เสียงเครื่องบินส่วนตัวค่อย ๆ ร่อนลงแตะรันเวย์สนามบินภูเก็ตในช่วงบ่ายแก่ ๆ แสงแดดยังเจิดจ้า แต่ลมทะเลเริ่มพัดเอื่อยราวกับเชื้อเชิญให้ใครสักคน...ปล่อยตัวให้ผ่อนคลาย
อลิสแตร์พาลลิลขึ้นรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว มุ่งหน้าไปยังโรงแรมหรูระดับ Ultra Luxury บนหาดส่วนตัว
เมื่อมาถึง พนักงานต้อนรับยืนเรียงรายตั้งแต่ล็อบบี้ พร้อมพาแขกพิเศษขึ้นลิฟต์ส่วนตัวสู่ชั้นบนสุดของตึก
ประตูห้องเพนต์เฮ้าส์เปิดออก เผยให้เห็นพื้นที่โปร่งกว้างตกแต่งโทนไม้สีเข้มผสมทองและขาว แสงธรรมชาติทะลุผ่านกระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดาน เผยวิวทะเลระยิบระยับราวกับภาพวาด
เพดานสูงแบบ Double Volume ทำให้ห้องกว้างโปร่ง ด้านในเป็นโถงรับแขกสไตล์ Modern Luxury ที่แยกเป็นสองห้องนอน คนละฝั่งของพื้นที่ส่วนกลาง
อลิสปรายตามองรอบห้อง
“ห้องนอนฝั่งขวาเป็นของคุณ” เสียงทุ้มเรียบของอลิสดังขึ้นข้างหลังลลิลที่กำลังตะลึงกับวิวทะเล
“ส่วนห้องของผม อยู่ติดกัน...”
อลิสทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก
ลลิลหันมามองพลางเลิกคิ้วสงสัย
“คะ?”
“คุณไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ...”
เขาพูดเสียงต่ำในจังหวะที่เดินเฉียดเธอเข้ามาใกล้จนกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำหอมของเขาแตะปลายจมูกเธอ
“ตอนเย็นค่อยลงไปหาอะไรกินข้างล่างกัน”
“แต่เราไม่ได้มาทำงานตอนนี้เหรอคะ?” ลลิลถามเสียงเบา พยายามไม่สบตาเขานานเกินไป
อลิสหยุดเดินห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว หันกลับมามองตรง ๆ
“งานคืนนี้เริ่มพรุ่งนี้ แต่เวลานี้…”
“ผมขอให้คุณพัก เพื่อ ‘เก็บแรง’ ไว้ดีกว่า”
น้ำเสียงเน้นตรงคำว่าเก็บแรง ทำให้เธอเม้มริมฝีปาก และหลบตาอย่างช่วยไม่ได้
อะไร? เก็บแรงอะไรของเขา
อลิสปรายตามองเธอเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องฝั่งซ้ายมือ ทิ้งเธอไว้กลางห้องนั่งเล่นที่เงียบสนิท...นอกจากเสียงหัวใจเธอที่ยังเต้นแรง
—
30 นาทีต่อมา...
ลลิลก้าวออกจากห้องนอนส่วนตัวในชุดเดรสสั้นสีครีมพิมพ์ลายลูกไม้บางเบา เนื้อผ้าพริ้วไหวแนบเนื้ออย่างพอดิบพอดี ด้านหน้าดูเรียบง่ายนุ่มนวล ทว่าแผ่นหลังเว้าเปลือยลึกจนเกือบถึงเอวเผยผิวเนียนน่าสัมผัส เพิ่มลูกเล่นเซ็กซี่อย่างจงใจ
เธอหวีผมให้เป็นลอนอ่อน ๆ แล้วปล่อยไว้หลวม ๆ ริมฝีปากแตะสีชมพูอ่อนละมุน เครื่องหน้าแต่งเพียงบางเบาแต่พอมีสีสัน
เธอกะจะลงไปหาอะไรเย็น ๆ กินข้างล่าง แต่พอเปิดประตูห้องนอนออก...
อลิสนั่งอยู่บนโซฟาเรียบหรูกลางห้องโถง
เขาสวมเสื้อเชิ้ตผ้าซาตินเนื้อด้านสีกรมท่า แขนพับขึ้นถึงข้อศอก เผยท่อนแขนแน่นกำลังดี เส้นเลือดใต้ผิวขาวอมแทนขับให้ข้อมือที่สวมเรือนเวลาสีดำทองดูโดดเด่น
กางเกงสแลคผ้าละเอียดเข้ารูปสีเทาเข้มพอดีตัว ท่อนขาข้างหนึ่งพาดเข่าอีกข้างอย่างสบาย ๆ
เมื่อเธอก้าวออกจากห้อง ดวงตาคมเฉียบของเขาเงยขึ้นมามองตรงพอดี
สายตานั้นไล่มองตั้งแต่ปลายผมที่เธอเป็นลอนธรรมชาติ จนถึงปลายขาเปลือยในเดรสสั้นลูกไม้สีครีม…
ช้า…นิ่ง…และลึกเสียจนลมหายใจของเธอสะดุด เริ่มติดขัด
“เอ่อ...จะลงไปหาอะไรทานเลยมั้ยคะ?”
ลลิลพยายามพูดให้เสียงมั่นคง แม้ใบหน้าจะร้อนผ่าวแทบลามถึงปลายหู
อลิสแตร์เอนตัวพิงพนักเบา ๆ ก่อนตบเบาะข้างตัวเองเบา ๆ
“นั่งก่อนสิ...”
“ร้านอาหารเขาจัดวิวดีที่สุดไว้ให้แล้ว”
เสียงของเขาทุ้มต่ำ ฟังดูธรรมดาแต่กลับทำให้หัวใจเธอกระตุกไม่เป็นจังหวะ
ลลิลชั่งใจ...ก่อนจะก้าวไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน โดยเว้นระยะห่างจากเขาเล็กน้อย
อลิสเหลือบมอง แล้วเอนตัวพิงพนักอย่างผ่อนคลาย แขนข้างหนึ่งพาดขอบพนักโซฟา หลังเหยียดตรงอย่างคนมีอำนาจ
“ชุดคุณน่ารักดีนะ...” เขาเอ่ยขึ้นเสียงทุ้ม
“แต่เมื่อคืน...” เขาหยุดนิดหนึ่ง สบตาเธอด้วยแววตาลุ่มลึกเกินคาดเดา
“คุณ...น่ากินมากกว่า”
“คะ!?” ลลิลหันขวับมาอย่างตกใจ
อลิสยักคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเรียบ พร้อมยิ้มที่มุมปากแบบคนที่รู้อยู่เต็มอก
“ผมหมายถึงไวน์ที่คุณชิมเมื่อคืน”
“มันหวาน...นุ่มลิ้น...และน่าจดจำมาก”
ลลิลกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่แน่ใจเลยว่าเขากำลังพูดถึง ‘ไวน์’ หรือกำลังจะบอกอะไรเธอ ผ่านประโยคนั้น
แล้วเขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้อีกนิด ใกล้จนกลิ่นน้ำหอมโน้ตหนังและไม้เข้ม ๆ ของเขากลืนเข้ากับลมหายใจของเธอ
ริมฝีปากเขาเอียงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะกระซิบ...
“ไวน์เมื่อคืน...หวานสมใจไหม?”
คำถามแฝงความหมายซับซ้อนเกินจะตอบ เธอรู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจตัวเอง...และไอร้อนบนผิวแก้ม
เขาไม่พูดอะไรต่อ แค่จ้องตาเธอนิ่ง ๆ ด้วยสายตาที่เหมือนกำลังรอคำตอบ แต่ลลิลไม่กล้าพูดอะไร...เพราะกลัวจะเผลอพูดเรื่องฝันประหลาดเมื่อคืนออกไป
เสียงข้อความแจ้งเตือนเบา ๆ ดังขึ้นจากมือถือของเขา อลิสแตร์เหลือบตามอง แล้วผละตัวลุกขึ้นช้า ๆ
“ไปกันเถอะ...”
“โต๊ะที่ ‘Blue Elephant’ จัดไว้ให้พร้อมแล้ว”
เขาพูดเรียบ ๆ แต่ขณะเดินผ่านหลังเธอ...กลับโน้มหน้าลงกระซิบแผ่วที่ข้างหู
“...หวังว่ารสอาหารจะไม่ทำให้คุณหน้าแดง...เหมือนตอนนี้”
...
