แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องให้กับสุดยอดเมนู “ซี่โครงวัวตุ๋นซอสไวน์แดง” แค่กัดไปคำแรกน้ำซุปที่ซึมอยู่ด้านในก็ไหลออกมา เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำแยกออกจากกระดูกได้ง่ายๆ ยิ่งกินคู่กับซอสเข้มข้นรสกลมกล่อมแล้วด้วยนะ แม่เจ้า…นี่มันอาหารจากสวรรค์หรือเปล่า! รวมสุดยอดความอร่อยมาหมดทุกอย่าง กินไปแทบจะร้องไห้เพราะความสุข
ใบหน้าของลี่หลินเต็มไปด้วยความฟินแบบไม่ปิดบัง เหมือนกำลังลอยขึ้นฟ้า ใจจดจ่ออยู่กับข้าวจานเดียวของตัวเอง ส่วนตงอ้ายที่นั่งตรงข้ามก็ไม่น้อยหน้าเลย พอเห็นเมนูไก่เผ็ดสไตล์เสฉวนวางอยู่ตรงหน้า ท้องก็ร้องขึ้นมาทันที แต่ด้วยนิสัยของคนทำคอนเทนต์สายอาหาร พอเห็นจานสวยแบบนี้ ก็รีบคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายก่อนทันที
หลังจากนั้นก็ไม่สนแล้วว่าแสงโอเคไหม ต้องแต่งรูปเพิ่มหรือเปล่า ตาเหลือบมองแค่ไก่ตรงหน้า มือก็หยิบตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมาแบบห้ามไม่อยู่ ข้าวผัดทะเลในจานนั้นก็ใช่ย่อย เมล็ดข้าวผัดมาหอมๆ ไม่มีความรู้สึกมันเยิ้มเลยสักนิด แค่กลิ่นก็เรียกน้ำลายได้แล้ว
ตงอ้ายชอบกินกุ้งมาก แล้วกุ้งในจานนี่มันสดเด้งเหมือนกินที่ในร้านญี่ปุ่นเลย ผักก็กรอบหวานเข้ากันสุดๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอถึงขั้นน้ำตาจะไหลก็คือ “ไก่เผ็ดสุดเทพ” จานนี้แหละ
เนื้อไก่ถูกนึ่งจนสุกพอดีเข้ากันกับสมุนไพรหลากชนิด ส่งกลิ่นหอมลอยเตะจมูก แล้วราดด้วยงา เต้าหู้หั่นเต๋า กับน้ำมันพริกเผ็ดซ่าที่เคลือบอยู่ทั่วเนื้อไก่ นุ่มละมุนลิ้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ รสเผ็ดซ่านิดๆ แบบฉบับเสฉวน กินแล้วแทบลืมทางกลับบ้านไปเลย
ใครจะคิดว่าไก่มันจะอร่อยได้ขนาดนี้!
ปกติเมื่อสองสาวมากินข้าวด้วยกันทีไรต้องเมาท์ไม่หยุด แต่วันนี้เงียบสนิท มีแค่เสียงตะเกียบกับช้อนที่ทำงานไม่หยุด ปากไม่มีเวลาว่างคุยเลยจริงๆ จนกระทั่งหันไปเห็นจานว่าง น้ำซอสก็ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ถึงได้รู้ว่า...เฮ้ย กินหมดแล้วเหรอ!?
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างงงๆ ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากินหมดแล้ว? ทำไมไม่รู้สึกอะไรเลยนะ หันกลับไปดูสลัดกับชามซุปที่ยังวางอยู่ครบก็ถึงได้รู้ว่า ทั้งคู่เอาแต่ฟาดข้าวกับกับข้าว โดยลืมไปเลยว่ายังมีผักกับน้ำซุปอีก
ลี่หลินลองคีบสลัดที่ราดน้ำมันงามากินดู ทีแรกก็แค่จะชิมเฉยๆ ไม่คิดว่าจะโดนตกเต็มๆ แค่สองสามคำก็หมดจานแบบไม่รู้ตัว
“โอ๊ย สลัดนี่อร่อยเว่อร์! น้ำสลัดอะไรเนี่ย ไม่เคยกินมาก่อนเลยนะ”
“จริง! ตอนแรกใครบ่นว่าไม่มีอารมณ์กินเนี่ย? ผักกรอบมากรสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม น้ำสลัดคือตัวเด็ดเลย”
ซุปหนึ่งถ้วยมีลูกชิ้นปลาสองลูกกับเนื้อปลาหั่นบางๆ ใส่มาด้วย พร้อมผักหลากชนิด ด้านบนโรยต้นหอมกับผักชีลาว กลิ่นหอมละมุน พอจัดการสลัดหมด ลี่หลินก็หันไปคว้าช้อนซุปทันที ถึงจะอิ่มแล้วก็เถอะ แต่พอเห็นลูกชิ้นเด้งๆ ลอยอยู่ในน้ำซุป กลิ่นหอมชวนกินแบบนั้น มือมันก็หยุดไม่อยู่จริงๆ
ลูกชิ้นยังไม่ทันได้กลืนลงไป เธอก็หันไปสบตากับตงอ้าย ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยสายตาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนจะพูดว่า “อร่อยแบบนี้คืออะไรกัน!”
