“อย่าเดินห่างผมนักสิเบบี๋ หืม” ตฤณบอกพลางเดินไปจูงมือเธอเอาไว้
“หยาไม่แน่ใจว่าควร...” “ควรจ้ะ แฟนผมต้องเดินกับผม ไม่ใช่เดินห่างเป็นวาแบบนี้” พูดจบเขาก็เดินเข้าร้านจิวเวอร์รี่ทันที มาซื้อของขวัญร้านนี้อย่างนั้นหรือ เธอคิด “สวัสดีค่ะท่าน ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวยิ้มๆ“สวัสดีครับ” ตฤณตอบกลับและเดินไปดูตามตู้โชว์ต่างๆ “ไม่ทราบว่าท่านสนใจแบบไหน เป็นแหวน สร้อยคอ หรือต่างหูดีคะ” “ผมชอบแหวนครับ แต่เลือกไม่ถูก เลยให้สุภาพสตรีมาช่วยเลือก พอดีจะให้เป็นของขวัญคนสำคัญครับ” “หยาเลือกแล้วเธอคนนั้นของคุณจะถูกใจเหรอคะ” เธอประชดเล็กๆ “ถูกใจแน่นอนครับ” “แล้วซื้อของขวัญ ทำไมท่านไม่เลือกสร้อยล่ะคะ จะได้ดูกลางๆ ถ้าเป็นแหวนคนรับจะเข้าใจผิดได้ ว่าท่านคิดอยากได้เขาเป็นแฟนอีกแล้ว”“หึๆ คิดมาก งั้นเอาทั้งสองอย่างเลย เลือกให้หน่อยสิครับ” “ชอบ“แล้วตกลงเรื่องปรับ”“อยากให้ผมปรับไหมล่ะ”“ตามใจครับ เอาตามความถูกต้อง ผมห่วงก็แต่ลูกค้าของคุณตฤณ”“เลื่อนการส่งมอบให้ลูกค้าออกไปอีก เพิ่มออฟชั่นเสริมไป น่าจะช่วยได้และเพื่อให้งานของเราออกมาสมบูรณ์แบบ”“แล้วแบบนี้คุณซันด์จะรู้ตัวหรือยังนะ”“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะยัง เพราะถ้ารู้แล้วเขาก็ต้องได้รับผลกระทบและคงโทรมาแล้วล่ะ”“ท่านคิดว่า คุณวิทย์มีนอกมีในกับคุณซันด์หรือเปล่า”“ก็อย่างที่เคยคุยกัน มันต้องได้ส่วนต่างเยอะพอสมควร ถึงได้กล้าทำแบบนี้ ดูการเดินบัญชีในชื่อของเขาแล้ว ฟันธงได้เลย”“เฮ้อ! เป็นแบบนี้ทุกวงการ”“แต่ไม่น่าเกิดกับคนใกล้ตัวที่ผมไว้ใจ มันไม่ได้เพิ่งเกิด แต่วิทย์เขาเก็บเล็กผสมน้อย ส่วนรายได้ก้อนใหญ่ก็เห็นจะๆ เมื่อไม่นานมานี้”“ถ้าให้เดา...”“ไม่ต้องเดา มันถูกโอนมาจากบัญชีญาติผม เหมือนจะซื้อตัว”“เหมือนเป็นเงินใต้โ
“อย่าเดินห่างผมนักสิเบบี๋ หืม” ตฤณบอกพลางเดินไปจูงมือเธอเอาไว้“หยาไม่แน่ใจว่าควร...”“ควรจ้ะ แฟนผมต้องเดินกับผม ไม่ใช่เดินห่างเป็นวาแบบนี้” พูดจบเขาก็เดินเข้าร้านจิวเวอร์รี่ทันที มาซื้อของขวัญร้านนี้อย่างนั้นหรือ เธอคิด“สวัสดีค่ะท่าน ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวยิ้มๆ“สวัสดีครับ” ตฤณตอบกลับและเดินไปดูตามตู้โชว์ต่างๆ“ไม่ทราบว่าท่านสนใจแบบไหน เป็นแหวน สร้อยคอ หรือต่างหูดีคะ” “ผมชอบแหวนครับ แต่เลือกไม่ถูก เลยให้สุภาพสตรีมาช่วยเลือก