ถังเหยาเพิ่งได้รับออเดอร์แรกจากแอปฯ สั่งอาหาร
สามจานอย่างหลักเต้าหู้ผัดพริกเสฉวน, ซี่โครงตุ๋นซอสไวน์แดง, และไก่เผ็ดเสฉวนถูกเตรียมเรียบร้อย วางบนเตาให้ไฟอ่อนเคี่ยวไว้ ส่วนไก่เสฉวนนั้น จะทำซอสราดตอนลูกค้าสั่งเท่านั้น
ข้าวผัดหยางโจว ข้าวผัดทะเล และข้าวผัดสับปะรด จะเริ่มผัดก็ต่อเมื่อถึงเวลาจัดจานเสิร์ฟเท่านั้น ซุปเปรี้ยวปลาป่นทำเสร็จเรียบร้อย ใส่ในหม้อเก็บความร้อนอย่างดี ส่วนสลัดผักน้ำมันงาเป็นเมนูเคียงที่ไม่คิดเงิน แค่คลุกกับน้ำสลัดสูตรพิเศษของร้านก็พอ
ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว แม้จะทำคนเดียว แต่ถังเหยาก็จัดการได้หมดทั้งครัว
หลังปรุงเสร็จจะวางจานไว้ที่เคาน์เตอร์ ส่งอาหารให้หยางอิงเป็นคนรับต่อ น้ำบ๊วยโซดาก็แช่ไว้ในตู้เย็นแล้ว แค่เทใส่น้ำแข็งก็พร้อมเสิร์ฟ หยางอิงยืนอยู่ตรงช่องส่งอาหาร มองดูถังเหยากำลัง “ร่ายรำกับกระทะ” ในครัว มือทั้งสองข้างของถังเหยาถือกระทะใบเบ้อเริ่ม สะบัดไปมาอย่างชำนาญ เมล็ดข้าวในกระทะเหมือนกำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน
กลิ่นหอมของอาหารลอยมาตามสายลม พุ่งเข้าจมูก หยางอิงเพิ่งอิ่มข้าวเช้ามาแท้ๆ แต่พอได้กลิ่นนี้ก็หิวขึ้นมาอีกจนท้องร้องจ๊อก ๆ
“เหยาเหยาเอ๊ย ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะ จะต้องจับเธอมาแต่งให้ได้เลย หอมเกินต้านแล้วแม่!” ประโยคนี้ไม่ใช่คำพูดเล่นๆ เพราะเธอพูดจากใจจริง
ถังเหยาไม่เพียงแต่ทำอาหารเก่ง แต่ยังเป็นคนที่น่าหลงใหลมากด้วย ปกติอาจดูเป็นสายเนือยชิลล์ๆ เหมือนปลาทะเลว่ายตามน้ำ แต่พอได้ลงมือทำอะไรจริงจังแล้ว เธอกลับจริงจังชนิดเป๊ะทุกมุม ตอนรู้ว่าจะมาเปิดร้านอาหาร หยางอิงถึงกับทำตะเกียบหล่นเลยทีเดียว
ให้ถังเหยามาเปิดร้านอาหาร? คนแบบเนี่ยนี่นะจะลุกมาทำอาหารให้คนอื่น? ไม่มีทาง!
ถังเหยาน่ะ เป็นปลาทะเลสายเนือยโดยกำเนิด บางทีทำกับข้าวให้ตัวเองยังแทบไม่อยากลงมือ แล้วอย่างนี้จะให้มาทำขายทุกวัน? แต่พอรู้ว่ามันเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณตา ทุกข้อสงสัยก็หายไปหมดสิ้น
งั้นต้องรีบอาศัยช่วงที่ถังเหยายังเปิดร้านอยู่ มากินให้คุ้มก่อนที่เธอจะขี้เกียจแล้วเลิกทำ!