ลูกชิ้นปลานี่เด้งดึ๋ง สดใหม่แบบสุดๆ รับประกันได้เลยว่าเป็นปลาล้วนๆ ไม่ผสมแป้งแน่นอน ที่สำคัญคือรู้เลยว่าทำมือสดๆ เพราะถ้าไม่ใช้เนื้อปลาแท้บดใหม่แล้วปั้นเองแบบนี้ จะได้ความเด้งขนาดนี้ได้ยังไงกัน!
กินลูกชิ้นปลาไปหนึ่งคำ ซดน้ำซุปเปรี้ยวอมหวานตามอีกหนึ่งคำ ความรู้สึกเหมือนรสชาติของทั้งมื้อถูกปรับจูนให้ลงตัวพอดี พอทั้งสองคนกินจนหมดก็ได้แต่นั่งพิงพนักแบบแน่นท้อง ไม่อยากขยับตัวเลย
“แม่เจ้า...นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้กินซุปปลารสเปรี้ยวอร่อยขนาดนี้ ลูกชิ้นปลานี่คือขึ้นหิ้งเลยนะ ส่วนซี่โครงตุ๋นไวน์แดงนั่นน่ะ บอกเลยว่าเดอะเบสในใจฉันแล้วตอนนี้ รสชาติเหมือนอาหารจากสวรรค์ กินแล้วอยากร้องไห้!”
“เห็นด้วยว่าซุปปลาคู่ควรอันดับหนึ่ง! แต่ถ้าจะให้ฉันเลือกเมนูที่ขึ้นหิ้งต้องยกให้ไก่เผ็ดเสฉวนเท่านั้น! เนื้อไก่นุ่ม หอม กลมกล่อม แล้วซอสนั่นน่ะ เผ็ดแบบเทพมากสมมงสุด! ใครจะไปคิดว่าร้านธรรมดาแบบนี้ จะมีเชฟสาวฝีมือระดับเทพได้”
“แล้วเมื่อกี้ทำไมไม่แบ่งให้ฉันชิมบ้างอ่ะ ไม่ยอม!”
“อ้าว เธอเองแหละที่เห็นข้าวปุ๊บก้มหน้ากินเลย มีแบ่งฉันซักคำไหม?”
ทั้งสองคนเถียงกันไปขำกันไป จนเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาถึงครัว
หยางอิงกับถังเหยามองหน้ากัน ก่อนจะต้องพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต เธอสองคนพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ แล้วเดินถือจานขนมดอกหอมหมื่นลี้มาเสิร์ฟให้ ตอนพวกเธอกินก็ว่าแสดงออกเต็มที่แล้ว แต่นี่ทั้งสีหน้า ท่าทาง และบทสนทนาหลังอาหารของสองสาว โอเวอร์จนต้องวิ่งเข้าหลังครัวไปขำกลิ้งมาแล้วรอบนึง น่ารักเกินต้านจริงๆ
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านเปิด แล้วคุณสองคนก็เป็นลูกค้าสาวสวยกลุ่มแรกเลยค่ะ นี่คือขนมหวานที่เจ้าของร้านทำเอง เป็นของขวัญเล็กๆ ฝากให้ลองชิมดูนะคะ”
ตงอ้ายกับลี่หลินไม่คิดเลยว่า กินเสร็จแล้วยังจะมีของหวานมาเสิร์ฟเพิ่มอีก พอเห็นขนมดอกหอมหมื่นลี้สีอำพันใสแจ๋ว ด้านในมองเห็นเกสรดอกไม้เล็กๆ สีเหลืองทองกับเก๋ากี้สีแดงตัดกันสวยงาม
ขนมถูกตัดเป็นทรงสี่เหลี่ยมวางบนจานใบเล็ก ด้านบนโรยผงดอกหอมหมื่นลี้เล็กน้อย ตงอ้ายรีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปทันที แก้วน้ำมะตูม แจกันดอกไม้ใบเล็ก ขนมวุ้นสวยงาม และมุมของต้นซางใหญ่ในสวน มุมนี้โรแมนติกจนใจเต้นเลยทีเดียว
ลี่หลินถึงจะอิ่มมากแล้ว วันนี้เธอกินไปเยอะกว่าปกติ อีกทั้งขนมหวานก็ไม่ใช่ของโปรดเสียด้วย “แต่แบบ...เมื่อกี้ก็กินไปเยอะแล้วอะ ถ้าไม่กินเลยเดี๋ยวเชฟสาวสวยจะเสียใจไหมเนี่ย”
“เธอนี่โกหกหน้าตายนะ จริงๆ ก็แค่ไม่ชอบขนมหวานใช่รึเปล่า” ตงอ้ายพูดยิ้มๆ พลางใช้ช้อนตักขนมขึ้นมาชิมหนึ่งคำ ขนมเพิ่งเข้าปากก็รับรู้ได้ถึงความหอมหวาน กลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ลอยขึ้นไปถึงลำคอ รสชาติดีเกินกว่าที่คาดไว้ เนื้อขนมคล้ายวุ้น เหนียวนุ่ม หวานกำลังดี เย็นสดชื่นเต็มปากเต็มคำ กลิ่นหอมของดอกไม้คลุ้งอยู่ในปากแบบไม่จางหาย