พอดีจะให้เป็นของขวัญคนสำคัญครับ”“หยาเลือกแล้วเธอคนนั้นของคุณจะถูกใจเหรอคะ” เธอประชดเล็กๆ“ถูกใจแน่นอนครับ”“แล้วซื้อของขวัญ ทำไมท่านไม่เลือกสร้อยล่ะคะ จะได้ดูกลางๆ ถ้าเป็นแหวนคนรับจะเข้าใจผิดได้ ว่าท่านคิดอยากได้เขาเป็นแฟนอีกแล้ว”“หึๆ คิดมาก งั้นเอาทั้งสองอย่างเลย เลือกให้หน่อยสิครับ”“ชอบ
“หยาได้ยินเสียงคนเดินรอบบ้าน แล้วเสียงกิ่งไม้ลากไปมา เหมือนจะมีคนเปิดประตูเข้ามา หยาไม่กล้าเปิดผ้าม่านดูว่าใคร กลัวเป็นขโมย”“ดีแล้วที่ไม่เปิด เพราะอาจเป็นขโมย เราอาจได้รับอันตราย และถ้าเป็นขโมยจริงๆ ทีนี้ มันก็รู้แล้วว่าหยาอยู่คนเดียวจริงไหม”“หยากลัวมาก กลัวจนนอนไม่หลับ กลัวว่าจะเป็นผีก็กลัว” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเธออ่อนลงจนเบากลัวเขาจะหาว่าไร้สาระ เสียงสั่นจนน่าสงสาร เขาจึงถอนใจส่ายหน้าแล้วเอามือลูกศีรษะเธอเบาๆ ก่อนจะกดลงซบที่ไหล่“คนกับผีกลัวอะไรมากกว่ากัน”“ทั้งสองอย่างค่ะ”“หึๆ คนเก่งอย่างเรากลับมากลัวผีเนี่ยนะ”“กลัวผีไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเก่งหรือไม่เก่งนะคะ หยาอยู่คนเดียว”“แล้วสมัยเรียนน่ะ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้หรือไง”“ตอนเรียนอยู่หอ มีเพื่อนข้างห้องค่ะจนเรียนจบไม่ได้เหงาเหมือนอยู่บ้านเช่าแบบนี้ ว่าแต่ คุณไม่ได้ส่งคนไป
จากนั้น ปั้นหยาก็เดินออกจากบ้านท่ามกลางพื้นเปียกแฉะ แต่ไม่วายเดินสำรวจรอบๆ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ทว่ามีแต่ใบไม้หล่นเต็มพื้นไปหมด ไหนจะกิ่งไม้เล็กใหญ่ หรือว่าเมื่อคืนจะเป็นกิ่งไม้พวกนี้ที่หล่น แล้วลากไปกับพื้นเพราะแรงลมหรือเปล่า เธอคิดด้วยความหวาดกลัว จากนั้นจึงออกจากบ้าน ปิดประตูให้เรียบร้อยแต่แล้วอยู่ๆ ก็มีรถแล่นสวนมาพอดี รถคันนี้เตะตามากเพราะเธอเคยขับมันมาก่อน ว่าแล้วจึงหยุดยืนรอ“คุณกัน” ปั้นหยาเรียกคนขับรถที่เปิดประตูลง แล้วเดินอ้อมมาเปิดให้“เชิญครับ คุณท่านให้มารับ” สิ้นคำของเขา ปั้นหยาก็เดินขึ้นรถแบบไม่โต้เถียงอะไรทั้งสิ้น ส่วนกันระพีก็เดินอ้อมมานั่งที่นั่งคนขับก่อนจะเอ่ย“หน้าซีดนะครับ” กันระพีเหลือบมองเธอเล็กน้อยเท่านั้น แต่เธอกลับเอามือจับหน้าตัวเองเอาไว้“รีบค่ะ เลยไม่ได้แต่งหน้า”“ไม่แต่งก็สวยครับแต่ว่าที่บอกว่าซีดเหมือนคนไม่ได้นอนหรือไม่สบายมากกว่า ค่อนไปทางโทรม”“ค่ะ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ลมแรง