Blue Elephant Phuket | คฤหาสน์เก่า
พระอาทิตย์คล้อยต่ำพาดแสงทองผ่านซุ้มไม้โบราณของคฤหาสน์หลวงจันทร์อุทิศฯ — สถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยที่ได้รับการบูรณะอย่างประณีต กลายเป็นร้านอาหารไทยแบบ Fine Dining ชื่อดังอย่าง Blue Elephant
เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทของรถลีมูซีนหรูหยุดลงตรงหน้าบันไดหินอ่อน ลลิลก้าวลงจากรถอย่างสง่างามในชุดเดรสสั้นสีครีม แผ่นหลังเว้าลึกเป็นเส้นโค้งอ่อน เผยผิวเนียนนวลใต้แสงเย็นย่ำของยามเย็น เธอสวมรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีงาช้าง เสียงปลายส้นแตะพื้นไม้เนื้อแข็งของคฤหาสน์ดังแผ่วเบาแต่หนักแน่นในทุกย่างก้าว
ข้างเธอคืออลิสแตร์ในลุคเรียบหรูแต่เฉียบคม เสื้อเชิ้ตผ้าซาตินเนื้อด้านสีกรมท่าถูกปลดกระดุมคอออกหนึ่งเม็ด แขนเสื้อพับขึ้นถึงข้อศอก เผยแนวกล้ามแขนแน่นกำลังดี กางเกงสแลคเข้ารูปสีเทากราไฟต์รับกับสไตล์โดยรวมอย่างสมบูรณ์ เขาไม่สวมเนคไท แต่กลับแผ่รังสีดึงดูดสายตาของทุกคน แววตาเงียบขรึมแต่ซ่อนแววระยิบระยับในคราวที่หันมองเธอ
เจ้าหน้าที่เปิดประตูไม้สูงโปร่งต้อนรับพวกเขาทั้งสอง—ไม่มีแขกคนอื่นเลยในค่ำคืนนี้
“ร้านนี้…ไม่มีลูกค้าเลยเหรอคะ?”
ลลิลเอ่ยเบา ๆ ขณะเดินผ่านโถงทางเข้าตกแต่งด้วยเสาไม้แกะลาย และเครื่องลายครามโบราณ
อลิสปรายตามองเธอ ยกยิ้มเล็กน้อย
“ผมไม่ชอบเสียงรบกวนตอนกินข้าว”
“ก็เลย...เหมาทั้งร้าน”
คำตอบนั้นทำให้ลลิลชะงัก — ไม่ใช่เพราะความรวย แต่เพราะความเฉยชาเวลาเขาพูดเรื่องฟุ่มเฟือย มันไม่ใช่การอวด...แต่เหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
เธอเดินตามเขาผ่านโถงคฤหาสน์ที่เปล่งประกายด้วยไฟระย้า ก่อนพนักงานจะพาเข้าสู่ห้องรับรองส่วนตัวด้านใน — ห้อง VIP ที่มีผ้าม่านไหมทองอ่อนทอดตัวละมุน แสงตะเกียงสะท้อนผืนน้ำในสวนหลังร้านที่เงียบราวต้องมนตร์
โต๊ะไม้สักสั่งทำพิเศษ...มีเพียงเก้าอี้สองตัว และเทียนหอมลอยไส้กลางโต๊ะ
“เชิญค่ะ” พนักงานโค้งตัวก่อนถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
อลิสแตร์เลื่อนเก้าอี้ให้เธออย่างสุภาพ ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
ไวน์แดงถูกรินลงแก้วคริสตัล เสียงน้ำไวน์สัมผัสแก้วใสดังแผ่ว...เหมือนบอกว่าค่ำคืนนี้เพิ่งจะเริ่ม
“มื้อนี้เป็นอาหารไทยต้นตำรับ...ร้านนี้ทำได้ดีที่สุดในภูเก็ต ผมอยากให้คุณลอง”
เขาพูดเรียบ ๆ มือข้างหนึ่งหมุนแก้วไวน์ช้า ๆ แสงสะท้อนจากเทียนจับกับขอบแก้วจนเกิดประกายระยิบระยับ
“ค่ะ ที่นี่บรรยากาศสวยมาก” ลลิลยิ้มหวาน แต่น้ำเสียงเธอกลับสั่นเล็กน้อย เพราะดวงตาคมที่จ้องเธอราวกับต้องการอ่านใจเธอ
อาหารทยอยเสิร์ฟ — มัสมั่นเนื้อที่เคี่ยวนานจนเปื่อยนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศลึกซึ้ง ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำหวานฉ่ำ ห่อหมกในกระทงใบตองเรียงมาอย่างประณีต และต้มยำกุ้งเดือดปุด ๆ ในหม้อสีทอง
ทุกจานดูเหมือนหลุดมาจากแกลเลอรี่อาหารศิลป์
อลิสทานอาหารอย่างเงียบเชียบ แต่ทุกครั้งที่ลลิลเงยหน้าขึ้น...สายตาของเขายังคงอยู่ที่เธอ
“คุณเงียบจังค่ะ”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนวางส้อมลงช้า ๆ
“ผมกำลังเพลิน...กับการมองอะไรที่น่ามองกว่าอาหาร”
ลลิลหัวเราะเบา ๆ อย่างเขิน แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร
อลิสก็วางแขนพาดพนักเก้าอี้ และเอียงหน้าเล็กน้อย...รอยยิ้มเจ้าเล่ห์คลี่ออก
“แต่รู้ไหม...บรรยากาศแบบนี้ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่า มื้อนี้มันยังไม่อิ่มพอ”
เธอชะงัก ปลายช้อนหยุด
“คะ? คุณหมายถึง...อาหาร หรือว่า…”
คำถามเธอหลุดออกมาด้วยเสียงเบาหวิว
อลิสมองสบตาเธอนิ่ง...ก่อนจะเอียงศีรษะช้า ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ
“แล้วคุณล่ะ คิดว่าผมหมายถึงอะไร?”