ขนมนี้...อร่อยเกินไปแล้ว
“ถ้าเธอไม่กิน งั้นให้ฉัน…”
ยังไม่ทันพูดจบ คนที่เมื่อครู่ยังบ่นว่าอิ่มจนขยับตัวไม่ไหว ก็จัดการกินไปแล้วครึ่งชิ้น อีกครึ่งก็กำลังจะหายเข้าปากเร็วๆ นี้ นี่แหละนะที่เรียกว่า “อิ่มมากกกก”
ทั่งสองคนจัดการอาหารทุกอย่างบนโต๊ะหมดเกลี้ยง ตอนนี้ได้แต่นั่งพิงพนักเก้าอี้ มองท้องฟ้าสีฟ้าใสอย่างมีความสุข ใครกันนะที่บอกว่าร้านนี้ไม่มีอะไรพิเศษ?
ของทุกอย่างอร่อยจนวางช้อนตะเกียบไม่ลงเลยต่างหาก!
ขอสารภาพว่าตอนแอดอิดิทเรื่องนี้ คือหิวทุกตอนเลยแกกกกกกกก
ไม่ว่าจะเมนูใดๆ แอดอยากอีทททททมากกค่าาา แต่ละเมนูช่างยั่วน้ำลายเหลือเกิน
วันนี้มากับเพื่อนสนิทชื่อ “หยู่เยียน” ให้ช่วยถือกล้องให้ เธอจัดทรงผมนิดหน่อยก่อนจะเริ่มไลฟ์“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่Meo Blog ทายสิว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเอ่ย”หยู่เยียนรู้หน้าที่ดี รีบหมุนกล้องตามนิ้วของเธอที่ชี้ไปบริเวณรอบๆ“ถูกต้องค่า! ตอนนี้เราอยู่ที่เหิงเตี้ยน แฟนๆ เคยแนะนำมาว่าที่นี่มีร้านข้าวชื่อ ‘ตระกูลถัง’ อร่อยมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาลองให้ได้ และมาแชร์กับทุกคนด้วยนะคะ! ได้ข่าวว่าต้องต่อคิว ก็เลยรีบมาตั้งแต่เนิ่นๆ อ้าว มีคนมารอก่อนเราแล้ว!”ซินหยางเดินมาเจอคนยืนรอคิวอยู่แล้ว ทั้งที่ยังไม่ถึงห้าโมงเย็น ทำเอาเธอพูดเสียงเบาลงทันที เพราะรอบตัวก็เริ่มมีคนเยอะขึ้น“ไม่น่าเชื่อเลยทุกคน ยังไม่ห้าโมงแท้ๆ แต่มีคนมารอกินข้าวกันแล้วอะ”ระหว่างรอ คนในคิวก็พูดคุยกันเพลิน ส่วนใหญ่ก็พูดถึงร้านตระกูลถังนั่นแหละ“ผมค
ด้านหน้าร้าน ถังเหยาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงเดินออกมาดู แล้วต้องแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเกาเหวินยืนอยู่ตรงนั้นเจ็ดโมงครึ่งเช้าเองนะ...มาถึงตั้งแต่เช้าแบบนี้ คิดจะมากินอาหารเช้าหรือยังไงกัน? ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลยด้วยซ้ำ“สวัสดีครับคุณถัง ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าร้านเปิดขายอาหารเช้าตอนกี่โมงครับ?”“ขอโทษด้วยค่ะคุณเกา ร้านเราไม่ได้ขายอาหารเช้าค่ะ”เกาเหวินได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็พลันดูผิดหวังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ถังเหยารู้สึกแปลกใจเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเล่าเรื่องของกู้จื่ออวี้ให้เธอฟัง พร้อมหยิบใบวินิจฉัยสุขภาพเมื่อวานให้ดู เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ดูสุขุมคนนั้น จะป่วยหนักขนาดนี้“จริงๆ ผมก็พยายามไปซื้อจากร้านอื่นให้แล้วนะครับ แต่เขากินไม่ได้เลย...ใครจะคิดว่าเมื่อวานเขาจะกินได้เยอะขนาดนั้น แถมตอนกลางคืนก็ยังหลับได้ดี ไม่กระสับกระส่ายเหมือนทุกที ผมเลยกะว่าจะมาซื้อให้ครบสามมื้อเลย แต่ไม่รู้ว่าร้านคุณไม่ได้ขายอาหารเช้า”
โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่เพิ่งกินเสร็จ ต่างก็มองมาทางเขาแล้วกระซิบกระซาบกันเบาๆ“คนนั้นใช่กู้จื่ออวี่รึเปล่านะ ฉันดูจากข้างหลังก็ว่าใช่เลย”“มองด้านข้างก็เหมือนอยู่นะ คนที่นั่งข้างๆ ใช่ผู้จัดการเการึเปล่า?”“น่าจะใช่แน่เลย ทำยังไงดี อยากขอลายเซ็นจังเลย”เกาเหวินหยิบหมวกส่งให้กู้จื่ออวี่สวม จากนั้นหันไปมองข้างนอกที่เริ่มมีคนมาต่อคิว ถ้าลุกขึ้นตอนนี้มีหวังสร้างความวุ่นวายให้ร้านแน่ เขาเลยกระซิบกับผู้ใหญ่เบาๆ ผู้กำกับเฉินจึงลุกขึ้นพาสองคนเดินไปทางครัว “เสี่ยวเหยา หนูว่างไหม ลุงมีเรื่องอยากขอหน่อย”ถังเหยาเพิ่งทำข้าวผัดให้ลูกค้าเสร็จ ยังไม่มีออเดอร์ใหม่จึงว่างอยู่พอดี หันมาอีกทีก็เห็นผู้กำกับเฉินยืนอยู่พร้อมกับชายสองคนด้านหลัง คนหนึ่งใส่แว่น มองเธอแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทีสุภาพ อีกคนสวมหมวกกับหน้ากาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็แค่กะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงทักทายผู้กำกับเฉินมาขอเธอว่าอยากให้สองคนนี้ ไปรอนั่งที่ลานหลังบ้านสักพัก เพราะเหมือนจะมีแฟนคลับจำได้ ถ้าเดินออกไปตอนนี้เกรงว่าจะรบกวนลูกค้าคนอื่น ถังเหยามองไปข้างหลังครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้ตกลง เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วผู
เกาเหวินรู้สึกว่าบรรยากาศของร้านนี้พิเศษจริงๆ ตอนแรกเขายังกลัวว่ากู้จื่ออวี่จะถูกคนจับตามอง แต่ผิดคาด ทุกคนในร้านต่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่มีใครว่างคุยกันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่มองซ้ายมองขวา เพราะข้างนอกยังมีคนรออยู่ พอกินเสร็จก็ลุกแล้วรีบไปเลยยิ่งไปกว่านั้น แต่ละโต๊ะยังจัดแบบมีระยะห่าง ไม่อึดอัดเหมือนร้านทั่วไป โต๊ะของพวกเขาอยู่ใต้ต้นเหมยตรงมุมลาน มีโคมกระดาษแขวนบนกิ่งไม้ดูสวยงาม จากมุมนี้มองเข้าไปด้านในคล้ายโรงเตี๊ยมย้อนยุคยังไงยังงั้นหยางอิงกับลุงหวังยกอาหารมาเสิร์ฟ พอเห็นเป็นโต๊ะของคนรู้จัก ก็ไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “ลุงซ่งคะ ถังเหยาฝากมาบอกลุงทั้งสองว่าดื่มได้แค่ไหเดียวนะคะ ต้องดูแลสุขภาพไว้กินของอร่อยไปอีกนานๆ”“ได้สิ ได้แน่นอน ลุงสองคนแชร์กันแค่ไหเดียวพอ บอกเสี่ยวเหยาว่าไม่ต้องห่วงนะ”เกาเหวินถึงกับเหวอเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นยิ้มสดใสเ หมือนพระอาทิตย์เดินมาอยู่ตรงหน้า เผลอมองตามจนเธอเดินลับตาไป พอได้กลิ่นหอมลอยมาเขาถึงดึงสายตากลับได้โต๊ะของพวกเขาสั่งกับข้าวมาอย่างละจาน โดยเฉพาะหมูตุ๋นตงพอสั่งไซส์ใหญ่สุด วันนี้เลือกกินแค่ข้าวผัดหยางโจวกับข้าวสวยร้อนๆ เพื่อให้เข้ากับหมูตุ๋น เ
