“ที่รัก ร่างกายของคุณหวานอร่อยไปทั้งตัว หวานจนผมหยุดกินไม่ได้ แล้วตอนนี้ผมหิวอีกแล้ว” ตฤณ ท่านประธานบริษัท วัย 37 ปี หนุ่มโสดหล่อ รวย พ่อบุญทุ่ม ถูกใจใครก็เปย์หนัก ไม่เว้นแม้แต่เลขาสาวสวยที่เขาบังคับมารับตำแหน่ง ด้วยวิธีแสนเจ้าเล่ห์แม้เธอไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อเขา “อยากได้” วิธีสุดแสนร้ายกาจเขาก็งัดมาใช้ เพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง ***** “ผมขับรถไปรับคุณได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ได้ขู่ด้วย เอาให้รู้ไปทั้งบริษัทว่า... คุณเป็นคนของผม ผมมีรถให้เลือกนั่ง 10 คัน ลือกมาสักยี่ห้อเดี๋ยวขับไปหาครับ” “คุณมันบ้า อีตาผู้ชายบ้า เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย แล้วต้องมาอยู่ซอยเดียวกัน” “ท่านประธาน คำที่ถูกต้อง ตกลงขึ้นรถมาหรือยังครับปั้นหยา” “คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าคุณ...” “จะสมนาคุณผมด้วยจูบเหรอ” “คุณ!”
View Moreปั้นหยา บ้านอยู่ต่างจังหวัด เพิ่งเรียนจบหมาดๆ กำลังเผชิญกับการตกงาน นั่นเพราะคนที่เรียนจบพร้อมกันเป็นแสนๆ คน ยุ่งยากที่สุดคือตอนหางาน ต่อให้เธอเรียนเก่งแค่ไหนก็ตามไม่รอดอยู่ดี เพราะงานสมัยนี้คัดเฉพาะคนมีประสบการณ์ แล้วคนเรียนจบใหม่อย่างเธอเล่า ใครจะเอา ทว่าฟ้าก็มีตา เธอสมัครทิ้งๆ ไว้หลายที่ ก็มีคนบริษัทเรียกตัวไปสัมภาษณ์บ้าง ที่เหลือเงียบกริบทิ้งใบสมัครของเธอแล้วกระมัง
วันนี้เป็นวันที่ปั้นหยาพอจะมีความหวังว่าจะได้งานทำ มีเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ไม่ต้องแบมือขอเงินครอบครัว เธอคิดอย่างมีความหวัง ขณะที่กำลังเดินเท้าออกจากซอยซึ่งเป็นบ้านเช่า ในมือหอบเอกสารส่วนตัวหนาเตอะเตรียมการเป็นอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ขอดูอะไรก็ให้ได้ การแต่งตัวก็จะสุภาพหน่อยคือเสื้อเชิ้ตขาวเข้ารูป กับกระโปรงทรงเอ รองเท้าส้นสูงที่เดินยากมากบนทางเท้าที่ขรุขระ แถมยังมีน้ำขังเจิ่งนองหลังฝนตก บางจุดต้องเดินหลบเลี่ยงไม่ให้รองเท้าเปื้อนโคลน “อากาศนี่ก็นะ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน บางวันก็หนาวขึ้นมาดื้อๆ” ปั้นหยาบ่นฟ้าบ่นฝนไปเรื่อย จังหวะเดียวกันก็มีมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างแล่นผ่านไปมา แต่เธอไม่เรียกเพราะจากกลางซอยมาถึงปากซอยไม่ไกล และเดินอีกไม่กี่เมตรก็ถึงปากซอยแล้ว เหนื่อยแต่ก็ทนได้ “ขับเฟี้ยสขนาดนี้ ใครจะนั่งด้วย” ปั้นหยาบ่นให้มอร์เตอร์ไซค์รับจ้างที่ กำลังขับมาแล้วแซงซ้ายขวา ไม่สนใจรถที่กำลังจะสวนออกไปเลย และในจังหวะเดียวกันนั้น ก็ดันมีรถเก๋งขับมาทางที่เธอเดินพอดี รถเก๋งเหวี่ยงพวงมาลัยหลบมอร์เตอร์ไซค์มาทางซ้าย จังหวะนรกคือล้อรถเหยียบตรงน้ำขัง “ว๊าย! ตายแล้ว! อ๊าย!” ปั้นหยากรี๊ดด้วยความตกใจ เพราะน้ำโคลนสาดกระเด็นใส่เสื้อสีขาวของเธอเปียกทั้งตัว เธออึ้งไปหลายวิก่อนจะมองไปที่รถเก๋งคันนั้นที่ชะลอเช่นกัน เท่านั้นแหละแม่คุณองค์ลงทันที “นี่! หยุดเดี๋ยวนี้! ขับรถประสาอะไร! ไม่เห็นใจคนเดินเท้า คิดว่ารวยมากใช่ไหม! ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือขนาดนี้! อยากจะขับยังไงก็ขับได้ใช่ไหม ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่งั้นแม่จะถ่ายป้ายทะเบียนลงเฟซบุ๊กส์เลย!” เธอด่าไฟแลบพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ คนในรถรีบจอดและได้ยินแต่เสียงแว๊ดๆ พร้อมกับภาพปั้นหยากำลังชี้มือมา เท่านั้นยังไม่พอ เธอเดินตรงมาที่รถด้วย “เอาไงดีครับคุณท่าน แย่แล้ว น่าจะใส่ชุดทำงานนะนั่น” กันระพีซึ่งเป็นคนขับรถบอกด้วยความตระหนก “แกลงไป ให้เงิน ให้อะไรไปปิดปาก จะได้เงียบ ท่าทางปากจัดไม่เบา” เจ้านายผู้ที่นั่งด้านหลังบอกอย่างไม่แยแส และไม่กล้าหันไปมอง “ฉันบอกให้ลงมาเดี๋ยวนี้!” ปั้นหยาตะโกนพร้อมกับเอามือถือถ่ายป้ายทะเบียนด้วยเลย “คุณท่าน ถ้าไม่ลงไปแย่แน่ โซเชียลอยู่ในมือนะครับนั่นน่ะ” “แล้วแกขับรถประสาอะไรวะเนี่ย” เจ้านายหนุ่มต่อว่าเสียอย่างนั้น “ก็คุณท่านบอกให้ผมขับเร็วๆ รีบ ไปประชุม” “ก็... เอ่อ” เจ้านายหนุ่มได้แต่อึกอัก เพราะมันเป็นคำสั่งของตนเอง “คุณท่านต้องรับผิดชอบ” คนขับรถบอกอีกครั้ง “บ้าจริง ฉันมีประชุมด้วย เอาเงินให้สักพันสองพัน เดี๋ยวก็เงียบแหละ” ตุบ! ตุบ! ตุบ! ระหว่างที่เจ้านายกับลูกน้องคุยกันอยู่นั้น ปั้นหยาก็ทุบกระจกเบาๆ ทำเอาสองหนุ่มถึงกับหันมอง ขณะเดียวกันปั้นหยาเห็นไม่ชัดว่าภายในรถเป็นอย่างไร เนื่องจากกระจกมืด “ให้ตายสิ” ตฤณผู้เป็นเจ้านายสบถอย่างหัวเสีย “จะไม่ลงมาใช่ไหม! ได้!” ปั้นหยาถามอีกครั้ง ชั่ววินาทีนั้นเธอก้มหน้าหาอะไรบางอย่างแต่ไม่พบ ไหนๆ ก็เปื้อนแล้ว เธอก็เดินกลับไปที่จุดน้ำขังแล้วเอามืออุ้มน้ำโคลนแล้ววิ่งมาสาดใส่ประตูรถทันที “นี่แน่ะ!” “เฮ้ย! อื้อหือ! ยัย... ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย” ตฤณว่าด้วยความตกใจ ส่วนปั้นหยาก็ยังคงวิ่งไปเอามืออุ้มน้ำกลับมาสาดเหมือนเดิม จนเขาทนไม่ไหวรีบลงจากรถ “หยุดเดี๋ยวนี้! คุณทำอะไรรถผมเนี่ย! ผมบอกให้หยุด!” ตฤณร้องห้าม ขณะที่เธอเอาน้ำโคลนนั่นแหละป้ายรถเขาอีก แต่เมื่อเธอยังไม่หยุดเขาก็เอื้อมมือกระชากมือเธอเอาไว้แรงๆ จนเธอหันหน้ากลับมามอง วินาทีประจันหน้าเขาก็ชะงัก จากที่กำลังจะง้างปากด่าเสียหน่อย ถึงกับสะตั้นเพราะแม่สาวปากร้ายคนนี้สวยชะมัดเลย หน้าใสมาก จมูกโด่งแดงๆ ปากน่าจูบแต่ด่าเก่ง ทว่าเธอเองก็ต้องอึ้งเช่นกัน พอต่างฝ่ายต่างได้สติเธอก็สะบัดมือออกแรงๆ และเช่นเดียวกันจากที่เขาหัวร้อนเมื่อครู่ อารมณ์กลับเปลี่ยนซะงั้นตุบ! ตุบ! ตุบ! ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ! เสียงหมัดหนักๆ รัวใส่เพื่อนไม่ยั้ง ชนิดที่ตั้งตัวไม่ทันประหนึ่งจะชิงเข็มขัดเลยทีเดียว และการต่อสู้ของเขามืออาชีพ และเก่งมากจนปั้นหยาทึ่ง อ้าปากค้าง ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีดีที่หล่อรวยอย่างเดียว หรือน่าเกรงขามเพราะมีบอร์ดี้การ์ด ทว่าศิลปะป้องกันตัวก็เจ๋ง ให้ตายสิ เธออึ้งมาก“อุ้ยตาย!” ปั้นหยาอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นตฤณทุ้มเพื่อน แล้วเหวี่ยงลงกับพื้นพร้อมกับบิดแขน จนเพื่อนต้องเอามือตบพื้นเพื่อส่งสัญญาณว่าไม่ไหว“ไอ้ตฤณ อย่าเอามารวมกันดิวะ ไอ้บ้า” เพื่อนบ่นด้วยความเจ็บ และเหนื่อยหอบ“อีกยกไหม”“เอ่อ มา ข้าไหว จัดมา” เพื่อนบอก แต่น้ำเสียงนั้นแทบจะไม่ไหวแล้วอ่อนเพลียเพราะจริงจังกันมาก เท่านั้นแหละตฤณก็จัดหนักทันที“ดูเหมือนจะไม่ได้ชกมวยอย่างเดียว” ปั้นหยาเอ่ย“ท่านประธานไม่ได้เก่งแค่ต่อยมวยนะครับ ยิมนี้มีให้เล่นหลายอย่าง ท่านก็ฝึกจนเก่งเชียวแหละ”“จ
“ได้ครับ ผมจะได้บอกหนุ่มๆ เตรียมตัว เอ่อแล้วคุณหยาต้องไปด้วยหรือเปล่า” อันนี้ก้องการุณแสร้งถามให้ดังขึ้นไปงั้นเองแหละ“มีแต่ผู้ใหญ่แล้วก็ผู้ชาย คุยเรื่องงานกัน” ตฤณตอบเสียงเรียบ“ขอโทษค่ะ ยิ่งคุยเรื่องงานหยาก็ยิ่งต้องไป ท่านบอกเองว่าความจำไม่ดีต้องมีคนช่วยจำ” ปั้นหยารีบขันอาสาทันที“มีก้องไปแล้ว และนี่เป็นงานกลางคืน” ตฤณปรับน้ำเสียงให้นุ่มน่าฟังขึ้น ประเดี๋ยวจะหาว่าทำเสียงเข้มใส่“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ดึกยังไงคุณก็ไปส่งหยาอยู่ดี”“เฮ้อ” เถียงไม่ได้เขาก็ถอนใจเชียว“จะไปยิมก่อน จะไปด้วยไหมล่ะครับคุณเลขา” ตฤณไม่ตอบเรื่องให้เธอไปด้วยหรือเปล่า แต่แสร้งถามเรื่องอื่น“อุ้ย! ดีเลยค่ะ หยาอยากรู้ว่ามาดอย่างท่านประธานเนี่ย แค่ไปวิ่ง ยกเวท หรือว่ามีอย่างอื่นอีก” ทำไมเธอชวนง่ายจัง ไม่ปฏิเสธเขาเลย“จ้ะ งั้นก็ไป” ดูเหมือนเขาจะตามใจเธอเก่งเสียเหล
