“ครับท่าน” ว่าแล้วตฤณก็ออกจากห้องนี้อีกครั้ง พร้อมกับเรียกลูกน้องของพ่อตาเข้ามาให้ช่วยประคองสามหนุ่มออกไปจากห้องอย่างทุลักทุเล ดูแลกันไปพลางๆ จากนั้นก็ถึงเวลาที่ตฤณจะไปชำระแค้นจากลูกพี่ลูกน้องท่ามกลางความเงียบ ตฤณเปิดประตูเข้าไป ปัง! เสียงประตูกระแทกผนังจนคนถูกมัดสะดุ้ง ฐากูรกำลังถูกปฐมพยาบาล ส่วนประวิทย์กับอาทิตย์ถูกจับมัดมือเท้าไว้ด้วยกัน โดยมีพ่อตาของตฤณยืนเฝ้าเอาปืนจ่อ ตฤณมองน้องด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะมองฐากูรก่อน“ปัณกับลูกน้องพาคุณป๊อบ กับคนเจ็บคนอื่นไปโรงพยาบาลให้พี่ก่อนได้ไหม เดี๋ยวพี่จะจัดการคนที่เหลือแล้วจะตามไป” ตฤณบอกเสียงหม่น“พ่อก็คิดอย่างนั้น คุณเค้าบาดเจ็บสาหัสอยู่” บิดาแทรกขึ้น“ได้ครับพี่ตฤณ พวกเอ็งเข้ามาประคองคุณเค้าหน่อยเร็ว” ว่าแล้วลูกน้องของปัณณวิชย์ก็เข้ามาช่วยกันประคองฐากูรออกไปจากกระท่อม เพื่อไปส่งโรงพยาบาล เมื่อฐากูรถูกนำตัวออกไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือคนเจ็บสองคนที่นั่งถูกมัดมือเท้า เหมือนที่ทำกับตฤณก่อนหน้านี้แหละ ลมหายใจพะงาบพะงาบเพราะเจ็บระบมไปทั้งร่างกาย ไหนจะเสียเลือดเพราะถูกยิงท
“อย่า! อย่าคุณท่าน อย่าฆ่าผมเลย”“ก่อนหน้ายังจะฆ่าฉันอยู่เลยนะวิทย์ พวกลิ้นสองแฉกเนี่ยเชื่ออะไรได้บ้าง แล้วคิดว่าฉันจะสงสารนายเหรอ”“อย่าฆ่าผมเลย! ผมทำเพราะไม่มีทางเลือก ผมแค่อยากมีอยากได้ พอคุณซันด์ยื่นข้อเสนอผมก็แค่ทำตาม” ประวิทย์พูดทุกอย่างออกมาด้วยความเห็นแก่ตัวนั่นแหละ แต่อาทิตย์สิแทบจะด่ากราดทว่าไม่มีแรง“แต่ร่วมมือกันอุ้มฉันและคนอื่นๆ เนี่ยนะ มีปืนจ่อหัวอยู่ถึงกับพลิกลิ้นเลยเหรอ”“ไว้ชีวิตผมเถอะคุณท่าน”“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม คุณตฤณ คุณไปช่วยเด็กๆ เถอะ” ฐากูรบอกพลางเอาปืนจ่อไปที่สองหนุ่มสลับกัน แต่กันเหนียวไว้ก่อนตฤณก็เดินไปลากอาทิตย์แล้วจับมัดเอาไว้กับเสา ให้เหมือนกับที่ตฤณถูกมัดเอาไว้“รออยู่ตรงนี้ก่อนนะน้อง ยังไม่ทำอะไรเมียเฮียใช่ไหม” ตฤณนั่งยองๆ แล้วเอ่ยยียวน“มัดกูไว้แบบนี้แล้วกูจะหนีไปไหนได้”“ก็ไม่แน่ ขนาดเฮียยังหลุดได้เลย แต่กันเหนียวไว้ก่อน” พูดจบตฤณก็ลุกขึ้นแล้วยิงไปที่ขาข้างหนึ่