ช่วงเวลานี้ที่กองถ่ายในเหิงเตี้ยนถือว่าเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุด ทุกคนต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองเหิงเตี้ยนได้ชื่อว่าเป็นกองถ่ายที่ไม่เคยหลับใหล ไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนผู้กำกับเฉินและผู้กำกับซ่ง ได้นัดกันไว้ว่าเย็นนี้หากเลิกงานเร็วแล้วจะแวะไปที่ “ร้านตระกูลถัง” ขอเพิ่มเหล้าสักไห เหล่าซ่งนั่งดูวิดีโอของนักแสดงที่เพิ่งถ่ายเสร็จ ตอนนี้ในบรรดากองถ่ายทั้งหมดที่เหิงเตี้ยน มีแค่สองโปรเจกต์ที่ได้รับการลงทุนสูงที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา อีกเรื่องคือของผู้กำกับเฉินกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะถ่ายซ้ำฉากเมื่อกี้ดีไหม จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามา “ผู้กำกับซ่งครับ ผมกลับมาแล้ว”เขามองไปทางผู้จัดการเกา สีหน้าอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด “เป็นอะไรไป? แล้วไอ้หนูคนนั้นหายไปไหน?”“เขาไปแต่งหน้าแล้วครับ แต่เรื่องที่ผมจะเล่า...หนักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ นักโภชนาการบอกว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ร่างกายจะทรุดหนักแน่นอน และพอถึงตอนนั้นอาจจะสายเกินไป เขาไม่ใช่แค่ไม่ยอมกิน แต่ยังไม่รู้สึกว่าควรกินด้วยซ้ำ วันนี้ทั้งวันถ้าผมไม่เตือน เขาคงลืมไปเลยว่าต้องกินข้าว
ความโดดเด่นที่สุดของจานนี้ ต้องยกให้กับฝีมือการปรุงรส และความสามารถในการควบคุมไฟของ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงถึงจะทำได้แบบนี้ จะใช้ไฟแรงตอนไหน ควรลดไฟหรือถอนฟืนเมื่อใด ทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ประสบการณ์ควบคุม เพื่อให้เนื้อหมูซึมซับน้ำซอสได้อย่างทั่วถึง โดยไม่เละ ไม่แห้ง และยังคงความสดฉ่ำของวัตถุดิบไว้อย่างสมบูรณ์แบบนี่เป็น หมูต้มตงพอ ที่อร่อยที่สุดที่เขาเคยกิน ยิ่งกว่าเมนูขึ้นชื่อของร้านดังเต๋ออี้จิ่วโหลว ที่เขาเคยหลงใหลเสียอีกที่นั่นแต่ละจานจะใช้หม้อดินขนาดเล็กเคี่ยวแยกกันทีละหม้อ ถึงจะได้รสชาติแบบนั้น แต่ที่ร้านตระกูลถังกลับเคี่ยวรวมหม้อใหญ่ แต่ยังคงความสวยงามและรสชาติระดับเทพเอาไว้ได้ทุกชิ้น ฝีมือเชฟสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ทั้งเรื่องมีดและการควบคุมไฟ พรสวรรค์ชัดๆ!พอเที่ยงตรงนักแสดงตัวประกอบ รวมถึงพนักงานในกองถ่ายหลายคณะที่เพิ่งเลิกกอง พอมีเวลาปุ๊บก็รีบพุ่งไปที่ร้านตระกูลถัง หวังจะได้ลิ้มรสเมนูใหม่ที่ได้ยินข่าวลือมาว่ามีขายวันนี้ หมูต้มตงพอ สีสวยเคลือบน้ำซอสข้นๆ นั่นแหละ! เมนูในตำนานที่หลายคนรอคอย ยังไม่ทันจะได้กดสั่ง ก็เห็นข้อความที่ทำให้เข่าอ่อนหม