“ฟู่ซื่อกรุ๊ป? พวกเขาไม่ได้ทำด้านสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลักเหรอคะ ทำไมถึงมาเล็งงานเกมได้ล่ะ?”“ใครจะไปรู้ล่ะ คงอยากเข้าตลาดมาแทรกมั้ง” ซ่งผิงพูด“บริษัทตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา แค่อยากเข้าก็ซื้อบริษัทเล็ก ๆ เริ่มทำได้แล้ว ไม่ขาดเงินสักหน่อย”เดิมแค่พูดถึงรูปแบบการเข้าสู่ตลาดของบริษัทใหญ่แบบลอย ๆ เท่านั้น แต่ซูมั่วกลับเก็บไปคิดจริงจัง เพราะเมื่อวันศุกร์ที่แล้วฟู่อี้ชวนเคยขู่ว่าจะซื้อกิจการของเขาตอนวิวาทกับรุ่นพี่…และครั้งนี้ ทางฟู่ซื่อแย่งความร่วมมือกับจื้อเซิ่ง พวกเขาทำธุรกิจอุปโภคบริโภคชัด ๆ เพราะงั้น...โดยมากก็คงเพราะเธอพอคิดถึงตรงนี้ ซูมั่วก็กำหมัดแน่น ถ้าเธอทำให้ติ่งเซิ่งเทคโนโลยีถูกเล่นงาน บริษัทของรุ่นพี่ถูกโค่น...“ซูมั่ว เหม่ออะไรอยู่น่ะ เลิกประชุมแล้วนะ” ผู้อำนวยการซ่งผิงเคาะโต๊ะพูดซูมั่วได้สติกลับมา หยิบคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นยืน“การประชุมฝ่ายตอนบ่ายโมงครึ่งเว้นเวลาให้คุณสิบห้านาที คุณเตรียมตัวแล้วใช่ไหม” เขาพูดอีกซูมั่วพยักหน้า “เตรียมแล้วค่ะ”“อื่ม ถึงจะบอกว่าติดกับดักการพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องสร้างความน่าเกรงขามและภาพลักษณ์ โดยเฉพาะในการทำง
“เห็นว่าฟู่อี้ชวนหย่าแล้ว ใครจะให้หน้าตระกูลฟู่ คิดว่าฉันคุณหนูใหญ่ผู้สง่างามแต่งงานครั้งแรกจะชอบฟู่อี้ชวนที่เป็นผู้ชายแต่งงานครั้งที่สองเหรอ?”“คราวก่อนก็บอกแล้วว่าใครเป็นเมียฟู่อี้ชวนต้องซวยแปดชาติ นอกใจมีเมียน้อยในสมรส ผู้ชายสำส่อน น่าขยะแขยง! ผู้ชายพรรค์นี้ให้ฉัน ฉันยังไม่เอาเลย!”ซูมั่วที่เป็น ‘อดีตภรรยา’ ‘ฉันซวยจริง ๆ นั่นแหละ’“เธอไม่แต่งกับเขา ฉันก็สบายใจแล้ว” ซูมั่วพูด“ฉันไม่แต่งหรอก ฉันไม่ได้โง่เหมือนเมียเก่าเขาสักหน่อย” หลีโย่วแค่นเสียงพูดซูมั่ว “...”“แต่จะว่าไปนะ สารเลวฟู่อี้ชวนนั่นตอนแต่งงานเงียบกริบ หย่าก็เงียบ ลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างกับให้คนรู้ไม่ได้แน่ะ แต่พอมีข่าวฉาวกับชู้ดันทำเอาซะคนรู้ไปทั่ว” หลีโย่วสะท้อนใจ“เมียเก่านี่น่าสงสารจริง ๆ คงเป็นการแต่งงานผูกสัมพันธ์ตระกูลด้วยใช่ไหม? สุดท้ายตระกูลตกอับก็เลยถูกทิ้ง...”พอได้ยินหลีโย่วพูดในโทรศัพท์ ซูมั่วก้มหน้ามองเอกสารการหย่าบนโต๊ะ สายตาจดจ้องตรงที่ฟู่อี้ชวนลงชื่อลับ ๆ ล่อ ๆ เปิดเผยไม่ได้ เป็นอย่างนี้จริง ๆเธอย้ายเข้าบ้านของฟู่อี้ชวนตรง ๆ ไม่มีขั้นตอนการแต่งงาน กระทั่งไม่มีการตกแต่งเรือนหอ เหมือนแม่บ้านเข้าทำงานอ