ถังเหยาได้ยินเพื่อนแซวก็แค่ส่ายหน้ายิ้มๆ ประโยคนี้เธอได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว มือก็ยังไม่หยุดผัดข้าวในกระทะ เมล็ดข้าวสีเหลืองทองเด้งขึ้นเด้งลงสลับกันไปมา ถึงจะรู้ว่ารสชาติดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังตักใส่จานมาชิมก่อน พอพอใจแล้วถึงค่อยหรี่ไฟลง
เตรียมกล่องข้าวไว้สามกล่อง กล่องหนึ่งใส่ข้าวสวย กล่องหนึ่งข้าวผัดทะเล อีกกล่องเป็นข้าวผัดหยางโจว แล้วก็หยิบกล่องกลมมาใส่กับข้าวและซุป เพิ่มกล่องเล็กๆ อีกสามกล่องใส่สลัด ตอนนี้เธอยังแค่คลุกผักไว้ก่อน พอคนส่งอาหารมาผักจะได้พอดีรส
กลุ่มไรเดอร์ของเขตเหิงเตี้ยนกับกลุ่มลูกค้าทั่วไปก็รับงานเหมือนกันหมด เฉินผิง เพิ่งกินข้าวร้านใกล้ๆ เสร็จ พอเห็นแจ้งเตือนออร์เดอร์ก็กดรับทันที ยืนมองจากข้างนอกนึกว่าเป็นบ้านคนธรรมดา ที่ไหนได้เพิ่งเปิดร้านข้าวต่างหาก มีเมนูไม้แขวนอยู่หน้าประตูด้วย แต่เขาดันไม่ทันสังเกต เดินเข้ามาถึงรู้ว่าสวนข้างในกว้างมาก
“มารับออร์เดอร์ครับ”
หยางอิงเห็นคนเดินเข้ามาต้อนรับ “รอสักครู่นะคะ”
แล้วหยิบน้ำบ๊วยสามแก้วที่เตรียมไว้ใส่น้ำแข็งเรียบร้อย ปิดฝาให้แน่น วางขนมกล่องเล็กๆ สามกล่องบนฝาแก้ว จากนั้นก็หยิบข้าวและกับข้าวใส่ถุงแยกให้ครบ เช็กอีกทีว่าไม่ลืมตะเกียบ ช้อน และผ้าเปียก ถึงยื่นให้ไรเดอร์
“ขอบคุณที่รอนะคะ วันนี้เปิดร้านวันแรก ทางร้านมีน้ำบ๊วยแจกให้ด้วย ลองชิมดูนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่มารับออร์เดอร์นี้”
เฉินผิงมองเชฟสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมรอยยิ้ม กับพนักงานอีกคนที่ดูสดใสร่าเริงกำลังยื่นอาหารให้เขา ใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ? ทำไมไม่รู้มาก่อนเลยว่าร้านนี้มีสาวสวยถึงสองคน! แค่รอยยิ้มก็เหมือนทั้งโลกสดใสขึ้นมาทันที ทำให้คนมองแทบละสายตาไม่ได้
ผู้หญิงอะไรกันน่ารักขนาดนี้ พูดจายังน่าฟังน้ำเสียงไพเราะ เสียดายที่เขากินข้าวมาแล้ว ไม่งั้นจะนั่งกินที่ร้านสักหน่อย ถ้าเย็นนี้ร้านยังเปิดอยู่ล่ะก็ต้องกลับมาอุดหนุนอีกแน่นอน
พอเฉินผิงเดินออกไป ก็มีสองสาวเดินสวนเข้ามาพอดี
ตงอ้ายกับลี่หลินเดินวนมาทั่วถนนสายอาหารในย่านเหิงเตี้ยน แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินอะไรดี พอเดินมาถึงบ้านไม้หลังเก่าที่เปิดประตูอยู่ เห็นคนส่งอาหารเดินออกมา จึงเพิ่งรู้ว่านี่คือร้านอาหาร
มองเข้าไปในลานบ้าน เห็นเงาต้นไม้สูงๆ ก็คิดแค่ว่าเข้าไปหลบร้อนก่อนก็ยังดี เดินมานานกลางแดดจนหมดอารมณ์ความอยากไปแล้ว พอเดินเข้าลานมาก็เจอเงาไม้ร่มเย็น พื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้กับบ่อน้ำโบราณ บรรยากาศแบบจีนดั้งเดิมแท้ๆ ข้างบนยังมีโคมไฟกระดาษแขวนเรียงกันสวยงาม ดูแล้วเหมือนฉากในซีรีส์ย้อนยุคไม่มีผิด
ถึงจะยังไม่เห็นว่าข้างในห้องหน้าตาเป็นยังไง แต่แค่บรรยากาศในลานก็ตกหลุมรักเข้าเต็มเปา ทั้งคู่เลือกโต๊ะใต้ต้นอู๋ถง ฟังเสียงใบไม้ไหวในลมเบาๆ ลมเย็นที่พัดมาก็เหมือนพัดเข้าไปถึงในใจ
พนักงานสาวเดินถือแก้วไม้ใส่น้ำบ๊วยเย็นๆ มาเสิร์ฟ บอกว่าเป็นของแถมจากทางร้าน บนโต๊ะยังมีแจกันปากแคบใส่ดอกไม้สวยๆ ตกแต่งไว้ด้วย ตงอ้ายอดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือ มาถ่ายรูปโต๊ะอาหารกับวิวบ่อน้ำและสวนดอกไม้ตรงหน้า เจ้าของร้านนี้ต้องเป็นคนที่มีเซนส์ด้านศิลปะสุดๆ ตกแต่งได้โดดเด่นน่าประทับใจมาก
“กลิ่นหอมจังเลย”
กลิ่นหอมของข้าวผัดลอยมากับสายลมบางๆ ผ่านออกมาจากในครัว พอมองเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ก็เห็นเสี้ยวหน้าของเชฟสาวด้านใน กำลังใช้สองมือสลับผัดกระทะคู่ เมล็ดข้าวสีทองเด้งขึ้นลงราวกับมีชีวิต ท่าทางในการผัดดูคล่องแคล่วสวยงาม จนทั้งสองคนมองตาค้างอยู่แบบนั้น จนกระทั่งอาหารเสร็จถึงมีสติกลับคืนมาได้
ลี่หลินมองข้าวสองจานที่วางอยู่บนโต๊ะ แค่เห็นสีสันกับได้กลิ่นหอมก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แบบนี้มันน่ากินเกินไปแล้ว! หน้าตายังดูดีกว่าร้านอาหารระดับสามดาวที่เคยไปกินอีก
เธอสั่งซี่โครงตุ๋นซอสไวน์แดงกับข้าวผัดหยางโจว พอมองไปที่ซี่โครงวัวก็เห็นว่ามีซอสน้ำข้นสีน้ำตาลแดงเคลือบอยู่ทั่ว เนื้อวัวตุ๋นนุ่มๆ กับแครอทและมันฝรั่งที่ดูดซึมซอสเข้าไปเต็มที่ กลิ่นก็หอมจนอดใจไม่อยู่ ต้องรีบตักเนื้อขึ้นมากินพร้อมกับข้าวผัดทันที
พอรสสัมผัสแรกแตะที่ปลายลิ้น ก็ลืมไปหมดเลยว่านี่มันที่ไหน ตาก็จ้องแค่จานข้าวตรงหน้าอย่างเดียว ข้าวผัดหอมกรุ่นเต็มไปด้วยหมูชิ้นนุ่มๆ ละลายในปาก ผัดคลุกเคล้ากับกุนเชียงกลิ่นหอมเฉพาะตัว และผักสามสีก็เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ กุนเชียงนี่ไม่ธรรมดาเลยกลิ่นหอมแรงแต่ไม่ฉุน รสชาติเข้มข้นเค็มหวานกำลังดี พอได้เคี้ยวพร้อมแครอท หอมหัวใหญ่ และถั่วลันเตา กลายเป็นรสสัมผัสที่เข้ากันมาก
ข้าวก็ผัดมาได้กำลังดี ไม่แฉะเกินไปและไม่แห้งเกินไป เมล็ดข้าวเคลือบสีเหลืองทองของไข่แดงสวยน่ากิน ข้าวผัดจานนี้มันสุดยอดจริงๆ กินคำแรกก็อยากจะตักคำที่สองทันทีเลย
แงงงง แอดหิววว ขอซี่โครงตุ๋นด้วยคนฮะ ข้าวผัดด้วยยยยยย หูววว อ่านไปน้ำลายไหลไป
ถังเหยากวาดตามองระยะห่างระหว่างจุดที่ยามยืนอยู่กับเต็นท์ ก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ“ภายในสามสิบวินาที...พวกคุณจัดการได้กี่คนคะ?”กู้จื่ออวี่ที่ได้ยินคำถามนั้นก็เข้าใจทันที ว่าเธอกำลังวางแผนอะไร ถังเหยาต้องการจะยิงจากระยะไกลเพื่อเก็บศัตรูให้หมดในคราวเดียว แต่การจะทำแบบนั้นได้ มือไม่ใช่แค่ต้องเร็ว...แต่ต้องแม่นยำอย่างถึงที่สุด เพราะถ้าเกิดพลาด หรือปล่อยให้พวกนั้นมีโอกาสโต้กลับ ทุกอย่างจะกลายเป็นหายนะทันที“ผมคาดว่าประมาณ 4 คน”“ผมน่าจะ 3 คน”“อืม ถ้างั้นเรามาพยายามฆ่าทั้งหมดในครั้งเดียวเลยนะคะ”ถังเหยาทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างมั่นคง พานท้ายปืนพาดแนบกับไหล่ เธอก้มหน้าเล็กน้อยแล้วแนบตาเข้ากับกล้องเล็ง ปลายนิ้วแตะไกปืนอย่างนิ่งสงบ ลมหายใจเธอชะงักอยู่ชั่วขณะ รอจังหวะเหมาะสมแล้วยิงกระสุนนัดแรก ทั้งสามคนต่างก็กำจัดศัตรูได้สำเร็จ ต้าอว
สถานการณ์ในสนามรบเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมก็พลอยรู้สึกตึงเครียดไ ปตามทุกย่างก้าวของผู้เข้าแข่งขัน ทันใดนั้น เสียงประกาศจากลำโพงก็ดังขึ้น:“เซี่ยอวิ๋นซูตายแล้ว”ภาพจากกล้องฝั่งเธอฉายชัดทุกจังหวะกู้จื่ออวี่กำลังติดต่อกับถังเหยาทางวิทยุสื่อสาร นัดให้รวมกลุ่มกันที่จุดนัดพบ การกระจายตัวแบบนี้มันอันตรายเกินไป ทั้งสองคนเลยเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังตำแหน่งเป้าหมาย ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงปืนดังขึ้น จึงรีบส่งสัญญาณให้เซี่ยอวิ๋นซูหาที่หลบซ่อน แต่เธอกลับไม่ทำตามคำสั่ง กลับกันเธอก้าวออกมาบังทิศทางกระสุนที่พุ่งตรงมาหาเขาและในวินาทีนั้นกู้จื่ออวี่เบี่ยงตัวหลบได้พอดีเรื่องมันควรจะจบลงแค่นั้น ถ้าเธอฟังคำสั่งเงียบๆ ก็จะไม่มีใครเป็นอะไร แต่สุดท้าย เธอกลับเลือกกระโดดออกมาช่วย แล้วต้องแลกด้วย “ชีวิต” ของตัวเองเซี่ยอวิ๋นซูถอดหมวกออ
ลูกปืนของตงเจียวถึงแม้จะเบี่ยงเป้าหมายไป แต่กลับมีคนถูกยิงจริงๆ แถมไม่ใช่คนที่เธอเล็งไว้ด้วยซ้ำ!จังหวะที่บีบไกปืน ถังเหยากลับตอบสนองเร็วเหลือเชื่อ! กระสุนเพิ่งตกลงพื้นข้างตัว เธอก็พลิกตัวหลบไปทางขวาอย่างช่ำชอง พร้อมยกปืนยิงสวนกลับไปทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว"ปัง!"การตอบโต้ของถังเหยารวดเร็วและเฉียบขาดมาก จนแม้แต่กลุ่มของห่าวอี้ยังตั้งตัวไม่ทัน ยืนเหวอกันไปเป็นแถวตงเจียวก็ไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทักษะอะไร จนกระทั่งเสียงเตือนในหูฟังบอกว่า “คุณตายแล้ว” พร้อมกับคราบแดงบนหน้าอกซ้ายเครื่องหมายโดนยิงเข้าจังๆเธอจึงจำใจ “นั่งลง” ยอมรับชะตา...เล่นบทศพต่อไป“ผู้เล่น ตงเจียว ตกรอบ!”เสียงจากลำโพงสนามดังลั่น ทำให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาที กลับเปลี่ยนเกมทั้งตาไปหมด ห่าวอี้ได้สติรีบลากเ
แม้ว่าเผิงเหนียนจะเคยอยู่บ้านเดียวกับกู้จื่ออวี่มาก่อน แต่ตอนนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก อีกทั้งนิสัยของเธอก็ค่อนข้างขี้อาย จึงไม่จำเป็นต้องแกล้งแสดงอาการเขินเมื่อเจอกันครั้งแรก เพราะมันเผยออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แถมเธอยังกลัวแฟนคลับของกู้จื่ออวี่กับห่าวอี้อยู่ไม่น้อย จึงพยายามยืนห่างจากทั้งสองคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองคู่ถูกจับมารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนกลุ่มที่มีสามคนก็ยังคงเดิมภารกิจแรกของวันคือให้เตรียมมื้อกลางวันกันเอง เมื่อแขกรับเชิญได้ยินแบบนั้น สีหน้าทุกคนก็เหมือนจะหมดคำพูด ในป่าจะหาอะไรกินได้ล่ะ? จะให้หาของกินจากใบไม้หรือไง? โชคยังดีที่แต่ละคนแอบพกขนมเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย จึงไม่ถึงกับต้องทนหิวในมื้อกลางวันทว่าหลังมื้อนั้นเสบียงทั้งหมดก็เกือบหมดเกลี้ยง เหมือนรายการจงใจวางกับดัก ทำทีให้เตรียมเองแต่สุดท้ายกลายเป็นถูก "ปล้น" ไปซะหมดแล้วมื้อเย็นล่ะ? จะเอาอะไรกิน?หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนได้พักช่วงสั้นๆ ตอนกลางวั
บนหน้าจอไลฟ์ที่แต่เดิมแบ่งเป็น 7 ช่อง ตอนนี้ถูกรวมเหลือเพียง4 ช่องเท่านั้น ใบหน้าของเหล่าแขกรับเชิญส่วนใหญ่ก็ปรากฏให้เห็นชัด ยกเว้นห้องอันดับท้ายสุดของถังเหยา ที่ยังคงเห็นได้แค่เพียงเงาหลังของเธอเท่านั้นฝ่ายแอนตี้รีบออกตัวว่าใบหน้าของถังเหยาคงจะ “ระดับทั่วไป” จนต้องหลบกล้องตลอดเวลาเพื่อเลี่ยงคำด่า ขณะที่ชาวเหิงเตี้ยนรีบออกโรงปกป้อง ว่า จ้าของร้านตระกูลถังเป็นสาวน้อยหน้าตางดงามตัวจริงระหว่างที่สองฝ่ายกำลังเปิดศึกโต้เถียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็จู่ๆ หยุดกะทันหัน พอมองใกล้ๆ ก็พบว่าในอ้อมแขนของเธอมี “คนเพิ่มมาอีกหนึ่ง” เหล่าผู้ชมต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบย้อนกลับไปดูภาพซ้ำในคลิปถังเหยากำลังเดินอยู่ตามปกติ อยู่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง และในวินาทีนั้นมีคนหนึ่งร่วงลงมาจากกิ่งไม้ตรงหน้า จึงรีบวิ่งเข้าไปทันเวลาและรับตัวเขาไว้ได้พอดี เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ทำเอาทั้งทีมถ่ายทำและผู้ชมถึงกับนิ่งงันไปทั้งหน้าจอ
ภายใต้บรรยากาศอันคึกคักและความคาดหวังจากผู้ชม หน้าจอไลฟ์สดปรากฏตัวเลขนับถอยหลัง1 นาที สนามรบระหว่างบ้านแฟนคลับทั้งหลายจึงยอมพับดาบเก็บกระบี่ชั่วคราว หันมาเตรียมใจพักผ่อนชั่วครู่ รอดูรายการก่อนแล้วค่อยเคลียร์กันต่อภายหลังภาพบนหน้าจอค่อยๆ เผยให้เห็นต้นไม้แน่นทึบ แสงแดดสาดผ่านพุ่มใบ เสียงนกร้องก้องไปทั่วขุนเขา ความคิดแรกของผู้ชมคือ ทีมโปรดักชันถ่ายทำในป่าจริงๆ อย่างนั้นหรือ? รายการนี้กล้าปล่อยบรรดาเซเลบดาราแถวหน้าเหล่านี้ ไปดิ้นรนเอาตัวรอดกลางป่าจริงๆ ใช่ไหม?จากนั้นหน้าจอถูกแบ่งออกเป็น 7 ช่องย่อย แสดงภาพของทั้ง7 คน ณ สถานที่ต่างกัน พร้อมคำอธิบายว่าในบรรดาทั้ง7 ใครมาถึงก่อนจะได้เข้าไปก่อน หากเจออีกคนก่อนจะได้จับกลุ่มกัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ3 คนและ4 คนรายการให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคนพกเป้มาหนึ่งใบ ของข้างในแล้วแต่จะเตรียม ใครมีแรงแบกไหวแค่ไหนก็พกมาเท่านั้น แต่ทุกคนก็พอรู้ว่าต้องเดินทางเยอะจึงเตรียมมาแค่พอใช้ยอดคนดูไหลเข้าร