ตุบ! “โอ๊ย!” อาทิตย์เหวี่ยงปั้นหยาลงไปบนเตียงเก่าๆ แต่เธอก็รีบพยุงตัวลุกเพื่อถอยหนี สีหน้าของเธอตื่นกลัวหัวใจเต้นแรง แต่ใจดีสู้เสือ ตฤณยังเย็นได้ขนาดนั้นเธอก็ต้องทำได้“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ที่เห็นเธอทำ ลับๆ ล่อๆ ทุกครั้งที่ฉันไปหาเฮีย เธอมันสอดรู้สอดเห็น และที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอเป่าหูเฮียสินะ ใช่ไหม” อาทิตย์พูดด้วยเสียงกดต่ำ เดินเข้าไปหาปั้นหยาช้าๆ“กว่าพี่ชายคุณจะขึ้นถึงจุดสูงสุดขนาดนั้น เขาก็ผ่านความโง่มาก่อนหรือเปล่า ฉะนั้นทุกวันนี้เขาก็ฉลาดด้วยตัวของเขาเอง ไม่จำเป็นต้องไปเปิดหูเปิดตาเขา แค่เขาไม่พูด” ใช่ปั้นหยาไม่ได้พูดแม้แต่น้อย คิดอยากจะบอกเรื่องที่ได้ยินด้วยซ้ำ แต่กลัวกลายเป็นยุแยงให้พี่น้องทะเลาะกัน“แล้วที่เธอทำมันคืออะไร เอ๊าะ! หรือว่าสนใจในตัวฉัน ตามสอด ตามส่อง แม้กระทั่งตอนอยู่บ้าน” เขารู้อย่างนั้นหรือ แต่เธอไม่แคร์“ว่าไง พูดไม่ออกเหรอปั้นหยา” “ค่ะ พูดไม่ออก” พูดจบเธอก็แสร้งเมินหน้าหนี“เพราะมันคือความจริงสินะ เธอรู้อะไรบ้างเรื่องของฉัน ฉันถามว่า
“นี่ฉันหักหลังแกเหรอ ที่ผ่านมาฉันเข้าใจมาตลอด ว่าฉันมีศัตรูรอบด้าน มีคนรอหักหลังอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอเนี่ย กลับไปดูที่ต้นเหตุว่าเพราะอะไร”“ไม่ต้องมาสอนฉัน เพราะความเห็นแก่ตัวของเฮียไงมันถึงเป็นแบบนี้ เฮียทำให้มันเป็นแบบนี้!”“ไม่ใช่เพราะโลภเหรอซันด์ หลอกฉันไม่พอยังหลอกคุณป๊อบอีก คิดว่าเราโง่มากสินะก็ยอมรับว่าโง่ ว่าเลี้ยงงูเห่าเอาไว้นาน ปล่อยให้มันกลับมาฉกตัวเอง” ตฤณพูดพลางมองไปที่ประตู โดยมีประวิทย์ยืนอยู่“หยุดพูดกับมันได้แล้วคุณซันด์ จัดการมันซะที!” ประวิทย์เอ่ยก่อนจะเดินดุ่มๆ มาหยุดยืนต่อหน้าตฤณ“หึ คงจะโกรธมากสินะที่ถูกไล่ออก สะเทือนไปถึงไอ้ซันด์ อุ้มกันมาแบบนี้มันจะได้อะไร”“ได้แก้แค้นไง จะฟ้องผมข้อหายักยอกเงิน ฟ้องให้ผมเสียชื่อเสียงเหรอ แต่ก่อนอื่นคุณจะได้ไปรอในนรกก่อน” พูดแบบนี้หมายความว่าประวิทย์อยากจะฆ่าตฤณสถานเดียวสินะเนี่ย“คงได้ไปพร้อมกันหมดนี่แหละ” ตฤณแทบไม่สะทกสะท้านกับการถูกอุ้มมาเลย เพราะที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือไอ้ไก่อ่อนทั้งนั้น เก็บอารมณ์กันไม่อ
