เมื่อเธอกลับมาเพื่อทวงความจริง แต่เขากลับปิดบังมันเพื่อปกป้องเธอ กลรักจึงแปรเปลี่ยนเป็นสงคราม ที่หัวใจต้องแลกด้วยชีวิต
View Moreสองเท้าก้าวเหยียบผืนแผ่นดินประเทศไทย หลังจากที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศสี่ปีไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเลยสักครั้ง วันสุข ลูกสาวอันเป็นที่รักของตระกูลผู้มั่งคั่ง เธอกลับมายังดินแดนบ้านเกิดหลังจากคว้าใบปริญญามาเป็นของขวัญแก่ผู้มีพระคุณให้ได้ภาคภูมิใจ วันสุขยืนสูดลมหายใจด้วยรอยยิ้ม เธอคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ที่เปื้อนยิ้ม ตอนนี้พวกท่านคงตระเตรียมอาหารจานโปรดเพื่อรอต้อนรับเธอเป็นแน่
“คิดถึงจังเลย” วันสุขแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า แล้วสบถออกมาด้วยรอยยิ้มระหว่างรอให้รถยนต์ของที่บ้านมารับ
สายตามองเห็นรถยนต์ยี่ห้อหรูขับพุ่งทะยานด้วยความเร็ว พร้อมกับรถยนต์ของเหล่าผู้ติดตามอีกคัน ขับมาจอดเทียบจุดที่เธอยืนรอ ชายฉกรรจ์ร่างสูงในชุดสูทสีเข้ม ยืนเรียงแถวตรงข้าม จนทำให้เธอตกใจ ก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนเดินมาหยุดตรงหน้าของเธอ
วันสุขนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ เขาดูเป็นผู้ชายอันตราย ไม่น่าไว้วางใจ...ใช่คนของพ่อจริงเหรอ? เป็นคำถามที่ก่อเกิดในใจ
“คุณพ่อให้คุณมารับฉันเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่ก็ยังคงระวังตัว
(“ลูกน้องคุณพ่อดูไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย หรือว่าท่านเปลี่ยนลูกน้องใหม่”) เธอสงสัยอยู่ในอก
“ว้าย!!!” คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบจากปาก วันสุขถูกกระชากตัวโยนขึ้นรถยนต์เบาะหลัง โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มที่เธอถามตามมานั่งประกบข้างโดยไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาดุดันของเขาที่มองมายังเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
รถยนต์ขับพุ่งทะยานสู่ท้องถนน วันสุขเริ่มนึกกลัวกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ เธอขยับก้นหลีกหนีจนแผ่นหลังติดกับประตูรถยนต์อีกฝั่ง จดจ้องมองเขาด้วยความงุนงง เธอไม่เข้าสถานการณ์ที่พบเจอในตอนนี้
“คุณเป็นใคร?” วันสุขตื่นตระหนก เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงพูดให้นิ่ง แม้ภายในใจนั้นแสนจะกลัว
“นั่งนิ่ง ๆ อย่าแหกปาก แล้วจะบอกว่าผมเป็นใคร?” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ทำเอาคนฟังรู้สึกขนลุกไปทั้งสองแขน
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณเป็นใคร นี่จะลักพาตัวฉันเหรอ รู้ไหมฉันเป็นลูกใคร?” วันสุขรวบรวมความกล้าถามเขาอีกครั้ง
คนแปลกหน้าไม่มีการตอบกลับใด ๆ เขายื่นมือไปเชยคางมนเชิดขึ้น ลูบไล้พวงแก้มอิ่มด้วยหลังมืออย่างแผ่วเบา จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนลงมายังลำคอยาวระหงส์ จดจ้องมองอย่างจาบจ้วง สร้างความหวาดหวั่นจนวันสุขตัวสั่น มือแกร่งเริ่มไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนคล้อยลงต่ำมายังเนินอกของเธออย่างเชื่องช้า การสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้วันสุขรู้สึกวาบหวามร้อนวูบขึ้นมาทันที เธอรีบปัดมือของเขาออกอย่างแรง เมื่อมือแกร่งเริ่มคล้อยต่ำลงมายังเนื้อเนินนุ่มนิ่ม ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงใบหน้าของเขาเต็มแรง
เพียะ!
“อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ!” วันสุขตวาดเสียงดัง พร้อมกำชับเสื้อแขนยาวตัวนอกให้มิดชิด
“โกรธผมอย่างนั้นเหรอที่แตะต้องตัวคุณ...หึ” เขาย้อนถามอย่างคนหน้าด้าน ก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ พร้อมสายตาที่มองเธออย่างดูแคลน ดึงแขนเธอกระชากเข้าหาตัว วันสุขอยู่ภายใต้อ้อมแขนแกร่งที่เธอดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่อาจหลุดพ้น
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น” เธอตวาดเขาเสียงลั่น จากความกลัวพลันกลายเป็นโมโห เมื่อเขาเอาแต่ลวนลามร่างกายของเธออย่างไร้มารยาท
“เดี๋ยวผมจะทำมากกว่านั้นอีก อยากรู้แล้วสิว่าตัวจริงข้างในจะสวยได้เท่าใบหน้าของคุณหรือเปล่า”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนะ...อื้อ”
คนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักมาก่อน ถือวิสาสะประกบริมฝีปากทาบทับเรียวปากของเธออย่างรุนแรง ขโมยจูบแรกที่เธอทะนุถนอมมายี่สิบกว่าปี วันสุขพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้น แต่แรงชายชาตรีอย่างเขามีหรือเธอจะสู้ได้ แรงบดจูบทำให้เธอรู้สึกวาบหวิว นิ่งงันไปชั่วขณะ ไม่นานนักเขาก็ละกลีบปากออกจากปากของเธอ
“ปล่อยนะไอ้บ้า! นายไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้ ถ้าพ่อฉันรู้เข้าพวกนายไม่มีฃีวิตรอดแน่!”
“ชาตินี้พ่อของคุณไม่มีทางรู้หรอก หรืออาจจะรู้แต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้”
“นายหมายความว่ายังไง?”
“.....”
คำพูดของชายตรงหน้าทำให้วันสุขฉงนใจ เธอย้อนถามเขาแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ มีเพียงสายตานิ่งเย็นชามองหน้าเธอเท่านั้น
“ปล่อยฉันไอ้คนเลว หยุดรถเดี๋ยวนี้!” วันสุขโวยวายเสียงดัง พร้อมกับยกกำปั้นทุบอกของเขาเต็มแรง
“ผมจะผลักคุณให้ตกรถถ้ายังโวยวายไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ มันน่ารำคาญ”
เขาจับข้อมือสองข้างของเธอไว้แน่น จนเธอไม่สามารถโต้ตอบได้ คำขู่ของคนแปลกหน้าเช่นเขาทำให้วันสุขหยุดนิ่ง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเธอเชื่อในอกว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่ขู่ได้ ความกลัวเริ่มถาโถมทำให้วันสุขพยักหน้าตอบรับอย่างจำยอม ในใจภาวนาขอให้พ่อของเธอรับรู้ด้วยว่าตอนนี้ลูกสาวสุดที่รักถูกใครหน้าไหนก็ไม่รู้ลักพาตัว
เวลาผ่านไปนานราวสามชั่วโมงรถยนต์คันหรู จอดสนิทในอาณาบริเวณที่แสนคุ้นตา ทว่าหากเขาคือโจรลักพาตัวเรียกค่าไถ่ คงไม่มีทางพาเธอมายังที่แห่งนี้เป็นแน่
เขาคือใคร?
ร่างสูงสง่ามาดแมนลงจากรถยนต์ ก่อนจะเดินมาเปิดประตูฝั่งของวันสุข หวังให้เธอนั้นลงจากรถยนต์ ทว่ากลับไร้การเคลื่อนไหวของเธอ วันสุขยังคงนั่งนิ่งไม่สนใจ
“ลงมา” น้ำเสียงเย็นชาสั่งการ ทว่าวันสุขยังคงเธอเมินเขา
“ว้าย!!! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะไอ้บ้า” วันสุขหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อร่างกายของเธอลอยละลิ่วก่อนจะพาดบนบ่าแกร่งของเขา เธอดิ้นรนพลางทุบตีแผ่นหลังหนานั้นด้วยความรุนแรง
“มีแรงก็ทุบไป พอถึงเตียงผมจะทำให้คุณหยุดเอง” ประโยคพูดที่ได้ยินทำเอาวันสุขแทบหยุดหายใจ กลืนน้ำลายลงคอก้อนใหญ่ ในใจนึกถึงผู้เป็นพ่อ ภาวนาขอให้ครอบครัวของเธอตามมาช่วยเหลือ
ร่างกายบอบบางที่อยู่บนบ่าหนาแกร่งโอนเอนไปมาตามแรงเคลื่อนไหว น้ำตาของวันสุขเริ่มไหลรินด้วยความเศร้า เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เพราะเหตุใดกันแน่ ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุกับเรื่องราวที่เธอต้องพบเจอ เธอไม่เคยมีศัตรูที่ไหนมาก่อน เพียงสองเท้าเหยียบผืนดินประเทศบ้านเกิด ก็ดันมีเหตุให้เธอต้องประสบพบเจออย่างไร้เหตุผล
“วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะ คนสกปรกอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน!”
“อย่ามาออกคำสั่งกับผม คุณไม่ได้มีฐานะสูงส่งขนาดที่จะสั่งผมได้ นับจากนี้ไปคุณก็แทบไม่ต่างจากนางบำเรอ”
คำหลังที่ออกจากปากคนแปลกหน้า ทำให้วันสุขนิ่งไปชั่วขณะ เธอหูฝาดไปใช่ไหม คุณหนูตระกูลมั่งคั่งอย่างเธอจะมาเป็นนางบำเรอได้อย่างไร?
ตุบ! ร่างอรชรของวันสุขถูกโยนลงเตียงอย่างไร้ความปรานี เธอกรูถอยหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อสายตาเฉี่ยวดุดันจดจ้องมองเธออย่างกับเสือร้ายที่กำลังโหยหาอาหาร
“หึ...เตรียมใจไว้เลย เพราะผมจะทำยิ่งกว่าแตะเนื้อต้องตัวอีก” รอยยิ้มร้ายมุมปาก ทำให้วันสุขนึกหวั่นกลัว เธอจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้านเขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็กธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็
ดวงตะวันส่องแสงทอสว่างเข้ามาในห้องนอนแสนกว้าง วันสุขนอนสลบหมดเรี่ยวแรงหลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนจบลง เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอหลับไป ลืมตามองรอบด้านพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่ก่อนหน้าทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอ “คุณตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเอาข้าวมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสกับพื้น หญิงมีอายุคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาทันที เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน“คุณเป็นใครคะ?” วันสุขเอ่ยถาม“ป้าเป็นแม่บ้าน ดูแลที่นี่มาได้สักพักแล้วค่ะชื่อนาง”“ป้านาง”“ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”คนมาใหม่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ พลางมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย วันสุขก้มมองตัวเองก่อนจะกำชับเสื้อให้ปิดมิดชิด เธอรู้สึกอายกับร่อยรอยช้ำที่คนป่าเถื่อนกระทำกับเธออย่างไม่ออมมือ เขาทิ้งรอยจูบเอาไว้จนทั่วร่างกาย“ป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่ป้าอยากให้คุณอดทนและเข้มแข็ง” หญิงมีอายุเอ่ยให้กำลังใจ เธอเห็นวันสุขแล้วอดสงสารไม่ได้“หนูไม่รู้จะทนได้แค่ไหน” วันสุขกล่าวอย่างคนหมดหวัง“จากที่ป้าอยู่ที่นี่มาคุณกวินเป็นคนใจดีนะคะ”“เขาชื่อกวินเหรอคะ?”“ค่ะ”“แล้วตอนนี้เขาไปไหนเหรอคะ?”“ป้าก็ไม่ทร
Comments