เพียงแค่สบกับดวงตาคู่นั้น ใบหน้าของลลิลก็แทบลุกเป็นไฟ เธอหลบตา หัวใจเต้นแรงเกินจะควบคุม ปลายนิ้วแตะขอบแก้วไวน์แบบเก้ ๆ กัง ๆ
แต่อลิสเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วจิบไวน์อย่างใจเย็น
คืนนี้...ยังอีกยาว และรสหวานที่แท้จริงของค่ำคืนนี้—อาจไม่ได้อยู่ในจานอาหาร
✨🍷✨🍷✨🍷
ตอน: ย้ายบ้านแล้ว แต่ยังย้ายบนเตียงไม่พอหลังจากงานแต่งงานสุดเรียบหรูริมทะเลอลิสแตร์กับลลิลไม่ได้จัดทริปฮันนีมูนอะไรหรูหราให้เวอร์วัง เพราะเขาเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่ง…ที่เธอไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิดเดียว“เอ่อ...นี่มันไม่ใช่คอนโดของเรานี่คะ?”ลลิลยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าตึก Penthouse ใจกลางลอนดอน ที่ปิดล้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยระดับเดียวกับทำเนียบขาวอลิสแตร์แค่ปรายตามองเธอ แล้วพูดนิ่ง ๆ“นี่บ้านเรา”“ย้ายบ้านโดยที่ไม่ได้ถามลินเลยเหรอคะ?”เขาหันมามองเธอช้า ๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหู“ก็ในเมื่อ...ฉันอยากย้ายมาใช้ชีวิตกับเมียทุกตารางเมตรจะต้องถามทำไม?”ลลิลหน้าแดงซ่านทันที...และยังไม่ทันตั้งสติได้—เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นในอ้อมแขน แล้วพาเข้าห้องไปทั้งอย่างนั้น!—คืนนั้น ห้องนอนใหม่หรูหราระดับ President Suite ก็ได้กลายเป็นสนามรบรักขนาดย่อมอีกครั้ง“บะ…บอส เดี๋ยวก่อนค่ะ ลินยังไม่ได้จัดของเลย!”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจัด...ให้หมดทุกท่า”เขายิ้มร้ายก่อนจะกดร่างเธอลงบนเตียงขนาด King Size ที่เพิ่งปูใหม่เอี่ยม เสื้อคลุมไหมของเธอถูกปลดออกในชั่วพริบตา เนื้อตัวเปลือยเปล่าสะท้อนกับไฟในห้องที่หรี่ลงอย่างพอดิ
ณ มหาวิทยาลัย R.C.U. (Royal Commerce University) – คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (IB) ชั้นปีที่ 4แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านบางของห้องสัมมนาขนาดกลาง โต๊ะไม้เรียงเป็นระเบียบสำหรับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่แถวหน้า...และหนึ่งในนั้นคือเขาอลิสแตร์ ราเมียสCEO หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษแห่ง Ramius Group ผู้มาในฐานะกรรมการรับฟังหัวข้อเสนอทุนวิจัยร่วมต่างประเทศเขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ารูป ปลดกระดุมสูทตัวนอกอย่างเป็นกันเอง ข้างกายมีคิมหันต์ เลขาหนุ่มหน้าหวาน ยืนเงียบขรึมเหมือนเงาตามตัว — ในสายตาอาจดูเหมือนมาเพื่อตรวจงานปกติแต่...ไม่ใช่เลยเขาแค่ ‘เบื่อ’ และบังเอิญผ่านมาที่นี่...จนกระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจเขาทันที“ลลิล คหบดีวัฒน์ค่ะ — โปรเจกต์ที่ลินจะเสนอวันนี้ คือ ‘AI Ethics กับความเปราะบางของข้อมูลในโลกทุน’”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งชัดเจน มั่นใจ น้ำเสียงไม่ได้หวานเลี่ยน แต่มีจังหวะราวกับแกรนด์เปียโนที่กลั่นจากสมองดวงตาของเขาเงยขึ้น…แล้วนิ่งค้างไปชั่วขณะสาวร่างเล็กผิวขาวจัด ผูกผมหางม้าต่ำเรียบร้อย สวมสูทนักศึกษาสีกรมแบบเรียบที่สุด แต่กลับทำให้เธอโดดเด่นเกินใคร โดยเฉพาะสัดส่วนที่โตเกินร่าง