กรอบแกร่บ! กรอบแกร่บ! เสียงดังอีกครั้ง ช้าๆ เบาๆ ความหวาดกลัวทำให้เธอหวาดระแวง จนต้องลุกจากเตียงและเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างเพื่อเงี่ยหูฟังดีๆ หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรง ราวกับจะทะลุออกมานอกอก ตุบ! ตุบ! ใจอยากจะแง้มผ้าม่านดูอยู่หรอกแต่กลัว อาจจะเป็นเสียงใบไม้ปลิวลากไปกับพื้นก็ได้ เธอคิด แล้วเอาหูแนบกับผนังกรอบแกร่บ! กรอบแกร่บ! มันเหมือนเสียงคนเดินเหยียบใบไม้ชัดๆ เธอคิดด้วยความตกใจ ความกลัวแล่นจับขั้วหัวใจทันที พร้อมกับเอามือปิดปากตัวเองไว้ ต่อมาไม่นานก็ได้ยินเสียง ก๊อกแก๊ก! ที่ประตูหน้าบ้าน ว่าแล้วเธอก็รีบออกมาจากห้องเปิดประตูเบาๆ แง้มไว้พร้อมกับส่องดูว่าที่หน้าบ้านมีอะไร ตรงประตูหรือหน้าต่าง ก็ไม่เห็นว่ามีเงาอะไรเลย แต่กลับมีเสียงตรงลูกบิด“ผีหลอกป่าวเนี่ย” เธอพูดเบา ดวงตาเบิกโพลงเพราะความกลัวแต่แน่ใจว่าล็อคบ้านอย่างดีแล้ว สุดท้ายทำได้แค่ค่อยๆ ปิดประตูกลับเข้าห้อง ล็อคเอาไว้อย่างเดียวแล้วนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง“หรือว่าคุณตฤณแกล้งเราหรือเปล่าเนี่ย เห็นว่าเราไม่อยู่ด้วย” เธอโทษคนบ้านโน้นก่อนเลย ว่าแล้วก็เอาม
“วันหยุดนี้ ไปบ้านคุณดีไหม” ให้ตายเถอะเขาทำให้เธออึ้งตาโตไปเลย ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ รถก็จอดที่หน้าทางขึ้นบ้านพอดี“ถึงแล้วค่ะ” ปั้นหยาพูดตัดบท แล้วดันเขาออกเล็กน้อย ก่อนจะเปิดแล้วลงไปส่งเขาในฐานะเจ้านายก่อน จังหวะเดียวกันเธอเห็นเขาถอนใจแล้วมองหน้า“เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”“เอาเป็นว่า ตามใจคุณ แต่ผมห่วงคุณจริงๆ นะ อยู่บ้านคนเดียวก็... ดูแลตัวเองดีดีก็แล้วกัน ถ้าค่ำแล้วก็ไม่ต้องออกมาเดินเล่น เข้าใจไหม” ในน้ำเสียงของเขามีความห่วงแบบจริงจัง เครียด แววตาเป็นกังวลแปลกๆ บางทีเขาดูเป็นผู้ชายสองบุคลิกยังไงก็ไม่รู้“หึๆ เข้าใจค่ะท่าน” เธอตอบและยิ้มบางๆ“มีอะไรก็โทรหาผม หรือก้อง เปิดรอสายตลอด 24 ชม.”“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยจริงๆ หยาจะโทรบอกนะคะ”“ครับ” น้ำเสียงของเขายังคงกดต่ำ น่าหวั่นใจ จากนั้นเธอก็กลับขึ้นรถโดยมีเขาปิดประตูให้ ยืนส่งจนกระทั่งรถเลื่อนออกไปจากหน้าบ้านจนลับตา เขาจึงขึ้นบ้าน“ดูคุณท่านมีความหวั่นใจ&