“ถ้าอยากสะสางหนี้แค้น ปล่อยหยาไป หยาไม่เกี่ยว” ตฤณบอก“ฮ่าๆๆ เขาบอกว่าจุดอ่อนของคุณ คือผู้หญิงคนนี้ ท่าจะจริง”“รู้จักกันดีเหรอถึงเรียกฉันว่าจุดอ่อน” ปั้นหยาแทรกถามขึ้นทำเอาตฤณหันไปปราม เธอกลัวแหละแต่ใจดีสู้ปืน เธอยังไม่อยากตายเหมือนกันชีวิตมีอะไรต้องทำอีกเยอะ “เอาไว้ให้ถึงที่ก่อน แล้วจะรู้ว่าอ่อนหรือแข็งคนสวย” ชายสวมโม่งบอกเสียงเหี้ยม ใจเธอก็เต้นตุบๆ แต่มีมืออุ่นกระชับแน่นให้คลายความหวาดกลัวไปได้บ้าง “ยังไหวหรือเปล่าเต” ตฤณอดถามไม่ได้ ถามไปก็ปรายตามองไอ้โม่งดำไปพลาง ขณะที่เตชินเอามือจับไหล่ข้างที่ถูกยิงเอาไว้ เลือดไหลอาบลงจนเบาะเปียก“ไหวครับท่าน ไกลหัวใจ” เตชินตอบ“เอ่อ มึงปากเก่งไปเถอะ ทั้งมึงทั้งนายมึงได้นั่งยางพร้อมกันแน่” คนที่เอาปืนจ่อเตชินบอกและยังเอาปืนจ่ออยู่“มึงขับรถเร็วๆ หน่อยสิ” ชายสวมโม่งที่นั่งกับตฤณสั่งคนขับในบ
ในวันเดียวกัน ประมาณบ่ายแก่ๆ ปั้นหยาพาตฤณเที่ยวสวนให้ทั่วอีกรอบจวบจนกระทั่งเย็นมากแล้ว เพื่อทำความรู้จักกับครอบครัวเธอให้มากขึ้น แต่เรื่องที่เธอไม่ได้กลับมานอนที่ห้องน่ะ ผู้ใหญ่ท่านมองตาเดียวก็ดูออกแล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนกัน ขออนุญาตพาไปอยู่บ้านขนาดนี้ คงต้องมองให้เป็นเรื่องความสุขของคนสองคน พ่อแม่แค่มองอยู่ห่างๆ ก็น่าจะเพียงพอ เพราะเชื่อว่าตฤณจะดูแลลูกสาวได้เป็นอย่างดี เขาเป็นผู้ใหญ่มากพอ ท่าทีสุขุมน่าเกรงขามขนาดนี้ครั้นจะไม่ยกลูกสาวให้ก็เกรงใจฉะนั้นท่านจะไม่ถามอะไรให้ปั้นหยาต้องเคอะเขินทำตัวไม่ถูก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ในเมื่อทุกคนเข้าใจกันอยู่แล้วว่าเป็นผัวเมียกัน“ผมคงต้องพาหยากลับซะทีนะครับ” ตฤณเป็นคนกล่าวเมื่อพ่อแม่และพี่ชายของปั้นหยายืนส่งอยู่หน้าบ้าน“เดินทางปลอดภัยนะ ถ้าถึงแล้วโทรบอกพ่อกับแม่ด้วยจะได้หายห่วง เที่ยวร้อนๆ ทั้งวันกลัวจะหลับในกัน”“ค่ะพ่อ” ปั้นหยาตอบ“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนมือกับเจ้าเตเอง” กันระพีแทรกต