หลังเหตุการณ์ลอบสังหารและการล่มสลายของกลุ่มไฮดราผ่านไปเพียงสองเดือน—ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่ลลิลจะตั้งตัวทันเธอแทบจะลืมความระห่ำของคืนวันนั้นไปหมดแล้ว...เพราะผู้ชายคนนั้น—บอสของเธอ—จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วเกินคาดอลิสแตร์พาคุณหญิงทัชชญาไปสู่ขอลลิลถึงเรือนไม้สักของตระกูลคหบดีวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่และนั่นเป็นครั้งแรกที่คุณสุรพงศ์กับคุณหญิงอมรา—บิดามารดาของเธอ ได้พบกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่สามีแห่งชาติ’ ของอังกฤษเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าการหมั้น ก็คือความจริงที่ว่า...คุณหญิงทัชชญา และคุณหญิงอมรา เคยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ลอนดอนเมื่อหลายสิบปีก่อน—เรื่องสู่ขอจึงกลายเป็นเพียงการระลึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างเป็นทางการเท่านั้น“แม่จะถือว่านี่เป็นพรหมลิขิตของพวกหนูสองคนแล้วกันนะลูก”ประโยคนั้นจากแม่ของเธอ ทำให้ลลิลแทบจะหลบสายตาอลิสแตร์ทั้งงานแม้เรื่องหัวใจจะดูอบอุ่นราบรื่นแต่เรื่องโลกในเงามืด...กลับยังคงเป็นไฟที่ยังไม่มอดจากรายงานลับที่คิมหันต์เอามาเล่าให้เธอฟัง—ไวรัสที่เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปฝังในเซิร์ฟเวอร์หลักของไฮดรา ได้ทำลายทุกเครือข่าย ทุกข้อมูล ทุกเซลล์ของโครงการนั้นอย่า
📍Safehouse ริมทะเล – 00:17 น.คลื่นซัดชายฝั่งอย่างราบเรียบ เสียงกระทบทรายแผ่วเบาเหมือนกล่อมเมืองให้หลับใหล...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในอาคารหลังเก่า ทาสีดำด้านซ่อนตัวหลังแนวสนชายหาดในห้องประชุมชั้นล่างที่ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงแสงไฟนีออนดวงเดียวส่องลงบนโต๊ะโลหะรูปวงกลม เฮราในชุดรัดรูปสีดำสนิท นั่งไขว่ห้างอยู่หัวโต๊ะ ดวงตาสีเขียวอ่อนของเธอสะท้อนจอแผนที่ดิจิทัลเบื้องหน้าฝั่งตรงข้ามคือ ฮันส์ – มือสังหารเยอรมัน ผิวขาวซีดราวกับไม่เคยโดนแดด ผมหยักศกสีบลอนด์อ่อนกับรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ข้างแก้มยังเป็นลายเซ็นความตายของเขา“วิลล่าของเขา มีระบบเฉพาะป้องกันทุกทางเข้าออก…” เฮราเอ่ยเสียงเรียบ“แค่ขอให้เขาออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ นั่นคือโอกาสของเรา”ฮันส์จุดบุหรี่เงียบ ๆ“อลิสแตร์ต้องตายก่อนที่ไฮดรา เฟสสองจะถูกเปิดเผย”เฮราวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ ก่อนเลื่อนหน้าจอไปยังภาพของลลิล—หญิงสาวผิวขาวในเดรสยาวบนชายหาดดวงตาเธอเย็นเยียบขึ้นทันที“และเธอคนนี้...คือจุดอ่อนของเขา”ฮันส์กระตุกยิ้ม เหมือนเสือที่ได้กลิ่นเลือด“งั้นแผน A กำจัดอลิสแตร์ แผน B จับตัวผู้หญิงไว้เป็นตัวประกัน ...ไม่ว่าแผนไหน เราก็ชนะ”เฮ