“คุณนายไม่อยากเจอคุณอยู่แล้ว ขืนคุณยังไปบริษัทเธออีก มันจะยิ่งลุกลามจนลงกันไม่ได้นะครับ”“อีกอย่าง ผมว่านี่เป็นเรื่องดี!”ฟู่อี้ชวนชะงัก หันมาถลึงตามองเขา ตามด้วยพูดอย่างเกรี้ยวกราด“เรื่องดี? นายพูดบ้าบออะไร! ฉันแม่ง...”“เพราะคุณนายถูกคนร้องเรียนให้ออกจากงาน ก็จะได้ออกจากบริษัทของประธานโจวไงล่ะครับ คุณให้เธอมาทำงานที่ฟู่ซื่อกรุ๊ปสิ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเหรอครับ” หลี่หยวนพูดขัดพอฟู่อี้ชวนได้ยิน ไฟที่ลุกโชนก็ชะงักไปในทันที เริ่มเพลาการดิ้นรนจะออกไปหลี่หยวนปล่อยมือหอบหายใจสองสามที ตามด้วยพูดต่อ“เพราะงั้นจะไปหาคุณนายไม่ได้ แต่ต้องให้คนที่ติ่งเซิ่งกระจายข่าวเรื่องที่คุณนายแต่งงานแล้ว ถ้าคุณออกหน้าเองไม่ต้องเจอเข้าจัง ๆ เหรอครับ”ฟู่อี้ชวนกำหมัดแน่น เม้มริมฝีปากครุ่นคิด“อีกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องโมโหเลย ที่คุณนายไม่ยอมรับว่าแต่งงานกับคุณ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณพูดขึ้นมาในตอนแรกเหรอ คุณก็ไม่เคยเปิดเผยคุณนายกับสาธารณะเหมือนกันนี่ครับ? เธอแค่ทำตามข้อตกลงเท่านั้นเอง” หลี่หยวนช่วยพูดฟู่อี้ชวนจุกอกกับคำพูดนี้ ในใจเริ่มมีรสขมปร่าและเสียใจคำพูดในตอนนั้นโดนเข้ากับตัวอย่างจัง ซูมั่วไม่ยอมรับ
“ประธานโจวจะโทษว่าผมทำโดยไม่จำเป็นเหรอ? หรือว่าโทษที่ผมทำให้คุณไม่ได้เป็นอัศวินขี่ม้าข้าว?” ซ่งผิงพูดบนโต๊ะอาหาร “ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ซูมั่วเป็นรุ่นน้องของผม ผมก็ต้องเข้าข้างเธออยู่แล้ว” โจวจิ่งอันพูด“งั้นคุณถามความเห็นจากซูมั่วหรือยัง?” ซ่งผิงตอบกลับ โดยท้ายประโยคคือคำถาม“ประธานโจว จะจีบหญิงมันไม่ได้จีบกันอย่างนี้นะครับ”“อาจมีผู้หญิงบางคนที่เหมาะกับรูปแบบนี้ รอให้คุณแก้ปัญหาทุกอย่างให้แล้วปรากฏตัวแบบเรียบง่าย ให้อีกฝ่ายรู้สึกขอบคุณหวั่นไหวกับคุณ”“แต่เห็นได้ชัดว่าซูมั่วไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนี้ เธอมีใจรักความก้าวหน้า หยิ่งในศักดิ์ศรี พร้อมกันนั้นยังอ่อนน้อมเกรงใจอย่างเหินห่าง คุณเรียนมหาลัยเดียวกับเธอคิดว่าต้องรู้ดีกว่าผมนะ”ได้ยินคำพูดนี้ของซ่งผิง โจวจิ่งอันมองอีกฝ่ายเขาต้องยอมรับ สายตามองคนของซ่งผิงแม่นมาก แค่ไม่กี่วันก็รู้นิสัยซูมั่วแล้ว“คำแนะนำจากคนที่กินเกลือมาก่อน ที่ซูมั่วต้องการคือคนที่ชักนำและคนเกื้อหนุนเธอ ไม่ใช่การปกป้องสมบูรณ์แบบ อย่างนั้นคุณถึงจะมีโอกาสมากขึ้น” ซ่งผิงกล่าวในตอนท้าย“ขอบคุณครับ” โจวจิ่งอันขอบคุณจากใจจริงซ่งผิงอายุมากกว่าเขาหนึ่งรอบ ม
