช็กเบื้องต้นแล้วก็ออกไปด้านนอก ก่อนจะมีผู้หญิงวัยกลางคนที่ใบหน้าและรูปร่างของเธอนั้นโทรมมาก วิ่งเข้ามาหยุดข้างเตียงของผม เธอยืนนิ่งส่งยิ้มที่สวยมากมาให้ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตาก่อนจะไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม"ตื่นแล้วเหรอลูก" เธอพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินมานั่งลงข้างเตียง ใช้มือทั้งสองข้างนั้นโอบรอบมือของผมเอาไว้ ความอบอุ่นนี่มันคืออะไรกัน ผมมองมือของเธอและความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ด้วยหัวใจที่พองโตราวกับว่าไม่ได้เจอมานานแสนนาน"ดีจริง ๆ ดีมากจริง ๆ" เธอยังคงจ้องมองมาที่ผมพร้อมทั้งน้ำตาอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน ผ่านไปอีกไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้ชายรูปร่างหล่อเหลามากคนหนึ่งแม้จะดูโทรมไปบ้างวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาทั้งตกใจและดีใจ ปฏิกิริยาของเขาช่างเหมือนกับผู้หญิงข้างเตียงเมื่อครู่ไม่มีผิด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาคลอไปด้วยหยดน้ำตาก่อนที่มันจะค่อย ๆ ไหลออกมาอาบแก้ม แต่ผมมองได้ชัดเจนว่าใบหน้าของเขานั
ตอนที่ 8การพบกันครั้งสุดท้ายเราทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองที่คุณยายอีกครั้ง ท่านส่งยิ้มมาให้มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูใจดีที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา"คุณยาย.." โซย่าเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเงียบเสียงลง เพราะน้องชายอย่างฟอร์ซจับแขนเสื้อของเธอเขย่าเบา ๆ สองสามทีเป็นการเตือน"คนนี้พี่จัสตินครับเป็นแฟนพี่โซย่า" ผมและโซย่าหันมองหน้าฟอร์ซพร้อมกันด้วยความรู้สึกตกใจ รู้สึกได้ว่าคุณยายนั้นมองมาที่เราสองคนสลับกันแต่นอกจากท่านจะไม่ดุหรือว่าไม่พอใจอะไรแล้ว ท่านกลับหัวเราะออกมาเสียงดังครู่หนึ่ง สองเท้าของคุณยายเดินตรงมาทางพวกเราก่อนที่ท่านจะเดินผ่านสองพี่น้องนั้นตรงมาทางผมช้า ๆ "หล่อจริง ๆ มาเข้าไปในกันก่อน" ผมมองหน้าคุณยายเล็กน้อย ท่านได้จูงมือผมเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีบรรยากาศในบ้านทุกอย่างดูดีและอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่มา เพียงแต่เหมือนว่าครั้งนี้พวกเรานั้นจะมาเร็วกว่าคนอื่น ๆ ไปเสียหน่อย จวบจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น ผมถูกโซย่าลากให้เดินเข้ามาในครัวจัดการเรื่องอาหารค่ำในคืนนี้ เพราะว่าเธอนั้นเป็นคนที่ไม่ได้สันทัดเรื่องอาหารสักเท่าไหร่ทำให้ทุก ๆ ก้าวนั้นต้อง
Comments