📍หาดส่วนตัว – ภูเก็ต เวลา 10:38 น.คลื่นทะเลสาดซัดฝั่งอย่างเนิบช้า แสงแดดอุ่น ๆ ส่องกระทบเม็ดทรายระยิบระยับ เสียงนกทะเลแว่วเบา ๆ คลอไปกับเสียงหัวเราะของหญิงสาวคนหนึ่งที่เล่นน้ำอยู่ห่างจากฝั่งไม่ไกลนักอลิสแตร์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมชายหาด สวมแว่นกันแดดสีชาแบรนด์ดัง ใบหน้าเรียบขรึม ในมือถือแก้วน้ำมะพร้าวเย็น ๆ ที่เขายังไม่ได้แตะ...เพราะสายตาเขา จับจ้องอยู่ที่คน ๆ เดียวลลิลกำลังหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินลุยน้ำทะเลที่ซัดสาดเป็นระลอกเล็ก ๆ รอบข้อเท้าบิกินี่สีแดงสดเข้ารูป โอบแนบผิวขาวผ่องตัดกับแสงแดด และผ้าซีทรูเนื้อบางสีขาวสะอาดที่ผูกไว้ลวก ๆ รอบเอว ถูกลมทะเลพัดปลิวไหวจนทำให้ใจเขาแทบหยุดเต้นไหล่เปลือยระยิบระยับด้วยหยดน้ำ ผิวที่กระทบแสงแดดสว่างขึ้นอีกระดับ จนไม่ว่าใครเดินผ่าน—ก็ต้องเหลียวมอง…และนั่นแหละ ปัญหาเขาขบกรามแน่น ไม่ดื่มแม้แต่น้ำมะพร้าวในมือ เพราะสมองเขามัวแต่คิดว่า—เธอกำลังโดนใครมองอยู่บ้าง?ไอ้ผ้าบาง ๆ นั่น มันกั้นอะไรได้บ้างวะ!!คนที่ควรเห็นเธอในสภาพนี้...ควรมีแค่เขามั้ยวะ?เขายื่นแก้วน้ำมะพร้าวให้บัตเลอร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังศาลาไม้ หยิบเสื้อคลุมชายยาวเนื้อบางติดมืออ
ภายในห้องทำงานไม้เก่าแก่ของคฤหาสน์ริมหน้าผา กลิ่นกระดาษเก่าและควันบุหรี่กลิ่นคลาสสิคลอยแผ่วในอากาศ หน้าต่างเปิดออกสู่ทะเล เสียงคลื่นซัดโขดหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนเสียงลมหายใจของอดีตที่ยังไม่ยอมจางเซอร์ไคล์นั่งลงหลังโต๊ะไม้โอ๊คเก่า อลิสแตร์ยืนอยู่ตรงข้าม คิมหันต์ยืนพิงผนังเงียบ ๆ รอคอยความจริงที่กำลังจะได้รับรู้“ไม่คิดเลย…ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง”เซอร์ไคล์พูดขึ้นในที่สุด เสียงแหบต่ำผ่านลำคอที่กร้านกรำด้วยเวลาอลิสแตร์ไม่ตอบ…เพียงสบตาเขานิ่งเซอร์ไคล์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีเทาอ่อนของเขาคล้ายกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง…ที่ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว“พ่อกับวินเซนต์เป็นเพื่อนกัน...ไม่สิ มากกว่าเพื่อนด้วยซ้ำ”“เราคือ ‘เงา’ ที่ทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน...ในนาม MI6”เสียงจุดไฟแช็กดังเบา ๆ ก่อนเขาจะจุดบุหรี่ แล้วพ่นควันบาง ๆ ขึ้นฟ้า ควันนั้นลอยตัดแสงไฟสีอุ่นในห้องราวกับฉากหนังเก่า“เราสองคนเริ่มจากภารกิจเล็ก ๆ ...ล้วงข้อมูลในเบลเกรด ไล่ล่าหัวหน้าขบวนการค้าอาวุธในเบอร์ลิน แต่เมื่อ ‘โครงข่ายไร้เงา’ โผล่ขึ้นมา MI6 ก็รู้...ว่าเราไม่ได้เจอแค่ศัตรูธรรมดาอีกต่อไป”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง“ไฮดราโปรเจก