ซูมั่วแต่งงานกับฟู่อี้ชวนเป็นเวลาสองปี เธอทำตัวเป็นแม่บ้านให้เขาอยู่สองปี หนักเบาเอาสู้ ต้อยต่ำไม่ต่างอะไรกับฝุ่นละออง เวลาสองปีกัดกร่อนความรักสุดท้ายที่เธอมีต่อฟู่อี้ชวนจนหมด เมื่อแฟนสาวผู้เป็นรักแรกหวนกลับประเทศ สัญญาการสมรสหนึ่งแผ่นก็สิ้นสุดลง นับแต่นี้ทั้งคู่ต่างไม่มีอะไรติดค้างกัน “ฟู่อี้ชวน ถ้าไม่มีออร่าแห่งรัก ก็ดูสิว่านายมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วฉันจะชายตาแลนายสักนิดไหม” ฟู่อี้ชวนเซ็นชื่อลงในหนังสือข้อตกลงการหย่า เขารู้ว่าซูมั่วรักเขาหัวปักหัวปำ แล้วจะไปจากเขาจริง ๆ ได้อย่างไร? เขาเฝ้ารอให้ซูมั่วร้องห่มร้องไห้เสียใจ กลับมาขอร้องอ้อนวอนเขา แต่สุดท้ายกลับพบว่า... ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะหมดรักเขาแล้วจริง ๆ ต่อมา เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นถูกเปิดเผย ความจริงผุดออกมา ที่แท้เขาต่างหากที่เป็นคนเข้าใจซูมั่วผิดไป เขาร้อนรน เสียใจ วอนขอการให้อภัย อ้อนวอนขอคืนดี ซูมั่วเหลือจะทนกับความวุ่นวายพวกนี้ เลยโพสต์หาผู้ชายมาแต่งเข้าลงในโซเชียล ฟู่อี้ชวนหึงหวง เสียสติ ริษยาจนถึงขั้นอาละวาด เขาอยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทว่าคราวนี้ เขากลับพบว่ากระทั่งคุณสมบัติในการจีบเธอก็ยังไม่พอ
더 보기อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็
“คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง
เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช
บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม
“ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก
“มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้
댓글