“สำรวจได้ แต่ไม่ใช่ให้เดินเฉิดฉายแผนกช่างหรอกนะ” พูดถึงแผนกช่างเท่านั้นแหละก้องการุณถึงกับอดขำไม่ได้“ไอ้ก้อง มีปัญหาเหรอ”“เปล่าครับท่าน”“แค่นี้ก็ต้องดุด้วย” เธอว่าแล้วก็เดินผ่านเขาเข้าห้องไปทันที เขาปรายตามองก้องการุณนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปจัดกับเลขาตัวดีต่อ“ตอบคำถามผมก่อน ทำไมโทรไปไม่รับ แล้วลงไปนานมาก”“จะเรียกใช้งานหรือว่าคิดถึงคะท่าน”“หืม เอ่อ อยากให้คิดถึงไหมล่ะ ก็ทั้งนั้นแหละ”“ก็บอกแล้วหยาเข้าห้องน้ำ รับสายไปด้วยปลดทุกข์ไปด้วยก็เขินนะคะ ท่านประธานก็โทรจี้จัง แล้วนี่อะไรคะทำท่าหงุดหงิดใส่หยา”“ผมทำท่าหงุดหงิดอย่างนั้นเหรอ”“ดุอีกด้วยค่ะ คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นเลขแปดเชียว เคยคุยกันแล้วนะคะเนี่ย”“ผมขอโทษ มีอะไรรบกวนใจนิดหน่อย เลยพาล”&ldquo
สุดท้าย เธอทนไม่ไหวคว้าแฟ้มที่เขาเซ็นแล้วออกไปทันที ไม่อยากโทรเรียกให้พนักงานขึ้นมารับ เพราะตอนนี้เธอเสียสมาธิอยากจะออกไปจากห้องก่อน“หน้ายุ่งๆ นะครับ หืม” ก้องการุณเอ่ยปากแซวยิ้มๆ“เขาเป็นคนที่... อยากจะ” ปั้นหยาเอามือข้างที่ว่างทำท่าบีบอากาศพร้อมกัดฟันแน่น“เสน่ห์แรงใช่ไหมล่ะ” นี่เขาแซวหรือเนี่ย“เปล๊า! ขี้โมเม ขี้ตู่ต่างหากแล้วขี้หึงด้วย ทั้งที่... หื้ม”“หึๆ แล้วนั่นจะไปไหนครับ”“เอาแฟ้มไปให้ฝ่ายการเงินค่ะ” ปั้นหยาตอบแบบขอไปที ก่อนจะเดินฉับๆ ออกไปเลย “หึๆ เจ้านายก็ควรจะเจอคนแบบคุณหยาเนี่ยนะ ปกติเจอแต่คนยอมๆๆ ลูกเดียว คนนี้ขบถสุดๆ” ก้องการุณเอ่ยลอยๆ และยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่ปั้นหยาลงลิฟต์มาที่ชั้นการเงิน เดินลัดเลาะไปที่โต๊ะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งเป็นเลขาของผู้จัดการ“อุ้ย! คุณหยามาเองเลย น
"หยาก็ว่าเขาโอเคนะคะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรสักหน่อย คุยกันได้ไม่เสียหายนี่""ถ้าใครที่มาเห็นอาจจะมองว่าไม่เหมาะนะครับ ผมเป็นห่วง เขามาจีบคุณหยาด้วยหรือเปล่า""เปล่าหรอกค่ะ เขาไม่ไวไฟเหมือนเจ้านายคุณก้องหรอกน่า""เขาเป็นคนอันตรายคนหนึ่งนะครับ""หากจะพูดแบบนั้น หยาว่าท่านประธานก็ไม่ต่างกันค่ะ เขามาพึ่งใบบุญท่านประธาน หยาว่าน่าจะให้โอกาศนะคะ อย่าเห็นแก่ประโยชน์เกินไปนัก ยังไงก็ญาติกันไม่ใช่เหรอ" นี่เธอมองโลกในแง่ดีจังเลย เขาคิดพลางหรี่ตามอง"ผมว่าคุณหยาไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ไม่ควรไว้ใจใคร ผมบอกแล้ว เคยเล่าให้ฟังแล้วด้วยว่าสองบ้านไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่""หยามองให้เป็นเหตุเป็นผลค่ะ ไม่ได้ไว้ใจใครมากแต่ก็ไม่ได้ระแวงไปซะหมด" พูดจบเธอก็กลับเข้าห้องทำงาน แต่กลับต้องเผชิญกับสายตาพิฆาตของเจ้านาย ทว่าเธอก็ทำเป็นไม่สนใจ แสร้งดูงานบนโต๊ะไป กระทั่งเขาเดินมาหาแล้วเอามือค้ำโต๊ะก่อนจะโน้มตัวเข้าหาเธอ“วันนี้อยากให้โบนัสพิเศษจังเลย”“โบนัสพิเศษเนื่องในอะไรคะ”“ดูแลแขกของผมเป็นอย่างดี ต้อนรั
“เอ่อจริงสิ ผมลืมดื่มน้ำ” ดูเหมือนอาทิตย์อยากจะเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากเซ้าซี้มากเกินไป จึงแสร้งหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม“อืม คุณเลขาชงให้เนี่ย สดชื่นจังเลยครับ” เขาพูดพลางหันไปยิ้มให้ปั้นหยาเล็กน้อย“จริงสิ ทำไมเฮียให้เลขาเข้ามานั่งในห้องครับ”“ก็เผื่อเวลาแบบนี้ ไม่ต้องเรียกให้ยุ่งยาก”“แต่บางเรื่องเลขาไม่ควรรู้”“ฉันว่าเลขาควรรู้ทุกอย่างนะ ไม่งั้นจะให้ช่วยงานทำไม”“แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงของเฮีย ควรรู้และจัดสรรให้ด้วยหรือเปล่าครับ”“ถ้าถึงเวลาอาจจะให้ช่วยก็ได้”“ว่าแต่คุณเลขา ชื่ออะไรนะครับผมจำไม่ได้” เขาหันไปถามปั้นหยาเป็นหลัก“ชื่อปั้นหยาค่ะ เรียกหยาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“ชื่อน่ารักเชียว เรียกผมซันด์เฉยๆ ก็พอ ผมไม่ใช่ท่านประธานแบบเฮียตฤณ”“ค่ะคุณซันด์เฉยๆ ก็ได้”“ทำไมเลขาเฮียว่าง่ายกว่าเมื่อวานนี้อีก เมื่อวานดูถมึงทึงยังไงก็ไม่
“สวัสดีค่ะ คุณ... เอ่อ ใช่คุณคนเมื่อวานหรือเปล่าคะ” ปั้นหยากล่าวทักทายพร้อมกับถามอย่างสุภาพ “ใช่ครับ ผมอาทิตย์ ขอพบเฮียตฤณได้ไหม” ให้ตายสิ พอพูดกับปั้นหยานี่คนละน้ำเสียงเชียว ก้องการุณคิด “เชิญค่ะ ท่านรออยู่” ปั้นหยาบอกอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะเปิดประตูให้และผายมือเชิญให้เดินนำ “เอ่อ ผมขอน้ำหวานๆ สักแก้วดื่มให้ชื่นใจหน่อยนะครับคุณเลขา” “ได้ค่ะ” ปั้นหยาตอบเสียงหวานเช่นเคย เรียกได้ว่าต่างจากเมื่อวานมาก หรือเมื่อวานเธออาจจะปรับตัวไม่ได้ หรืออารมณ์ไม่ดี อาทิตย์คิด จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกชายของลุงเพียงคนเดียว ส่วนผู้ติดตามรออยู่ด้านนอก “สวัสดีครับเฮีย ขอโทษที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า” “ปกตินายก็ไม่เคยนัดล่วงหน้าอยู่แล้วนี่ นั่งลงก่อนสิ” “คือ ที่เราคุยค้างกันเอาไว้เมื่อวานน่ะครับ วันนี้ผมให้เจ้าหน้าที่แจกแจงเอกสารมาให้เฮียอ่าน แล้วคิดว่าเฮียน่าจะทราบแล้วว่า คุณป๊อบเปลี่ยนมาดีลงานกับบริษัทผม” “รู้เมื่อวานนี้” “คือ พอคุณป๊อบจะมาสั่งของ สำหรับโปรเจคใหญ่ของเฮีย ผมก็มีของไม่พอ เลยต้อง
“โอเค” เขาตอบรับแบบง่ายๆ ก่อนจะดื่มน้ำ ส่วนเธอก็รีบเข้ามาพยุงเขาด้วยความลืมตัว เพราะคิดว่าอาการยังไม่ดีขึ้น เขาเองก็ลืมจนหันไปสบตาเธออย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน สองสายตาสบประสานกันอย่างจังงัง เหมือนมีบางอย่างเข้ามาปั่นป่วนในใจอย่างประหลาด“เอ่อ เดินไหวไหมคะ ที่จุกๆ เมื่อคืนระบมหรือเปล่า” ปั้นหยาแสร้งถามแก้เขิน“มีนิดหน่อยครับ ขอบคุณมาก”“ไปค่ะ” ว่าแล้วปั้นหยาก็พยุงเขาออกจากห้อง ไปเจอกับผู้ติดตามจำนวนมากรออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนเห็นดังนั้นก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้านายเลือกที่จะให้ความสำคัญกับเลขาคนนี้จริงๆ ฉะนั้นต้องรู้โดยอัตโนมัติว่าห้ามแตะเป็นอันขาด และต้องให้เกียรติกว่าคนอื่น“เชิญครับคุณท่าน” กันระพีบอกพร้อมกับเปิดประตูให้เจ้านายขึ้นไปนั่งก่อน แล้วปั้นหยาจึงตามขึ้นนั่งเคียงข้าง เว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหาเรื่องขยับเข้าหาเธออยู่ กระทั่งกันระพีเคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้าน และตามด้วยรถผู้ติดตามอีกสองคันและเหมือนเมื่อวาน พอถึงหน้าปากซอยเขาก็ให้ปั้นหยาลงไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่
“หึๆ หึๆ คุณหยาเนี่ยรู้มากเกินอายุนะครับ” “เขาก็ไม่ได้เด็กแล้วนะ แค่อายุน้อยกว่าเราเป็นสิบปี ยิ่งวัยรุ่นสมัยเนี้ยะ รู้เยอะกว่าเราก็มี”“ที่อายเนี่ยเพราะต้องเข้าห้องน้ำ ขณะที่คุณหยาอยู่ในห้องใช่ไหมครับ รู้สึกคุณท่านจะใจแข็งนะครับ”“หยุดพูดเลย ทั้งโดนไล่ที่ โดนไล่เข้าห้องน้ำ เอาแต่หัวเราะเยาะ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว พลางลุกเข้าห้องน้ำช้าๆ“แต่ก็ได้ใจน่า ผมเชื่ออย่างนั้น”“โทรตามด้วย มาให้ทันมื้อเช้า ฉันจะกินข้าวเช้าที่นี่”“ครับผม อาบน้ำเถอะครับ” ก้องการุณรับคำ ก่อนจะออกไปจากห้อง ส่วนเจ้านายก็อาบน้ำแต่งตัวอย่างทุลักทุเลเพราะปวดหลัง ปวดจริงๆ เขาไม่เคยนอนพื้นแข็งๆ มาก่อน ตั้งแต่เกิดมาก็นอนเตียงนุ่มๆ อย่างเดียวเท่านั้น แม่คุณคนนี้มาเปิดประสบการณ์เหลือเกินต่อมา ปั้นหยาถูกโทรตามให้มาที่บ้านของตฤณอีกครั้ง โดยมีกันระพี คนขับรถไปรับถึงบ้าน เธอก็มาแต่โดยดีและตรงไปยังห้องอาหารแต่ไม่เห็นตฤณอยู่“สวัสดีค่ะน้
Comments