ซูมั่วเม้มริมฝีปากนิด ๆ เพื่อนร่วมงานต่างไม่รู้ข้อมูลพื้นฐานของเธอ ทั้งยังเพราะ ‘ข่าวลือ’ ของเธอกับรุ่นพี่ กอปรกับเด็กใหม่เป็นหัวหน้าทีมรักษาการดังนั้นจึงมีความอิจฉาริษยารุนแรงเป็นธรรมดา“ฉันเข้าในความหมายของผู้อำนวยการแล้วค่ะ ฉันจะไปฝ่ายบุคคลหน่อย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะชี้แจงด้วยตัวเองในการประชุมใหญ่ของฝ่าย” ซูมั่วกล่าวซ่งผิงพยักหน้าพลางมองหญิงสาวเดินออกไป เขานึกถึงว่าประธานโจวอยากให้อีกฝ่ายมารับช่วงตำแหน่งของเขาด้วยความสามารถของซูมั่ว เธอเป็นหัวหน้าทีมได้สบาย ๆ ส่วนตำแหน่งประธานโจว มากน้อยมีความต้องการส่วนตัวของประธานโจวปะปนอยู่ในนั้นอีกอย่าง ประธานโจวช่างไม่รู้จักหลบหลีกในบริษัทเอาเสียเลย ไปกินข้าวเลิกงานกับเธออย่างเปิดเผย แม้แต่บัตรลิฟต์ก็ให้ไปใบหนึ่ง แล้วซูมั่วจะไม่ตกเป็นเป้าของทุกคนได้อย่างไร?สัปดาห์ก่อน เขาให้เธอเร่งทำต้นฉบับออกมาพร้อมกับหยั่งถาม พอรู้นิสัยและระดับของซูมั่วโดยสังเขป กลับรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ไม่อย่างนั้นครั้งนี้เขาคงไม่ปากมากเตือนไปพอซูมั่วกลับมาถึงโต๊ะทำงานก็แทบจะไปฝ่ายบุคคลในทันที ในตอนที่อีกฝ่ายแจ้งว่าเธอไม่ต้องร่วมในงานนี้ บอกว่าทางฝ่ายจะช่
พอจัดเก็บพอประมาณ เขาก็นั่งอยู่ข้างเตียงแล้วเริ่มปล่อยใจล่องลอยออกไป จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายเขารู้สึกขอบคุณเย่ซินหย่ามาก ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาก็คงออกจากปมที่แม่จากไปได้ไม่เร็วขนาดนั้นก็เพราะเหตุนี้ เขาถึงมั่นใจกระทั่งล้างสมองตัวเองนึกว่ารักเธอ ชอบเธอแต่หลังจากคบหากัน เขามั่นใจได้ว่านั่นไม่ใช่ความรัก เพียงแต่เขาใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าใจทั้งหมด เพราะอย่างนี้จึงพลาดและผิดต่อซูมั่วเขานึกถึงถ้อยคำที่เย่ซินหย่าไต่ถามตัวเองพลางเม้มริมฝีปากนิด ๆอันที่จริงตอนเริ่มต้นมันก็ดีอยู่ แต่ตอนหลังไม่รู้ว่าอย่างไร เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปตอนนั้นเย่ซินหย่าเพิ่มเขาเป็นเพื่อนก่อน ข้อความการขอเป็นเพื่อนคือเธอแก้โจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิกไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยอมรับและทำการถกปัญหาด้วยกันภายหลังพวกเขาสนทนาสัพเพเหระ ตั้งแต่เรื่องดาราศาสตร์ไปจนถึงภูมิศาสตร์ ตั้งแต่อุดมคติไปจนถึงการท่องเที่ยวรอบโลก เรียกได้ว่าพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง วิญญาณสอดคล้องต้องกันมาก ดังนั้นเขาจึงรู้สึกดีและหวั่นไหวกับเธอแต่ทำไมถึงเปลี่ยนไปล่ะ?บางทีอาจเพราะหลังจากเจอตัวจริง พวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยถึงเรื