Share

บทที่ 1130

Author: ไห่ตงชิง
“แล้วจะทำอย่างไรได้อีก!”

สวีฉังชิงโกรธจนแทบระเบิด ลุกขึ้นลากสวีจวินโหลวออกจากบ้าน “ตามข้าไปตำหนักบูรพาเดี๋ยวนี้!”

สองอาหลานรีบร้อนพากันมาถึงตำหนักบูรพา แต่เพิ่งจะถึงหน้าประตูก็ถูกสั่งห้ามเข้า

“หยุด! ตำหนักบูรพาเป็นสถานที่สำคัญ ห้ามบุกรุก!”

เมื่อได้ยินเสียงองครักษ์ตะโกนห้าม สวีฉังชิงรีบลดท่าทีลง คารวะด้วยความสุภาพแล้วกล่าวว่า “ข้าคือสวีฉังชิงแห่งกรมครัวเรือน มีเรื่องด่วนจะขอพบท่านรัชทายาท ขอท่านช่วยกรุณาแจ้งให้ด้วยเถิด”

องครักษ์เดินเข้ามาใกล้ พอเห็นว่าเป็นสวีฉังชิงจริงๆ สีหน้าก็อ่อนลงมาก เอ่ยว่า “ยามนี้ฝ่าบาททรงพักผ่อนแล้ว ใต้เท้าสวีมีเรื่องใด ไว้พรุ่งนี้ค่อยพบจะดีกว่าไหม?”

สวีฉังชิงฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก ขอความกรุณาแจ้งให้ฝ่าบาททราบสักครั้งเถิด”

องครักษ์รู้ว่าสวีฉังชิงเป็นคนโปรดในตำหนักบูรพา จึงไม่ทำให้ลำบากใจนัก พยักหน้าแล้วว่า “งั้นขอให้ท่านรอสักครู่ ข้าจะเข้าไปแจ้งให้”

“ขอบคุณมาก” สวีฉังชิงคารวะอีกครั้ง

ไม่นาน องครักษ์ก็กลับออกมา โดยมีวั่นเจียวเจียวเดินตามออกมาด้วย

นางยืนอยู่ภายในประตู มองสวีฉังชิงด้วยรอยยิ้มพลางถามว่า “ใต้เท้าสวีมาเยือนตำหนักบูรพาดึกดื
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1137

    “นี่...”เฉียนซื่อยวนถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ กว่าครู่จึงกล่าวว่า “ฝ่าบาทเพิ่งทรงเอ่ยถึงการเปลี่ยนแปลงระบบและการปฏิรูปเป็นครั้งแรก กระหม่อมย่อมไม่เคยเห็นเนื้อหาที่ชัดเจน”“ในเมื่อไม่รู้ เช่นนั้นเจ้าตัดสินได้อย่างไรว่าการปฏิรูปของข้าจะสั่นคลอนแผ่นดิน?” หลี่เฉินถามต่อทันทีเฉียนซื่อยวนรู้สึกว่าหลี่เฉินกำลังเล่นตุกติก ในสายตาของเขา เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ย่อมต้องหารือกับเหล่าขุนนางให้ได้ข้อยุติร่วมกันเสียก่อน แล้วค่อยดำเนินการอย่างมั่นคง จะกล่าวเปลี่ยนก็เปลี่ยนเช่นนี้ได้อย่างไรดังนั้นเฉียนซื่อยวนจึงฝืนใจกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงกระทำเร่งรีบเกินไป เกรงว่าจะคล้ายการเล่นสนุกเสียมากกว่า”“ข้ายังยืนยันคำเดิม ในเมื่อเจ้ายังไม่รู้แผนการของข้า เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเร่งรีบหรือเป็นการเล่นสนุก?”บัดนี้หลี่เฉินก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดจักรพรรดิแห่งทุกยุคทุกสมัยจึงไม่โปรดขุนนางตงฉินพวกนี้สำหรับราชสำนักแล้ว ขุนนางตงฉินกลุ่มนี้ในระยะยาวถือว่ามีคุณประโยชน์ท้ายที่สุด ไม่มีแผ่นดินใดที่จักรพรรดิในแต่ละรัชกาลจะเป็นพระราชาผู้เปี่ยมปัญญาทุกพระองค์ได้แน่นอน จักรพรรดิที่โง่งมก็เป็นส่วนน้อย เพราะตำแ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1136

    บรรดาขุนนางตงฉินที่มีชื่อเสียงล้วนมีลักษณะหนึ่งเหมือนกัน คือไม่กลัวตายกระทั่งยังแอบหวังให้จักรพรรดิทรงมีพระราชโองการประหารตน เพื่อจะได้จารึกชื่อไว้ชั่วกาล เป็นที่เลื่องลือชั่วนิรันดร์ในสายตาของหลี่เฉิน สมองพวกเขาคงมีปัญหาไม่น้อยมิได้คาดหวังจะได้เลื่อนตำแหน่งใหญ่โต เพราะระบบขุนนางตงฉินเป็นวงการที่ค่อนข้างปิด ขุนนางตงฉินน้อยคนนักจะได้โยกย้ายไปที่อื่น หน่วยงานอื่นก็ไม่อยากรับ เพราะหน้าที่ของขุนนางตงฉินเอาเข้าจริงก็คือทำให้ผู้อื่นไม่พอใจในเมื่อไม่มีความหวังจะเลื่อนตำแหน่ง บรรดานักปราชญ์ผู้เคร่งคุณธรรมเหล่านี้ก็ย่อมไม่ใส่ใจในทรัพย์สินเงินทองสิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจก็คือชื่อเสียงในสายตาของพวกเขา การถูกจักรพรรดิประหารคือเกียรติสูงสุดพวกเขาเปล่งเสียงแทนราษฎร แนะนำด้านคุณธรรม ถือเป็นแบบอย่างของขุนนางผู้ภักดีแม้หลายสิบปีที่ผ่านมา ราชสำนักวุ่นวาย จ้าวเสวียนจีแทบจะรวบอำนาจไว้คนเดียว ทำให้สำนักตรวจการเสื่อมทรามไม่หยุด ทว่าก็ยังมีคนกระดูกแข็งอยู่บ้าง เฉียนซื่อยวนก็คือหนึ่งในนั้นหลี่เฉินสังหารเจ้าสำนักตรวจการมานักต่อนักแล้ว แม้แต่คลื่นการกวาดล้างในครั้งนี้ก็ยังมิได้กระทบเขา เห็นได้ชัด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1135

    คำว่าปฏิรูปและปรับโครงสร้างนั้น สำหรับขุนนางจำนวนมากแล้ว เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ยินชัดถ้อยชัดคำเช่นนี้ผู้ที่ยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ไม่มีใครเลยที่เป็นคนเขลาหรือไร้ประสบการณ์ถึงจะไม่เคยกินหมู อย่างน้อยก็เคยเห็นหมูวิ่งแม้ไม่เคยเห็นหมูวิ่ง อย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินว่ามีหมูอยู่จริงคำว่าปฏิรูปคำนี้ ในประวัติศาสตร์ของแต่ละราชวงศ์ ถือเป็นคำต้องห้าม เพราะนั่นคือการสั่นคลอนระเบียบเก่าและการตั้งต้นระเบียบใหม่ ซึ่งมักไม่มีวันเกิดขึ้นโดยง่าย โดยปกติแล้ว เมื่อราชวงศ์หนึ่งก่อตั้งขึ้น ระบบระเบียบจะถูกกำหนดไว้แต่ต้น และมักจะดำรงอยู่อย่างนั้นไปจนถึงวาระสุดท้ายโดยไม่เปลี่ยนแปลงเหตุผลนั้นซับซ้อนอย่างยิ่ง มิใช่จะอธิบายให้เข้าใจได้ในสองสามประโยคแต่โดยสรุปก็คือ ในสายตาของคนโบราณ การเปลี่ยนแปลงระบบที่ปู่ย่าตายายตั้งไว้คือการผิดธรรมเนียม ผิดความกตัญญู อีกทั้งการปฏิรูปต้องอาศัยอำนาจ ความกล้าหาญ และบารมีอย่างล้นเหลือ จักรพรรดิต้องมีอำนาจควบคุมราชสำนักอย่างแน่นหนา และมีใจใฝ่ก้าวหน้าอย่างแท้จริง จึงจะฝ่าฟันอุปสรรคและแรงต่อต้านนับไม่ถ้วนไปได้ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า เมื่อแลกกับคว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1134

    ประตูข้างของพระที่นั่งไท่เหอ หลี่เฉินทรงชุดองค์รัชทายาทประดับมังกรทอง ก้าวขึ้นบันไดอย่างองอาจด้วยอิริยาบถทรงพลัง ก่อนจะหยุดยืนข้างบัลลังก์มังกร“พวกกระหม่อม คาราวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”“องค์รัชทายาทพันปี พันปี พันๆ ปี!”เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ นำโดยจ้าวเสวียนจีและซูเจิ้นถิง พากันก้มคำนับถวายบังคมพร้อมเสียงโห่ร้องกึกก้องหลี่เฉินยกมือขึ้นกล่าวว่า “ขุนนางทุกท่าน ลุกขึ้นเถิด”เมื่อเสร็จพิธีตามธรรมเนียม ประชุมเช้าในวันนี้ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการสายตาหลี่เฉินกวาดมองไปรอบๆ พบว่าขุนนางที่มาร่วมวันนี้หายไปจากเดิมถึงหนึ่งในสามพวกที่หายไป ล้วนไม่ต้องเดาให้มาก ก็เป็นเหล่าวิญญาณที่ถูกประหารภายใต้คมดาบของหัวเสือหลี่เฉินหยุดพักหายใจเล็กน้อย แล้วเริ่มกล่าวขึ้นว่า “ช่วงที่ผ่านมา ในเมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมากมาย พวกท่านล้วนทราบดีอยู่แล้ว”ทั่วพระที่นั่งเงียบสงัด มีเพียงเสียงของหลี่เฉินดังก้องกังวานสะท้อนกับเสาหินแกะสลักมังกร“อดีตจ้าวอ๋อง องค์ชายแปด หลี่อิ๋นหู่ ได้ก่อการขบถ ลุกฮือขึ้นต่อต้านแผ่นดิน โชคดีอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของพวกท่าน ขณะนี้เรื่องก็ได้ยุติลงแล้ว”คำพูดประ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1133

    “สวีฉังชิงหรือ?”หลี่เฉินในขณะถูกวั่นเจียวเจียวช่วยแต่งองค์ก็เดินมาถึงโต๊ะ หยิบถ้วยโจ๊กขึ้นมาเริ่มรับประทานอาหารเช้าระหว่างกินโจ๊ก หลี่เฉินก็เอ่ยถามขึ้นว่า “เขาว่าอะไรบ้าง?”“เขาพา รองหัวหน้าสำนักจานซื่อมาด้วย คงอยากหาทางจัดวางตำแหน่งที่ดีให้หลานตัวเองกระมัง”วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลนไม่น้อยนางรู้สึกว่าสวีฉังชิงออกจะได้ใจเกินไปแล้วฝ่าบาทเมตตาขนาดนี้ กลับยังไม่รู้จักพอหลี่เฉินถลึงตาใส่วั่นเจียวเจียว “ห้ามพูดจาเหลวไหล”วั่นเจียวเจียวแลบลิ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกหลี่เฉินคีบแป้งแผ่นขึ้นมากินคู่กับโจ๊ก พลางกล่าวว่า “สวีฉังชิงไม่มีบุตร สวีจวินโหลวเป็นหลานชายคนเดียว เขาจึงเลี้ยงดูราวกับลูกแท้ๆ”“สวีจวินโหลวยังหนุ่ม ยังมีไฟ ย่อมอยากแสดงความสามารถ มีโอกาสก็ไม่ยอมพลาด”“สองข้อนี้ ล้วนเข้าใจได้ดีทั้งนั้น”“แค่จุดตั้งต้นต่างกันเท่านั้น หาใช่ความผิดไม่ เจ้าอย่าพูดจาลับหลังผู้คนอีก”วั่นเจียวเจียวออดอ้อนว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง”“พูดกับข้าก็ยังพอไหว แต่หากเจ้าพูดบ่อยเข้า กลายเป็นนิสัย แล้วมีผู้หวังร้ายได้ยินเข้า จะหาว่าเจ้าเย่อหยิ่งลำพ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1132

    สวีจวินโหลวรู้สึกว่าสวีฉังชิงพูดเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “คงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นกระมัง?”“ไม่ร้ายแรงหรือ?”สวีฉังชิงหยุดฝีเท้า หันมาจ้องหน้าสวีจวินโหลวแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับวั่นเจียวเจียวเป็นอย่างไร ต่อให้ไม่มีอะไรส่วนตัวระหว่างกัน แต่วั่นเจียวเจียวรู้ความลับของฝ่าบาทมากมายถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่านางจะยังมีโอกาสแต่งงานกับใครได้หรือ? เจ้าคิดว่าผู้ใดมีคุณสมบัติเพียงพอจะได้นาง? ใครเล่าที่กล้ารับนางเป็นภรรยา?”เขาถลึงตาใส่สวีจวินโหลวที่ยังคงยืนงงอยู่อย่างดุดันแล้วกล่าวต่อ “วันนั้นหน้าตำหนักเฉียนชิง ตอนที่ซานเป่าสิ้นใจ ข้าอยู่ตรงนั้นด้วย คำขอสุดท้ายของเขา ก็คือขอให้ฝ่าบาทเมตตาต่อวั่นเจียวเจียว เรื่องนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอีกใช่หรือไม่?”สวีจวินโหลวรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังความรู้สึกดีที่เริ่มก่อตัวในใจเขาต่อวั่นเจียวเจียวเมื่อครู่มลายหายสิ้นไปทันที เขารีบพยักหน้ารัวๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ท่านอาวางใจได้ ข้าจะไม่คิดเรื่องแม่นางวั่นอีกแม้แต่น้อย!”เห็นเขาพูดจริงจัง มิใช่พูดเอาตัวรอด สีหน้าของสวีฉังช

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status